หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 306
บทที่ 306
หลีกวงเหวินโดนผลักจนตัวเซ
หลีฮุยประคองบิดาไว้ กล่าวอย่างโมโหโทโส “ผลักคนได้อย่างไรกัน!”
หลีกวงเหวินโบกมือไปมา “ฮุยเอ๋อร์ไม่ต้องพูด พวกเขาก็เหน็ดเหนื่อยเหมือนกัน”
เขาพูดจบแล้วไปยกหินก้อนเล็กลงออก
“ข้าว่าท่านไม่มีแม้แต่แรงจะเชือดไก่แล้วจะเกะกะขวางทางอีกด้วยเหตุใด รออยู่ด้านข้างเฉยๆ เถอะ” เจ้าหน้าที่เอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด
บัณฑิตผู้นี้ยังนับว่าพูดจาน่าฟัง แต่ยิ่งช่วยยิ่งยุ่งเช่นนี้ก็ไม่ถูกต้อง
“ข้าไม่ได้เกะกะขวางทางนะ ท่านดู หินก้อนใหญ่เท่านี้ ข้ายกไหวแล้ว” หลีกวงเหวินอุ้มก้อนหินเดินไปที่รถลาก
หลีฮุยเห็นดังนั้นแล้วเม้มปากก้มตัวลงอุ้มก้อนหินขึ้นตามอย่างบิดา
เจ้าหน้าที่เห็นสองพ่อลูกคู่นี้แปลกพิลึกดีแท้ ก็อดไต่ถามหลีฮุยไม่ได้ “คุณชายน้อยเป็นคนตระกูลใด หรือว่ามีญาติพี่น้องขึ้นเขาไปเมื่อวานนี้”
“อื้อ” หลีฮุยไม่บอกอย่างละเอียด เขาเลียบเคียงถาม “ข้าได้ยินว่าเมื่อวานก็มีพวกเจ้าหน้าที่ทางการมาเก็บกวาด ยังขุดพบศพหลายศพด้วยหรือ”
“อย่างนั้นหรือ เรื่องนี้ข้าไม่รู้หรอก ข้าเพิ่งถูกส่งมาตัวมาทำงานวันนี้ คุณชายน้อย ข้าเห็นพวกท่านสองพ่อลูกล้วนเป็นบัณฑิต จะยกก้อนหินไหวที่ใดกัน ไปรอทางโน้นเถอะ”
“ยกออกก้อนหนึ่งก็ลดลงก้อนหนึ่ง เช่นนั้นถนนจะใช้การได้เร็วขึ้น”
เวลานี้เองก็มีเสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้น “มีศพอีกแล้ว! เฮ้อ…เป็นหญิงสาวสองคนตามเคย…”
เสียงตุบดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงร้องโอดโอยทันที เสียงนี้คุ้นหูยิ่งนัก หลีฮุยหันขวับไปมองก็เห็นหลีกวงเหวินกุมเท้าข้างหนึ่งกระโดดเหยงๆ
“ท่านพ่อ!” หลีฮุยรีบวิ่งเข้าไป “ท่านเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
“แค่หินหล่นใส่เท้า ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ พยุงข้าไปดูสถานการณ์ทางนั้นเร็วเข้า”
พอได้ยินว่าเป็นหญิงสาวสองคน ในใจหลีฮุยกระวนกระวายมากดุจเดียวกัน เขาเป็นห่วงว่าหลีกวงเหวินจะทนไม่ไหว จึงประคองบิดาพลางบอก “ทางนั้นเดินไปลำบาก ท่านพ่อนั่งรอตรงนี้ก่อน ข้าไปดูเองขอรับ”
หลีกวงเหวินเจ็บเท้ามากพอดูจึงไม่ดึงดันอีก
หลีฮุยเดินย่ำเศษหินดินโคลนเข้าไป แต่ยังไปไม่ถึงก็เห็นเจ้าหน้าที่สองคนหามศพสองศพเดินผ่านมา
เพราะถูกฝังมาหนึ่งคืน อีกทั้งเป็นกลางฤดูร้อน สภาพของทั้งสองศพจึงเปลี่ยนไปจนมองเค้าเดิมไม่ออกโดยสิ้นเชิง เพียงบ่งบอกได้จากเสื้อผ้าและทรงผมว่าเป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือน หนึ่งในนั้นแต่งกายด้วยชุดสาวใช้
หลีฮุยเข่าอ่อน ถอยกรูดๆ หลายก้าว
เมื่อวานน้องเจาสวมอาภรณ์แบบใดตอนออกจากเรือน
สมควรตายนัก ข้าไปสำนักศึกษาแล้วเลยไม่ล่วงรู้สักนิด!
