หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 331
บทที่ 331
หยางโฮ่วเฉิงงุนงงยิ่งขึ้น “แล้วทุกวันที่เจ้ามารอคอยที่นี่เช้าจรดเย็นเพื่ออะไรกัน หรือว่าเพื่อมองแวบเดียว”
“มองแวบหนึ่งให้แน่ใจว่านางปลอดภัยไม่เป็นอันตรายแล้วไม่พอหรือ” ฉือชั่นหมุนกายมาอย่างมาดมั่น ยกมือตบไหล่สหายรัก “ไปเถอะ ไปดื่มสุรากัน”
“แล้วทางคุณหนูหลี…”
“พรุ่งนี้ไปรอนางที่จวนของถิงเฉวียน” ฉือชั่นพลิกกายขึ้นหลังม้า
“พรุ่งนี้ข้าต้องเข้าเวร”
ฉือชั่นชายตามองเขา “เจ้าไม่จำเป็นต้องไปด้วยนี่”
หยางโฮ่วเฉิง “…” จะเห็นสตรีดีกว่าสหายก็ไม่ต้องถึงขั้นนี้กระมัง
จากนั้นทั้งคู่ก็ขี่ม้าออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ
ระหว่างทางกลับจวน เหอซื่อจับมือเฉียวเจาพลางมองดูนางไม่วางตาอยู่ตลอด มองไปก็น้ำตาไหลไป “เจ้าลูกผู้นี้ ไม่ยอมให้แม่เบาใจจริงๆ”
เฉียวเจาแปลบปลาบในอก นางกอดแขนมารดาพลางพูดเสียงอ่อนๆ “ท่านแม่ ขออภัยเจ้าค่ะที่ทำให้ท่านเป็นห่วง”
“แค่ก” หลีกวงเหวินปั้นหน้าตึงกระแอมกระไอเสียงหนึ่ง
“ยังมีท่านพ่อด้วย ลูกไม่ดีเองเจ้าค่ะ” ในใจเฉียวเจารู้สึกผิดเต็มเปี่ยม หากที่มากกว่าคือจนใจ
นางสุดปัญญาจะเป็นหลีเจาได้อย่างหมดหัวใจ อีกทั้งหลีเจาตัวจริงจากไปแต่แรกแล้ว สิ่งที่นางกระทำได้คือไม่ปล่อยให้ชาวสกุลหลีถูกทำร้ายเพราะนาง และทำให้พวกเขาอยู่ดีมีสุขมากขึ้นอย่างเต็มความสามารถ
“ข้าไม่ได้เดินหมากตั้งนานแล้ว” หลีกวงเหวินกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“กลับถึงจวน ข้าเดินหมากกับท่านพ่อนะเจ้าคะ”
“ในห้องหนังสือข้ายังขาดภาพวาดภาพหนึ่ง”
“ข้าวาดภาพขุนเขาวสันต์กลางม่านหมอกฝนให้ท่านพ่อดีหรือไม่เจ้าคะ”
หลีกวงเหวินถึงแย้มยิ้มอย่างพึงพอใจ เขาล้วงห่อกระดาษเคลือบมันในแขนเสื้อออกมายื่นส่งให้ “เนื้อรมควัน หลายวันมานี้อยู่ในภูเขาได้กินแต่อาหารมังสวิรัติ คงอยากกินแล้วกระมัง”
“ขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ” เฉียวเจาได้กลิ่นหอมของเนื้อรมควันพลันหวนประหวัดถึงไก่ย่างที่กินตรงท้ายป่าไผ่คืนนั้น
อืม ไก่ย่างตัวนั้นรสชาติดีมาก น่าเสียดายที่วันหน้าไม่มีโอกาสได้กินแล้ว
รถม้าแล่นตะบึงไปตามถนน พอมันหยุดจอดตรงหน้าประตูจวนสกุลหลี ข่าวก็แพร่ไปถึงฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง
“ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง คุณหนูสามกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
“จริงหรือ” หญิงชราลุกพรวดขึ้นแล้ววิงเวียนระลอกหนึ่งกะทันหัน นางล้มลงนั่งกลับไปบนเก้าอี้ไท่ซือ
“ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง ท่านเป็นอะไรไป…”
เฉียวเจายังไม่เข้าเรือนก็ได้ยินว่าท่านย่าไม่สบาย นางรีบเร่งยกชายกระโปรงวิ่งเข้าไป
สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกลับเป็นปกติแล้ว นางแลมองหลานสาวที่วิ่งเข้ามาอย่างเร่งร้อนก็กล่าวยิ้มๆ “เจาเจาเอ๊ย วิ่งช้าๆ หน่อย”
เฉียวเจาคุกเข่าลงโขกศีรษะให้นางทีหนึ่ง “ท่านย่า หลานกลับมาแล้วเจ้าค่ะ หลานอกตัญญู หลายวันมานี้ทำให้ท่านต้องเป็นห่วง”
“กลับมาก็ดีแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งโบกมือบอกให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป
