หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 290
บทที่ 290
เจียงถังลงมือได้รวดเร็วกว่าที่นึกภาพไว้มาก ไม่ถึงสองวันประตูคุกหลวงก็เปิดออก เฉียวโม่ถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว
เซ่าหมิงยวนมารับเขาด้วยตนเอง
ด้านนอกแสงแดดสว่างเจิดจ้า เทียบกับภายในคุกที่มืดสลัวอับชื้นแล้วราวกับโลกคนละใบ
เฉียวโม่สูดอากาศสดชื่นเข้าปอดลึกๆ เฮือกหนึ่งก่อนเหลียวมองรอบตัว เขาไม่เห็นเงาร่างซึ่งนึกว่าจะปรากฏกายที่นี่สายนั้นแล้วอดผิดหวังไม่ได้
“พี่เฉียวโม่ ขึ้นรถม้าเถอะ” เซ่าหมิงยวนยื่นมือไปประคองเฉียวโม่
เฉียวโม่ดึงสายตากลับแล้วขึ้นไปนั่งบนรถม้า ระหว่างที่กลับไปยังจวนกวนจวินโหว เขาถามขึ้นอย่างอดใจไม่ไหวในที่สุด “คุณหนูหลีรู้ว่าข้าออกมาแล้วหรือไม่”
เซ่าหมิงยวนแปลกใจอยู่สักหน่อย เขาสัมผัสได้อย่างเฉียบไวว่าท่าทีของเฉียวโม่ต่อคุณหนูหลีไม่ค่อยเหมือนเดิม
เขาไม่ปิดบัง “ความจริงที่พี่เฉียวโม่ออกมาได้เร็วอย่างนี้เป็นความดีความชอบของคุณหนูหลี”
“หือ?”
“คุณหนูหลีไปหาเจียงถัง”
เฉียวโม่หน้าเปลี่ยนสีทันควัน “ผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลิน?”
เซ่าหมิงยวนผงกศีรษะ “อื้อ”
“เหตุใดเจียงถังถึงรับปากนาง” เฉียวโม่ทำสีหน้าไม่ดียิ่งขึ้น
“คุณหนูหลีบอกว่านางทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนอย่างยุติธรรมกับเจียงถัง ส่วนว่าเป็นอะไรกันแน่นั้น ข้ามิได้ถาม”
“เหตุใดท่านโหวไม่ถาม นางเป็นเด็กสาวผู้หนึ่งจะทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนอย่างยุติธรรมอันใดกับผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินได้” เฉียวโม่ยิ้มอย่างฝืดเฝื่อน
เซ่าหมิงยวนหยักยิ้ม “คุณหนูหลีไม่พูด ข้าก็ไม่ถาม แต่ข้าเชื่อว่านางไม่ใช่คนอวดเก่ง”
เฉียวโม่นิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนเอ่ยขึ้น “ท่านโหว ข้าอยากพบคุณหนูหลี”
“พี่เฉียวโม่ออกมาวันนี้ ข้าส่งคนไปบอกคุณหนูหลีแล้ว แต่นางบอกว่ามีธุระเลยยังไม่มาตอนนี้”
เฉียวโม่หลับตาลง
การใช้ชีวิตในคุกหลวงหลายวันทำให้เขาอ่อนล้าทั้งกายใจ ทว่าพอนึกไปถึงของในถุงผ้าปักพวกนั้น เขาก็อยากเจอเด็กสาวนางนั้นใจจะขาด อยากถามนางให้รู้ดำรู้แดง
