หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 336
บทที่ 336
ในเวลาต่อมาสำหรับเฉียวเจาแล้วนับได้ว่าสงบสุขไร้คลื่นลม นอกจากไปที่จวนกวนจวินโหวเพื่อฝังเข็มให้เซ่าหมิงยวนวันละครั้ง เวลาที่อยู่ในเรือนทั้งหมดล้วนทุ่มไปกับการศึกษาฟันพิษซี่นั้น
นับวันใต้ขอบตาล่างของนางปรากฏรอยคล้ำมากขึ้นเรื่อยๆ วันนี้หลังฝังเข็มให้ชายหนุ่ม เขาถามขึ้นอย่างอดใจไม่อยู่ในที่สุด “คุณหนูหลี พักนี้ท่านพบกับปัญหาอะไรหรือไม่”
“เปล่าเจ้าค่ะ” เฉียวเจาไม่เข้าใจในชั่วขณะว่าเหตุใดเซ่าหมิงยวนถึงถามเช่นนี้
“แต่ท่าทางท่านคล้ายนอนหลับไม่เต็มอิ่มอยู่ตลอด”
เฉียวเจายิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “แม่ทัพเซ่าคงลืมไปว่าข้ากำลังตรวจสอบฟันพิษซี่นั้นอยู่”
สายตาของเซ่าหมิงยวนจับอยู่ที่รอยคล้ำชัดเจนใต้ตานาง เขาลังเลเล็กน้อยก่อนกล่าว “คุณหนูหลี อันที่จริงเรื่องพวกนั้นท่านลองลืมมันไปเถอะ ไม่ต้องสนใจฟันพิษหรือฆาตกรตัวจริงเบื้องหลังอะไรนั่นอีก…”
เขาอยากพูดว่าเรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับแม่นางน้อยผู้หนึ่งเช่นนาง แต่มองสบดวงตาสีดำลุ่มลึกของเด็กสาว กลับเอื้อนเอ่ยถ้อยคำหลังออกจากปากไม่ได้แล้ว
เฉียวเจาแย้มยิ้ม นางจะไม่สนใจก็ได้ เพราะเหตุร้ายในอารามซูอิ่งหนนี้นางเป็นแค่ปลาซิวปลาสร้อยที่กำลังดวงตก โชคไม่ดีถึงไปเจอเข้าพอดีแต่ประการเดียว
ถึงกระนั้นนางลืมแววตาโหดเหี้ยมอำมหิตของคนร้ายผู้นั้นไม่ลง และยิ่งลืมสิ่งละอันพันละน้อยจากการดูแลช่วยเหลือนางของเหล่าซือฟู่ในอารามซูอิ่งไม่ได้ ตราบเท่าที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องลองทำอะไรบ้างถึงจะไม่ทำให้ช่วงหลายวันบนภูเขานั้นต้องอกสั่นขวัญแขวนไปอย่างเปล่าๆ ปลี้ๆ
เหนือสิ่งอื่นใดไม่รู้ว่าเมื่อไรจึงจะมีโอกาสเดินทางสู่จยาเฟิง ส่วนเรื่องพี่ใหญ่โดนยาพิษที่แกะรอยสืบไปถึงตัวหลันซื่อฮูหยินของมู่เอินป๋อแล้วแต่ยังหาหลักฐานมัดตัวไม่ได้ในตอนนี้อีก ส่งผลให้ยามอยู่ว่างๆ นางไม่อาจใช้เวลาไปกับการชมดอกไม้ดีดพิณได้อย่างสตรีทั่วไป
“แม่ทัพเซ่ากำลังสืบสาวราวเรื่องอยู่เหมือนกันมิใช่หรือ ข้าหวังว่าจะช่วยเหลือท่านได้บ้าง”
เซ่าหมิงยวนอึ้งงันไป เขาลอบประทับใจน้อยๆ คุณหนูหลีต้องการช่วยเขา?
