หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 31
หลีกวงเหวินค่อนข้างยุ่งยากใจอยู่บ้าง
ถ้ากลับไปอบรมสั่งสอนตอนนี้ก็ดูไม่เข้าท่าจริงๆ เมื่อครู่ยังเดินหมากด้วยกัน ไหนเลยคนซื่อสัตย์สุจริตอย่างเขาจะกระทำเรื่องที่ไร้คุณธรรมดังเช่นการคิดบัญชีภายหลังเยี่ยงนี้
ถ้าไม่กลับไปอบรมสั่งสอน วันหน้าเจ้าลูกคนนั้นจะไม่ยิ่งเกะกะระรานตามอำเภอใจหรือ
เขาลังเลใจอยู่หลายตลบ ก่อนเอื้อมมือผลักประตูห้องหนังสือเปิดออก
ช่างเถิด ไว้คราวหน้าค่อยไปจะดีกว่า เขาจะได้ถามไถ่เจ้าลูกผู้นั้นด้วยว่ามีฝีมือเดินหมากสูงส่งปานนี้ได้อย่างไร
เหอซื่อภรรยาคนที่สองของหลีกวงเหวินมีเงินทองในมือเหลือเฟือ แต่เพราะมักโดนคนอื่นถากถางเรื่องชาติตระกูล พาให้นางรู้สึกว่าตนเองเป็นตัวถ่วงของบุตรสาว จึงหว่านเงินไปทั่วเพื่อจ้างอาจารย์มาสอนวิชาหลีเจาส่วนตัวโดยเฉพาะ วาดหวังว่าทักษะดีดพิณ เดินหมาก วาดภาพ ขี่ม้า และยิงธนูของบุตรสาวจะล้ำหน้าพวกคุณหนูของทั้งสองจวนได้
เพียงเสียดายที่แต่ไรมาหลีเจาไม่โดดเด่นสักทาง โดยเฉพาะขี่ม้ายิงธนูยิ่งย่ำแย่ไม่ได้ความ ถ้ายกคำซุบซิบลับหลังของคนในจวนมาพูดก็คือ คุณหนูสามมีจิตใจลำพองคึกคะนอง แต่ไม่มีร่างกายแข็งแกร่งพอให้ลำพองคึกคะนองได้
ในความทรงจำของหลีกวงเหวิน บุตรสาวผู้นี้อยู่ในชั้นสามัญมาโดยตลอด วันนี้ทำให้เขาตกใจยกใหญ่จริงๆ
ด้านหลีฮุยตามไปถึงเรือนฝั่งขวา พูดปลอบพี่สาวร่วมมารดาเดียวกัน พี่เจี่ยว ท่านอย่าเก็บมาใส่ใจเลย หลีเจาก็เป็นคนเช่นนั้นเอง นางเคยกล่าววาจาอะไรที่น่าฟังบ้าง
หลีเจี่ยวรินน้ำชาถ้วยหนึ่งให้น้องชายเอง นางกล่าวเสียงนุ่ม ข้ามิได้ใส่ใจ ถ้าใส่ใจคงทนอยู่ไม่ได้มานานแล้ว
หลีฮุยฟังแล้วลอบทุกข์ใจ ยื่นมือกุมมือของพี่สาวไว้ พี่เจี่ยว ท่านต้องกล้ำกลืนฝืนทนแล้ว ตอนนี้ข้าต้องเรียนหนังสือที่สำนักศึกษาหลวงทั้งวัน ท่านถูกคนอื่นกลั่นแกล้งก็ไม่อาจช่วยท่านได้ทันเวลา
หลีเจี่ยวดึงมือกลับ พูดด้วยสีหน้าจริงจัง น้องสาม สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเจ้าในเวลานี้คือเรียนหนังสือ อย่ามัวพะวักพะวนถึงข้า เจ้าจำไว้นะ ขอแค่เจ้าศึกษาเล่าเรียนสำเร็จได้ดิบได้ดี วันหน้าข้าถึงไม่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนได้
หลีฮุยฟังแล้วทั้งสงสารทั้งฮึกเหิมเร่าร้อน เขาให้คำสัญญาอย่างขึงขัง พี่เจี่ยววางใจได้ ข้าจะสอบผ่านเป็นจิ้นซื่อให้เร็วกว่าท่านพ่อให้ได้ ภายภาคหน้าไม่ว่าใครก็กลั่นแกล้งท่านไม่ได้