นี่นางคงไม่ได้เจตนาหลบหน้าข้ากระมัง
ครั้นคิดถึงตรงนี้ คุณชายเฉียวผู้ควบคุมอารมณ์ได้เสมอกลับรู้สึกอดทนรอไม่ไหวแม้สักอึดใจเดียว
“พี่เฉียวโม่วางใจได้ วันนี้คุณหนูหลีต้องมาแน่”
เฉียวโม่ลืมตาขึ้น
เซ่าหมิงยวนบอกกล่าวตามสัตย์จริง “หลังจากนี้คุณหนูหลีต้องมาฝังเข็มให้ข้าทุกวัน ดังนั้นนางสะสางธุระเสร็จแล้วก็จะมาที่นี่อย่างแน่นอน”
“ได้เช่นนั้นก็ดี” เฉียวโม่มองเซ่าหมิงยวนอย่างพินิจครู่หนึ่ง สีหน้าแววตาของเขาปนเปไปด้วยอารมณ์หลากหลายพอดู
เซ่าหมิงยวนไม่เข้าใจสายตาของอีกฝ่าย เขากล่าวเตือนขึ้น “พี่เฉียวโม่ไปชำระกายผลัดอาภรณ์ก่อนเถอะ ประเดี๋ยวกินอะไรสักนิดแล้วพักผ่อนให้เต็มที่ รอคุณหนูหลีมาถึง ข้าจะแจ้งให้ท่านทราบทันที”
“ได้” เฉียวโม่พยักหน้า ความทุรนทุรายในจิตใจตลอดสองวันนี้เพิ่งบรรเทาเบาลงเล็กน้อย
เพลานี้เฉียวเจาเข้าไปดื่มชาในที่ว่าการกององครักษ์จินหลินตามคำเชิญของเจียงถัง
ชารับรองแขกเป็นชาขนขาวเข็มเงิน* ชั้นเลิศ เฉียวเจาดื่มคำหนึ่งก็ได้กลิ่นหอมอบอวล นางวางถ้วยน้ำชาแล้วกล่าวยิ้มๆ “ชาดีจริงๆ เจ้าค่ะ”
“ชาหลวงคัดพิเศษ ปีหนึ่งมีไม่ถึงสิบชั่ง” เจียงถังกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง สีหน้าแววตากลับมาฉายรอยเมตตาใจดีดังเก่า
“อย่างนั้นเป็นลาภปากของข้าโดยแท้ ขอบคุณท่านผู้บัญชาการใหญ่มากเจ้าค่ะ”
หลังโอภาปราศรัยกันจบ เจียงถังพูดเข้าเรื่องทันที “คุณชายเฉียวออกจากคุกแล้ว คุณหนูหลีสมควรทำตามสัญญากระมัง”
เขากินยาลูกกลอนที่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทดสอบพิษแล้ว หลังนั่งถ่ายในห้องเวจนานพักใหญ่ พอออกมาก็รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ครั้นตกดึกถึงกับไม่ชักกระตุกอีก อาการใจสั่นตอนเช้ายังทุเลาลงไม่น้อย
หากพูดว่าเริ่มแรกเขามีความคิดแค่ว่าลองดู บัดนี้เขาต้องเอาตำรับยาขนานนั้นมาให้จงได้
เฉียวเจาหยิบซองสารที่พับทบกันซองหนึ่งออกจากแขนเสื้อเลื่อนส่งไปให้
เจียงถังดึงแผ่นกระดาษในนั้นออกมากวาดตาดูผ่านๆ
ในนั้นเขียนสมุนไพรนานาชนิดที่เป็นส่วนผสมของยาไว้ แม้กระทั่งขั้นตอนการปรุงยาก็เขียนบอกอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