“หลานเจาซูบลง” นางมองสำรวจเฉียวเจาขึ้นๆ ลงๆ ก่อนเอ่ยกับเหอซื่อ “สะใภ้ใหญ่ เจ้าไปสั่งเรือนครัวทำอาหารชั้นเลิศหลายๆ อย่าง วันนี้พวกเรากินข้าวพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัวสักมื้อ”
“เจ้าค่ะ ข้าไปเดี๋ยวนี้เลย” เหอซื่อออกไปอย่างปีติยินดีเต็มอก
เฉียวเจาหลุบตาลง มุมปากนางยกโค้งขึ้น ท่านแม่ยังคงพาซื่อเช่นนี้ดุจเก่า
เฉียวเจาคิดไม่ผิด ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งอ้างเหตุผลให้เหอซื่อออกไปย่อมมีเรื่องจะพูดเป็นธรรมดา
“มา มานั่งข้างๆ ท่านย่านี่”
เด็กสาวนั่งลงอย่างเชื่อฟัง
“เจาเจา เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่วัดต้าฝูหรือ”
เสียงระฆังคืนนั้นทำให้คนทั่วทั้งเมืองหลวงล้วนคาดเดาไปต่างๆ นานากันเซ็งแซ่
แม้ว่าองครักษ์จินหลินสั่งกำชับมิให้แพร่งพรายเรื่องของอารามซูอิ่งต่อคนภายนอก แต่เฉียวเจาไม่คิดจะปิดบังฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง
นางเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหลายวันมานี้คร่าวๆ รอบหนึ่ง ส่วนหญิงชรารับฟังด้วยความอกสั่นขวัญแขวน
“ยังดีที่เจ้าไม่เป็นไร ผู้ใดจะคาดคิดว่าในวัดต้าฝูกับอารามซูอิ่งจะมีคนกล้าก่อเรื่องเข่นฆ่าสังหารคน เจาเจา วันหน้าไม่ต้องไปแล้วกระมัง”
“อื้อ ไม่ไปแล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งโล่งอก นางกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง “วันหน้าอยู่เรือนแล้วอุดอู้เบื่อหน่าย พวกเราก็ไปเดินเที่ยวในเมืองกัน”
“ดีเจ้าค่ะ ข้าเชื่อฟังท่านย่า” เฉียวเจาพยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย “ท่านย่า ท่านให้ข้าตรวจดูสักหน่อยนะเจ้าคะ เมื่อครู่ท่านไม่ค่อยสบายมิใช่หรือ”
“คนแก่คนเฒ่าเป็นเช่นนี้ล่ะ ไม่เป็นอะไรมาก” ถึงฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกล่าวคำนี้ นางก็ยังคงยื่นข้อมือออกไป
เฉียวเจาจับชีพจรของนางแล้วคลายใจลงได้
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งอาจอิดโรยบ้าง แต่สุขภาพยังแข็งแรงดี
“ข้าก็บอกแล้วว่าไม่เป็นไร สมัยวัยสาวท่านย่าเคยทำไร่ไถนาด้วยซ้ำไป ไม่ใช่ยายเฒ่าที่เสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทองพวกนั้น” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งพูดพลางขยิบตา พยักพเยิดคางไปทางทิศตะวันออก “กลับเป็นท่านย่าใหญ่ของเจ้า ดวงตาของนางนับวันยิ่งอาการแย่ลง พักก่อนยังมาเลียบเคียงถามข้าว่าเจ้ารักษาเจ้าเดรัจฉานน้อยของตระกูลฉางชุนป๋อหายได้เช่นไร”
เฉียวเจาได้ยินแล้วสะดุดใจวูบ นี่ท่านเซียงจวินของจวนตะวันออกพุ่งเป้ามาที่นางแล้วหรือ ยังดีที่ผู้รู้วิชาแพทย์มีข้อดีอยู่จุดหนึ่ง ปฏิเสธว่ารักษาไม่เป็น ผู้ใดก็หมดปัญญา
“เจาเจา เจ้ากลับไปชำระกายผลัดอาภรณ์ก่อนเถอะ ประเดี๋ยวถึงเวลากินอาหารค่อยให้พวกสาวใช้ไปตามเจ้า”
“เช่นนั้นข้าขอตัวเจ้าค่ะ”
ยามเฉียวเจากลับถึงเรือนเล็กฝั่งซ้าย อาจูสาวเท้าเร็วรี่เข้ามาต้อนรับ “คุณหนู…”
สาวใช้ผู้สุขุมเป็นนิจจับแขนเสื้อนางไว้ด้วยสองตาแดงเรื่อ
เฉียวเจานั้นนับได้ว่าเฉียดกรายประตูนรกมาหนหนึ่ง นางตบหลังมืออาจูอย่างสะทกสะท้อนใจ “ไม่เป็นไร ทุกอย่างผ่านไปหมดแล้ว”
ปิงลวี่ยื่นมือไปสวมกอดอาจูไว้เต็มสองแขน ส่งผลให้นางตะลึงงันไป “ปิงลวี่?”