หลีเจี่ยวแย้มปากยิ้มออกแล้ว นางยกมือจัดคอเสื้อให้น้องชายพลางกล่าวอย่างมีนัยลึกซึ้ง จะเทียบกับท่านพ่อด้วยเหตุใด ถ้าจะเทียบล่ะก็ เทียบกับท่านลุงใหญ่สิ
ท่านลุงใหญ่เป็นนายท่านใหญ่ของจวนตะวันออก บุตรชายของฮูหยินผู้เฒ่าเจียงผู้มีบรรดาศักดิ์เป็นเซียงจวิน ในวัยสี่สิบเศษก็ไต่เต้าถึงตำแหน่งรองเสนาบดี เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ลำดับหลักขั้นสาม ในหมู่เหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นซึ่งยึดหลักถืออาวุโสอย่างเคร่งครัด นับว่าประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยแล้ว
ขณะที่หลีกวงเหวินบิดาของสองพี่น้อง หลังได้อันดับที่หนึ่งในการสอบรับราชการแล้วเข้าสู่สำนักราชบัณฑิต กลายเป็นบัณฑิตใจซื่อมือสะอาดถูกยกให้เป็นว่าที่เสนาบดีผู้หนึ่ง แต่ผ่านมาสิบปีกว่า เอ่อ…ยังดักดานอยู่ที่เก่าแต่งตำราพงศาวดาร
หลีเจี่ยวคิดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาก็กลัดกลุ้มใจ
ท่านพ่อสอบขุนนางผ่านได้เป็นทั่นฮวา ตบแต่งสตรีสูงศักดิ์เป็นภรรยา เผอิญเถรตรงเป็นขวานผ่าซาก มีไพ่ดีอยู่ในมือกลับเล่นไม่ได้ความ ยังสู้ท่านอารองที่ถูกส่งไปรั้งตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองไม่ได้
เอาล่ะ เจ้ารีบกลับไปเรียนหนังสือเถอะ โอ้เอ้อยู่ที่เรือนข้านานๆ คนอื่นจะเก็บไปนินทา หลีเจี่ยวผลักน้องชาย
หลีฮุยไม่พอใจมาก พวกเราเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน คนอื่นจะนินทาอะไรได้
ถึงเขาจะพูดอย่างนี้ ก็ยังคงลุกขึ้นขอตัวกลับไปอย่างเชื่อฟัง
เมื่อหลีฮุยไปแล้ว หลีเจี่ยวถึงปล่อยตัวตามสบายเต็มที่ นางนั่งพิงเสาเตียงเผยรอยยิ้มบางๆ
ไม่ว่าอย่างไร หลีเจาเป็นต้นเหตุให้นางถูกถอนหมั้น วันหน้าจะยิ่งเป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์ของคนในจวนมากขึ้น ส่วนนางนั้นถึงมีคำครหาว่าถูกถอนหมั้นติดตัว แต่อย่างไรก็มิใช่นางกระทำผิด วันหน้าค่อยๆ วางแผนปูทางอย่างใจเย็นใช่ว่าจะหาคู่ครองที่ดีไม่ได้
อย่างไรก็ดี ต่อให้ต้องเป็นหญิงทึนทึกไปตลอดชีวิตจริงๆ ก็ดีกว่าออกเรือนไปกับคนบัดซบเช่นนั้น
แค่ว่าหลีเจากลับมาคราวนี้ดูคล้ายไม่เหมือนเดิมอยู่บ้าง…