นี่เป็นตำรับยาที่แสดงถึงความจริงใจอย่างมากแผ่นหนึ่ง
ความรู้สึกที่เจียงถังมีต่อเด็กสาวตรงหน้ายิ่งซับซ้อนขึ้น เขาเก็บซองสารขึ้นแล้วกล่าว “หลังข้านำไปให้หมอลองปรุงเป็นยา ถ้ามีจุดที่ไม่เข้าใจ ถึงเวลาหวังว่าคุณหนูหลีจะใจกว้างช่วยชี้แนะด้วย”
“แน่นอนเจ้าค่ะ” เฉียวเจารับปากโดยไม่อิดออด
เจียงถังเห็นสีหน้านางสงบนิ่ง ไม่รู้ว่าเพราะมั่นใจเต็มอกหรือเป็นดังคำกล่าวว่าผู้ไม่รู้ไม่หวาดกลัว จึงกล่าวลองเชิงยิ้มๆ “คุณหนูหลีไม่กลัวข้าจะกลับลำตามไประรานเจ้าในภายหลังหรือ”
เมื่อได้ตำรับยาไว้ในมือและปรุงยาที่รักษาพิษโอสถทิพย์ออกมาสำเร็จ นางยังจะมีเบี้ยต่อรองอะไรอีก
ได้ยินเจียงถังถามคำนี้ เฉียวเจากล่าวด้วยสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน “ข้าได้ยินมาว่าตำแหน่งราชครูของราชวงศ์นี้เปลี่ยนมาสามคนแล้ว”
ฮ่องเต้หมิงคังเลื่อมใสในลัทธิเต๋าแสวงหาชีวิตอมตะ เป็นธรรมดาที่จะระดมนักพรตชื่อดังทั่วหล้ามาสกัดยาอายุวัฒนะให้เขาในวังหลวง คนที่มีฐานะสูงสุดในบรรดานักพรตเหล่านี้ก็คือราชครูที่โอรสสวรรค์เป็นผู้แต่งตั้งเอง
ทว่าฮ่องเต้ไม่อยู่กับร่องกับรอยยากจะหยั่งเดาอารมณ์ได้ วันนี้เป็นราชครู พรุ่งนี้อาจจะกลายเป็นนักโทษหรือถึงขั้นจบชีวิตไปแล้วก็ได้
เจียงถังยังไม่เข้าใจในชั่วขณะว่าเหตุไฉนเฉียวเจาถึงเอ่ยเรื่องนี้ เขายิ้มพลางพูดด้วยสีหน้าเป็นปกติ “ไม่ผิด เปลี่ยนราชครูไปสามคนแล้ว เหตุใดรึ”
เฉียวเจายกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบคำหนึ่ง ดูท่าทางไร้พิษสงเฉกเช่นเด็กสาววัยแรกแย้มทั่วๆ ไป นางกล่าวพร้อมรอยยิ้มละไม “หรือท่านผู้บัญชาการใหญ่ไม่ทราบว่าราชครูไม่ได้มาจากสำนักเดียวกัน วิธีและส่วนผสมในการสกัดยาของแต่ละสำนักล้วนแตกต่างกัน”
เจียงถังหุบยิ้มทันควัน พูดถึงตรงนี้ เขาฟังเข้าใจแล้ว
ลัทธิเต๋ายังแบ่งออกเป็นสำนักต่างๆ มีวิธีการและส่วนผสมในการสกัดยาไม่เหมือนกัน ยาลูกกลอนที่ได้ออกมาจึงไม่เหมือนกัน เห็นได้ง่ายดายว่าย่อมก่อให้เกิดพิษโอสถทิพย์ไม่เหมือนกัน
แม่นางน้อยผู้นี้กำลังเตือนเขาว่าหากเขาได้ตำรับยาไปแล้วคิดถีบหัวเรือส่ง เช่นนั้นรอหลังจากฮ่องเต้แต่งตั้งราชครูคนใหม่ ตำรับยาถอนพิษใบนี้ก็กลายเป็นเศษขยะแผ่นหนึ่ง