“อื้อ จู่ๆ รู้สึกว่าเห็นเจ้าแล้วถูกตากว่าพวกพระหัวโล้นในวัดต้าฝูพวกนั้นตั้งเยอะเลย”
อาจูอึ้งงัน “…”
เมื่อเฉียวเจาชำระกายอย่างจุใจและสวมเสื้อกับกระโปรงชุดใหม่สบายตัวแล้ว ถึงได้หยิบเทียบเชิญที่เจียงสืออีมอบให้นางออกมาดู
เฉียวเจาไม่คิดว่าเทียบใบนี้เป็นเจียงซือหร่านส่งให้ตน ในความคิดของนางน่าจะเป็นเจียงถังอ้างบุตรสาวบังหน้าเพื่อจะพบนาง จึงคิดไม่ถึงว่าหลังอ่านแล้วถึงล่วงรู้ว่านางคาดเดาผิดไป
เจียงซือหร่านเป็นคนออกเทียบใบนี้จริงๆ สถานที่นัดพบคือจวนสกุลเจียง
ตอนเจอกันคราวนั้นคุณหนูเจียงอยากสับนางเป็นชิ้นๆ ใจจะขาด ตอนนี้กลับออกเทียบเชิญนาง?
“คุณหนู ท่านดูเทียบใบนี้ด้วยเหตุใดเจ้าคะ คงไม่คิดจะไปจริงๆ กระมัง ท่านอย่าได้คิดไม่ตกเป็นอันขาด คุณหนูเจียงมิใช่คนดี” ปิงลวี่เห็นเจียงสืออียัดเยียดเทียบให้เฉียวเจากับตา นางอดเอ่ยเตือนขึ้นไม่ได้
“ยังไม่เคยไปเดินเที่ยวจวนท่านผู้บัญชาการใหญ่กระมัง พรุ่งนี้ข้าพาเจ้าไปด้วยกัน” เฉียวเจาบอกพร้อมรอยยิ้มพริ้มพราย
เทียบเชิญเป็นเจียงสืออีมอบให้นางแสดงว่าเจียงถังรู้เรื่องนี้ ถ้าอย่างนั้นต่อให้นางบอกปัดครั้งนี้ อย่างไรก็หนีไม่พ้นอยู่ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้มิสู้เผชิญหน้าตรงๆ มีปัญหาอะไรก็รีบสะสางโดยไวดีกว่า
“ท่านจะไปจริงๆ หรือเจ้าคะ ถ้าเกิดคุณหนูเจียงกลั่นแกล้งท่านจะทำฉันใด”
“มีปิงลวี่อยู่ทั้งคนไม่ใช่หรือ” เฉียวเจากระเซ้านาง
สาวใช้น้อยฟังแล้วโลหิตในกายฉีดพล่านทันที นางเดินไปข้างนอกพลางเอ่ย “คุณหนู ข้าออกไปซ้อมมวยชุดหนึ่งค่อยมาปรนนิบัติท่านนะเจ้าคะ”
ข้าต้องตั้งใจฝึกวรยุทธ์ จะได้คุ้มครองคุณหนู!
วันนี้เหล่าชาวจวนตะวันตกชุมนุมตัวที่เรือนชิงซงกินอาหารพร้อมหน้ากันอย่างสนุกครึกครื้น แม้แต่คุณหนูใหญ่หลีเจี่ยวซึ่งมิได้ย่างเท้าออกนอกประตูห้องมานานยังปรากฏตัวด้วย
ถึงแม้สายตาคับข้องของหลีเจี่ยวจะมองมาที่ตัวหลีเจาบ่อยๆ แต่นางกลับไม่สะดุ้งสะเทือนสักน้อยนิด ยังคงกินอาหารได้อย่างสบายใจยิ่ง จากนั้นเหอซื่อชวนนางไปพักผ่อนในเรือนกลางของเรือนหยาเหอ
ฝ่ายหลีกวงเหวินหลบไปที่ห้องหนังสือเงียบๆ
เมื่อก่อนข้านอนในห้องหนังสือมาได้ตั้งนานหลายปี ไฉนเพิ่งไม่ได้นอนที่นี่ไม่กี่วันก็รู้สึกไม่คุ้นชินอยู่บ้างนะ
นายท่านใหญ่ของสกุลหลีคิดคำนึงอย่างเศร้าสร้อย ขณะเอนกายอยู่บนตั่งขาเตี้ยแข็งกระด้าง
วันถัดมาเฉียวเจาแต่งองค์ทรงเครื่องพร้อมพรักแล้วไปตามนัดหมายที่จวนสกุลเจียง