หลีเจี่ยวกำลังขบคิดอยู่ สาวใช้คนหนึ่งก็จรดฝีเท้าเดินเข้ามารายงาน คุณหนู นายท่านออกมาจากเรือนฝั่งซ้ายกลับห้องหนังสือแล้วเจ้าค่ะ
อื้อ แล้วท่านพ่อมีท่าทางอย่างไรบ้าง หลีเจี่ยวอมยิ้มไต่ถาม
สาวใช้มีสีหน้ายุ่งยากใจทำท่าอึกๆ อักๆ
เจ้าทำสีหน้าเช่นนี้หมายความว่าอะไร มีอะไรก็พูด ยังทำอมพะนำกับข้าหรือไร หลีเจี่ยวนั่งตัวตรงปั้นหน้าขรึม แต่ลอบสังหรณ์ใจไม่ดีอยู่หลายส่วน
บ่าวมิกล้าเจ้าค่ะ นายท่าน…นายท่านเดินยิ้มออกมา…
ยิ้ม? เจ้าเห็นชัดถนัดตาหรือไม่ เป็นยิ้มเยาะ ยิ้มฝืดๆ หรือว่า…
ไม่ใช่เจ้าค่ะ นายท่านยิ้มหน้าบานเหมือนคนหิวข้าวมองเห็นน่องไก่ คนหนาวสั่นเห็นผ้านวมเจ้าค่ะ สาวใช้นิ่งคิดหาคำเปรียบเทียบที่เหมาะเจาะออกในที่สุด
จริงหรือ รอยยิ้มบนหน้าหลีเจี่ยวเลือนหายไป นางหันหน้าไปมองนอกหน้าต่างอย่างห้ามไม่อยู่
ดอกท้อด้านนอกเบ่งบาน ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี
นางนึกไว้แล้วเชียว ตั้งแต่เด็กสาวตัวดีนั่นกลับมา ทุกอย่างในตัวนางล้วนแฝงความพิลึกพิลั่นไปหมด
คุณหนู…
หลีเจี่ยวตั้งสติคลายมือที่กำผ้าเช็ดหน้าจนแน่น พูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ออกไปเถอะ
สาวใช้ออกไปไม่ถึงครู่ใหญ่ก็ย้อนกลับมา คุณหนู คุณหนูรองกับคุณหนูห้าของจวนตะวันออกมาแล้วเจ้าค่ะ
หลีเจี่ยวรีบนั่งตัวตรง นางยังไม่ทันลุกขึ้น เด็กสาวสวมเสื้อสีแดงสดผู้หนึ่งก็ย่างเท้าเข้ามา มีเด็กสาวสวมกระโปรงสีเหลืองเดินก้มหน้าตามหลังอย่างเจียมตน
เด็กสาวชุดสีแดงสดคือคุณหนูรองหลีเจียว คิ้วโก่งตาหงส์ เปล่งปลั่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
พี่เจี่ยว ข้ามาเยี่ยมท่านแล้ว หลีเจียวเอ่ยปากขึ้น มุมปากยกโค้งขึ้นอย่างพอเหมาะพอเจาะ
หลีเจี่ยวอดริษยาไม่ได้
ญาติผู้น้องของนางคนนี้เป็นพวกจองหองเอาแต่ใจแท้ๆ แต่ช่วยไม่ได้ที่นางวาสนาดี มีท่านย่าเป็นเซียงจวิน ได้รับการอบรมมารยาทการยืนเดินนอนนั่งอย่างเข้มงวดมาตั้งแต่เดินได้ คุณหนูจวนตะวันตกอย่างพวกนางอย่างมากก็ได้พึ่งใบบุญไปเข้าสำนักศึกษาหญิงที่นั่น เรื่องอื่นอย่าได้ฝันเฟื่อง
หลีเจี่ยวคิดถึงตรงนี้แล้วโศกเศร้าอยู่สักหน่อย
มารดาของนางเป็นบุตรสาวของท่านป๋อผู้สูงศักดิ์ ถ้ายังมีชีวิตอยู่ ไม่แน่ว่าอาจใช้ทุกวิถีทางสรรหานางข้าหลวงกองพิธีการที่ปลดระวางออกจากวังหลวงแล้วมาฝึกฝนเรื่องพวกนี้ให้นางได้…