“เป็นอย่างไรบ้าง” พอเห็นบุตรชายย้อนกลับมา หลีกวงเหวินก็รีบเอ่ยถามอย่างร้อนใจ
หลีฮุยส่ายหน้าตอบ
“ไม่ใช่น้องเจาของเจ้า?” หลีกวงเหวินกุมเท้าที่โดนหินหล่นใส่จนเลือดออกพลางหัวเราะคล้ายเป็นเด็กน้อย
หลีฮุยอดกลั้นไว้ เขายังคงไม่อาจโกหกบิดาได้ “ข้าดูไม่ออกขอรับ สภาพของสองศพนั่นเปลี่ยนไปแล้ว เพียงแยกแยะออกได้คร่าวๆ ว่าเป็นหญิงสาวนางหนึ่งกับสาวใช้นางหนึ่ง”
หลีกวงเหวินตะลึงงันไป
เวลานี้เองเสียงฝีเท้าม้าดังลอยมา ชายหนุ่มสามคนพลิกกายลงม้าเดินเคียงไหล่กันเข้ามา เป็นฉือชั่น หยางโฮ่วเฉิง และจูเยี่ยนนั่นเอง
ฉือชั่นมองปราดเดียวก็เห็นหลีกวงเหวินนั่งตาลอยอยู่ เขาเดินลิ่วๆ เข้าไปหา “ท่านอาหลี”
หลีกวงเหวินเงยหน้าขึ้นพูดพึมพำ “เจ้าเองหรือ…”
“ท่านอาหลี ท่าน…เป็นอะไรไป” ฉือชั่นได้ยินข่าวนี้แต่เช้าก็รุดไปที่จวนกวนจวินโหวเป็นอันดับแรก ผลปรากฏว่าเซ่าหมิงยวนไม่อยู่ เขายังไม่ได้กลับไปเลย
ต้องเกิดเรื่องขึ้นกับหลีซานเป็นแน่แท้!
พักนี้ฉือชั่นไปชวนหลีกวงเหวินเดินหมากบ่อยๆ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่รุดหน้าขึ้นกลายเป็นสหายเดินหมากที่ถูกคอกันแล้ว ขอบตาของหลีกวงเหวินร้อนผ่าวขณะยกมือชี้ไปที่ที่วางศพไว้ พลางกล่าวว่า “บุตรสาวข้า…”
ฉือชั่นหน้าเปลี่ยนสีไปถนัดตา เขาเซไปข้างหลังหลายก้าวถึงทรงตัวไว้ได้ จากนั้นรีบสาวเท้าเร็วรี่เดินไปทางนั้น
ที่นั่นวางศพไว้เจ็ดแปดศพคลุมด้วยผ้าขาว
ฉือชั่นกวาดตามองปราดหนึ่ง เห็นศพสองศพที่วางไว้ติดๆ กันใต้ผ้าขาวมีขนาดเล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าเขาซีดเผือดลงทันใด ค่อยๆ คุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วเอื้อมมือไปเลิกผ้าขาวขึ้น
“สือซี…” หยางโฮ่วเฉิงเดินมาถึงข้างกายสหายรัก เขาอดส่งเสียงเรียกไม่ได้
ฉือชั่นไม่เปล่งเสียงตอบสักคำ เขาเลิกผ้าขาวเปิดพรึบ
ศพสตรีใต้ผ้าขาวมีสภาพน่ากลัว เสื้อกั๊กที่มองสีเดิมไม่ออกแล้วบนร่างบ่งชัดถึงฐานะสาวใช้ของนาง
ฉือชั่นพลันหอบหายใจเฮือกหนึ่งแล้วหลับตาลง เขาเลิกผ้าขาวอีกผืนหนึ่งขึ้น
หยางโฮ่วเฉิงเบนสายตาออกอย่างทนดูไม่ไหวอีก แต่ฉือชั่นเพ่งมองใบหน้าศพของสตรีโดยไม่กะพริบตา
ใบหน้าของศพเป็นแผลเหวอะหวะ บวมอืดเหมือนซาลาเปา ต่อให้เป็นคนใกล้ชิดกว่านี้ก็เกรงว่าคงจำไม่ได้
ฉือชั่นมองอย่างงงงัน เขาไต่ถามหยางโฮ่วเฉิงเสียงเบา “ใช่หรือไม่”
หยางโฮ่วเฉิงนิ่งเงียบไร้วาจา
ฉือชั่นพลันยื่นมือไปเจียนจะสัมผัสใบหน้าของศพสตรีก็ถูกหยางโฮ่วเฉิงจับไว้หมับ “สือซี เจ้าจะทำอะไร”
สุ้มเสียงของฉือชั่นสั่นเทาอย่างรุนแรง “ขะ…ข้าแค่ดูเท่านั้น”