เจียงถังมองเด็กสาวเบื้องหน้าตาเขม็ง เช่นนี้เขาผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินผู้ทรงเกียรติมิต้องตกเป็นเบี้ยล่างของสาวน้อยนางหนึ่งหรอกหรือ
เฉียวเจาประสานสายตากับเขาอย่างเปิดเผย ประหนึ่งถามเขาว่า ‘แล้วจะเอาอย่างไรเล่า แน่จริงก็สังหารข้าเลยสิ’
ใต้หล้านี้มีการตกเป็นเบี้ยล่างแบบหนึ่งเช่นนี้เอง มิใช่ว่าการฆ่าหรือถีบหัวเรือส่งจะแก้ไขได้
สุดท้ายเจียงถังดึงสายตาคืน ถอนใจเฮือกหนึ่ง “คุณหนูหลี ต่อแต่นี้ท่านต้องรักษาตัวให้ดีๆ จึงจะถูก”
เฉียวเจาแย้มยิ้ม “หวังว่าท่านผู้บัญชาการใหญ่จะคอยให้ความช่วยเหลือดูแลด้วย”
นางวางถ้วยน้ำชาลง “ข้ายังมีธุระ ต้องขออำลาก่อน ขอบคุณชาชั้นดีของท่านเจ้าค่ะ”
เจียงถังมองเด็กสาวที่สุขุมเยือกเย็นอย่างขบขันระคนจนปัญญา
เขาอยู่มาจนอายุปูนนี้ถึงพร้อมด้วยยศศักดิ์และอำนาจ วาจามีน้ำหนัก แต่บัดนี้กลับหมดปัญญาจะทำอะไรสาวน้อยผู้หนึ่งได้
หากสามารถดึงเด็กสาวผู้นี้มาทำงานรับใช้ตนเองได้…
ความคิดนี้จุดวาบขึ้นในหัว เจียงถังเอ่ยสั่งองครักษ์จินหลินด้านข้าง “ตามสืออีมา”
ไม่นานนักบุรุษรูปงามท่าทางเย็นชาคนหนึ่งก้าวเข้ามา “ท่านผู้บัญชาการใหญ่”
“ส่งคุณหนูหลีกลับจวน” เจียงถังออกคำสั่ง
“ขอรับ” เจียงสืออีมาตรงหน้าเฉียวเจา “เชิญคุณหนูหลี”
เฉียวเจาลุกขึ้นยืน “ไม่ต้องรบกวนเจ้าค่ะ”
“คุณหนูหลีเป็นแขกคนสำคัญของข้า ให้คนตามไปส่งก็เป็นเรื่องสมควร โปรดอย่าปฏิเสธเลย” เจียงถังส่งสายตาบอกเจียงสืออี
เฉียวเจาเห็นเช่นนี้ก็ไม่บอกปัดอีก นางยอบกายคำนับเจียงถังแล้วย่างเท้าเดินออกไป
ผ่านไปไม่นานนักเจียงสืออีย้อนกลับมาอย่างปราศจากสุ้มเสียงใด
เจียงถังแปลกใจ “เร็วเพียงนี้?”
เจียงสืออีแปลกใจเช่นกัน “ไปส่งที่รถม้าหน้าประตู…” ต้องนานเพียงใดหรือ
เจียงถังมองเขาอย่างไม่ได้ดั่งใจ “ใครบอกให้เจ้าไปส่งที่หน้าประตู!”
พอเห็นเจียงสืออีทำสีหน้าเฉยเมยไม่แสดงอารมณ์ใดดังเก่า เจียงถังคับใจระลอกหนึ่ง โบกมือพลางบอก “ออกไปเถอะ!”
มิน่าหร่านรานถึงปักใจกับสือซานตั้งแต่วัยเยาว์ แต่กลับไม่เห็นสืออีที่รูปโฉมโดดเด่นกว่าแท้ๆ อยู่ในสายตา ก็ทื่อเป็นตอไม้เช่นนี้ ใครจะชื่นชอบ!
* ชาขนขาวเข็มเงิน เป็นชาขาวชั้นดี รูปทรงเรียวยาว มีขนสีขาวหุ้มไว้ทำให้สีคล้ายสีเงิน จึงเป็นที่มาของชื่อ