พี่เจี่ยว ข้าได้ยินหมดแล้วว่าหลีเจาเป็นต้นเหตุให้ท่านถูกถอนหมั้น ท่านรอสักครู่นะ ข้าจะไปเอาคืนให้ท่านเดี๋ยวนี้เลย
หลีเจียวกล่าวคำนี้ทิ้งท้ายไว้แล้วพุ่งตรงไปที่เรือนฝั่งซ้าย
ในใจหลีเจี่ยวยินดีที่เป็นเช่นนี้ แต่ใบหน้าเผยแววร้อนรนไม่สบายใจ น้องเจียว เจ้าไม่ต้องทำถึงเพียงนี้
ชุนฟางสาวใช้ประจำตัวอยู่ด้านข้างหลีเจี่ยวกล่าวขึ้นยิ้มๆ ยังคงเป็นคุณหนูรองที่สนิทสนมกับคุณหนูนะเจ้าคะ
ในบรรดาคุณหนูมากมายหลายคนของทั้งสองจวน คุณหนูของนางมีไมตรีแน่นแฟ้นกับคุณหนูคนสำคัญที่สุดของจวนตะวันออก คนเป็นสาวใช้ก็ภาคภูมิใจไปด้วย
กระนั้นถ้อยคำนี้กลับสร้างความไม่พึงใจให้หลีเจี่ยว
นางอดยิ้มเยาะในใจไม่ได้ สนิทสนมกันหรือ หากมิใช่ว่าฝีมือดีดพิณ เดินหมาก เขียนอักษร ขี่ม้า และยิงธนูของนางด้อยกว่าหลีเจียวเพียงเล็กน้อยพอดี มีหรือหลีเจียวจะสนิทสนมกับนาง
ไม่ต้องตามมา เฝ้าเรือนไว้ให้ดี หลีเจี่ยวพูดกำชับด้วยสีหน้ามึนตึงแล้วเดินออกไป
เรือนฝั่งซ้าย
เฉียวเจาเก็บกระดานหมากเรียบร้อยแล้ว นางถือถ้วยน้ำชาด้วยสองมือพลางพูดสั่งการอาจู เจ้าเพิ่งมาใหม่ ตั้งใจไปตีสนิทกับพวกบ่าวไพร่ในจวน คนอื่นแค่เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ทำกันทั้งนั้น ก็จะไม่ติดใจสงสัย ประเดี๋ยวเอาเงินหนึ่งร้อยตำลึงนี้ไปแลกเป็นก้อนเงินเล็กๆ แล้วไม่ต้องเสียดายเงินทองนะ พยายามผูกไมตรีกับคนที่อยู่ตามจุดที่รู้ข่าวได้ว่องไวอย่างยามเฝ้าประตูหรือเรือนครัวให้เร็วที่สุด วันหน้าข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น ข้าอยากรู้โดยไวที่สุด
นางไม่สนใจว่าวันนี้คุณหนูคนใดได้รับแพรพรรณชั้นดี หรือพรุ่งนี้นายหญิงคนใดอารมณ์เสีย แต่กับเหตุการณ์ภายนอก นางจะเป็นคนหูหนวกตาบอดไม่ได้
หากไม่เหนือความคาดหมาย ขณะนี้พี่ชายของนางน่าจะอยู่ที่จวนท่านตา เมื่อวานเซ่าหมิงยวนยกทัพกลับมา วันนี้จึงเป็นโอกาสเหมาะที่สุดที่ท่านตาจะประกาศเรื่องไฟไหม้สกุลเฉียวให้ทุกคนรับรู้ ถ้าวันนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ในเมืองหลวง นางก็ควรเป็นห่วงว่าพี่ชายเข้าเมืองหลวงอย่างราบรื่นหรือไม่แล้ว
ในหัวเฉียวเจาคิดกลับไปกลับมาเป็นร้อยเป็นพันตลบด้วยความห่วงใยพี่ชาย กระทั่งดื่มน้ำชาหมดถ้วยแล้ว นางยังคงยกถ้วยขึ้นดื่มโดยไม่รู้สึกตัว
ยามนี้เองเสียงของปิงลวี่ก็ดังลอยมาจากด้านนอก คุณหนูรอง ท่านอย่าบุกเข้าไปสิเจ้าคะ ข้าจะไปรายงานให้คุณหนูทราบก่อน!