“สือซี เจ้าอย่าทำอย่างนี้สิ” หยางโฮ่วเฉิงแสนทรมานใจ “กลายเป็นเช่นนี้แล้ว ดูไม่ออกเลยว่าเป็นใคร”
“ไม่…ไม่…ดูออกได้” ฉือชั่นดึงมือออกจากมือสหายรัก ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดตรงหว่างคิ้วของศพสตรีเบาๆ
หนึ่งที สองที สามที เขาเช็ดอย่างตั้งอกตั้งใจและระมัดระวังเป็นอันมาก
หลีฮุยพยุงหลีกวงเหวินมายืนดูอยู่ด้านข้างเงียบๆ ตั้งแต่เมื่อไรก็สุดรู้
ฉือชั่นไม่รับรู้โดยสิ้นเชิง เขาทุ่มความสนใจทั้งหมดไปตรงเบื้องหน้าสายตา
ในที่สุดคราบเลือดกับดินโคลนตรงหว่างคิ้วของศพสตรีถูกเช็ดออกจนสะอาดสะอ้านเผยให้เห็นพื้นผิวหน้าเรียบเกลี้ยงเป็นวงเล็กๆ ตรงนั้นได้
ฉือชั่นหลับตาลง จากนั้นกอดหยางโฮ่วเฉิงไว้สุดแรงพร้อมกับทุบไหล่เขา “ไม่ใช่นาง! หยางเอ้อร์ เจ้าเห็นหรือยังว่าไม่ใช่นาง!”
หยางโฮ่วเฉิงดีใจมากเช่นกัน เขาพยักหน้าถี่รัว “ถูกต้องๆ ไม่ใช่นาง สือซีเจ้ากลับนึกถึงจุดนี้ได้ ข้าไม่ทันคิดสักนิด”
เขาลืมไปว่าตรงหว่างคิ้วคุณหนูหลีมีไฝแดงเล็กๆ เม็ดหนึ่ง
ฉือชั่นหัวเราะออกแล้วไม่เหลือท่าทางเอื่อยเฉื่อยทรงเสน่ห์เช่นยามปกติให้เห็น กลับแลดูใสซื่อบริสุทธิ์ “แน่นอนอยู่แล้ว เจ้ามิใช่ข้าสักหน่อย…”
หยางเอ้อร์วางหลีซานไว้ในฐานะสหาย แต่เขาวางนางไว้ในหัวใจ
นี่จะเหมือนกันได้อย่างไรเล่า
“ไม่ใช่บุตรสาวข้าหรือ”
ฉือชั่นได้สติราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน เขามองศพสตรีน่ากลัวที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมอย่างรังเกียจแทบทนไม่ไหว รีบโยนผ้าเช็ดหน้าทิ้งลงบนพื้น ลุกขึ้นบอกกับหลีกวงเหวิน “ไม่ใช่นางแน่นอน”
หลีกวงเหวินยิ้มไม่หยุด “ไม่ใช่ก็ดีๆ”
จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าเจ้าหนุ่มผู้นี้ถูกตาขึ้นบ้าง ถ้าเจาเจากลับมาได้อย่างปลอดภัย ขอแค่นางชมชอบ เขาจะไม่ขัดขวางแล้ว
จูเยี่ยนสาวเท้าเข้ามาวางมือบนไหล่ฉือชั่น พูดเสียงกระซิบว่า “สือซี พวกเราไปคุยกันทางโน้น”
“มีอะไรรึ” ฉือชั่นกับหยางโฮ่วเฉิงเดินตามจูเยี่ยนไปยังมุมปลอดคน
“ข้าเพิ่งซักถามองครักษ์ของถิงเฉวียน พวกเขาบอกว่าเมื่อวานถิงเฉวียนปีนขึ้นเขาไปทางหน้าผาด้านนั้น ข้าคิดว่าถิงเฉวียนต้องไปตามหาคุณหนูหลีแน่”
ฉือชั่นตาเป็นประกาย “เจ้าจะบอกว่าหลีเจายังมีชีวิตอยู่หรือ”
จูเยี่ยนหยักยิ้ม “อย่างน้อยคุณหนูหลีไม่ได้โดนฝังอยู่ตรงนี้ ไม่เช่นนั้นไม่มีเหตุผลที่ถิงเฉวียนจะขึ้นไป พวกเจ้าว่าใช่หรือไม่”
ฉือชั่นกับหยางโฮ่วเฉิงพยักหน้า
“วางใจเถอะ ขอแค่ตอนนั้นไม่เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูหลี ถิงเฉวียนต้องพานางกลับมาอย่างปลอดภัยได้แน่นอน”
ฉือชั่นใคร่ครวญแล้วก้าวขาเดินไปหาหลีกวงเหวิน