จะว่าไปแล้วเรื่องอู๋เหมยซือไท่ประสบเคราะห์ภัยก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่เพราะพบเจอเหตุการณ์เข้าโดยบังเอิญ กอปรกับนิสัยที่อยากให้ทุกอย่างอยู่ในความควบคุม เขาถึงตัดสินใจสืบสวนอยู่ลับๆ ก็เพียงเท่านั้น ถ้าสืบทราบเบื้องหลังได้ย่อมดี แต่หากสืบไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
ส่วนน้ำใจของคุณหนูหลีที่อยากช่วยเขานี้ เขารู้สึกซาบซึ้งแต่กลับไม่มีสิ่งใดจะตอบแทนได้
ชายหนุ่มคิดถึงตรงนี้แล้วได้แต่ยิ้มขื่นๆ “ไม่ว่าอย่างไรเข้านอนให้เป็นเวลาจะดีกว่า ไม่อย่างนั้น…”
เฉียวเจามองเขา
เซ่าหมิงยวนหยักยิ้มด้วยสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน “ไม่อย่างนั้นพี่เฉียวโม่จะเป็นห่วง”
แม้นเขาไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรพี่ชายภรรยากับคุณหนูหลีจู่ๆ ถึงสนิทสนมกันถึงเพียงนี้ แต่ความห่วงใยที่เฉียวโม่มีต่อคุณหนูหลีมาจากน้ำใสใจจริงอย่างแน่นอน
“แม่ทัพเซ่าวางใจได้ ข้าจะระวังเรื่องนี้ ความจริงตอนนี้พบเงื่อนงำบ้างแล้ว บางทีอีกไม่กี่วันอาจแยกแยะที่มาของพิษได้”
พิษในใต้หล้านี้บ้างทำมาจากพืช บ้างเอามาจากสัตว์ต่างๆ บ้างก็สกัดจากดินหิน ส่วนใหญ่อยู่ในสามกลุ่มนี้
แล้วในแต่ละกลุ่มมีพิษชนิดใดบ้างที่พบบ่อย ล้วนมีบันทึกในคัมภีร์พิษโดยเฉพาะ เมื่อเป็นเช่นนั้นอยากแยกแยะฟันพิษให้ได้ว่าใช้พิษอะไร จุดสำคัญคือประสบการณ์กับเวลา
นางไม่ขาดแคลนประสบการณ์ ทั้งยังมีเวลา ด้วยเหตุนี้นางมั่นใจว่าสามารถศึกษาหาคำตอบได้
“เอาเป็นว่าไม่ต้องใจร้อน ค่อยเป็นค่อยไปก็แล้วกัน สุขภาพสำคัญกว่า”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ” เฉียวเจามองเขาด้วยสายตาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
สายตาของนางทำให้ชายหนุ่มเก้อกระดากอยู่บ้าง เขาเปลี่ยนเรื่องพูดทันที “คุณหนูหลีรู้หรือยังว่าหลายวันก่อนสือซีเข้าร่วมกององครักษ์จินอู๋แล้ว”
หากพูดว่าองครักษ์จินหลินนั้นใครเห็นใครก็ขยาด ใครเห็นใครก็รังเกียจ องครักษ์จินอู๋ก็เป็นตำแหน่งซึ่งเป็นที่ใฝ่ฝันของคนมากมาย ด้วยเหตุนี้คนในกององครักษ์จินอู๋ส่วนใหญ่จึงล้วนเป็นบุตรหลานตระกูลใหญ่เทือกเถาเหล่ากอดี
เฉียวเจาไม่แปลกใจที่ฉือชั่นเข้าร่วมกององครักษ์จินอู๋ นางพูดยิ้มๆ “ที่นั่นเหมาะกับพี่ฉือจริงๆ เจ้าค่ะ”
เซ่าหมิงยวนทำท่าจะพูดไม่พูด
หลายวันก่อนฉือชั่นชวนพวกเขาไปร่ำสุราดับทุกข์หลายครั้งหลายครา คนที่ไม่กริ่งเกรงใครหน้าไหนเช่นนั้นกลับไม่เอ่ยสักคำว่าเพราะอะไร แต่เขาคาดเดาได้เลาๆ ว่าต้องเกี่ยวข้องกับคุณหนูหลี
ทว่าในฐานะคนนอกคงได้แต่มองดูอยู่ด้านข้าง เขามิได้ชอบทำตัวเป็น ‘แม่สื่อ’
พอเห็นเซ่าหมิงยวนไม่กล่าวต่ออย่างรู้กาลเทศะ เฉียวเจารู้สึกพึงใจพอสมควร นางพูดคุยตามสบายอีกสองสามคำก็อำลากลับไป
สารถีคือคนที่เซ่าหมิงยวนส่งไปทำหน้าที่ชั่วคราว
ระหว่างทางปิงลวี่เอามือเท้าคางถอนใจเฮือก “คุณหนู ท่านได้ถามแม่ทัพเซ่าหรือไม่ว่าเฉินกวงจะหายดีเมื่อไรเจ้าคะ”
อาการบาดเจ็บของเฉินกวงสาหัสเอาการ หลังลงจากเขาก็พักฟื้นอยู่ในจวนกวนจวินโหว
“ถามแล้ว น่าจะยังต้องอีกครึ่งเดือนกระมัง”
“ยังต้องอีกครึ่งเดือนเลยหรือ…” ปิงลวี่ขมวดคิ้ว นางจงใจพูดเสียงดังขึ้น “แต่ฝีมือของสารถีตอนนี้อ่อนหัดเหลือเกิน ขับรถม้าได้ไม่เร็วและไม่นิ่งเรียบเท่าเฉินกวง ซ้ำยังร้องเพลงไม่เป็นอีก ไม่เหมือนเฉินกวงเลยเจ้าค่ะ…”
สารถีที่ถือแส้ม้าอยู่ด้านนอกคิดในใจ เกินไปแล้วจริงๆ พูดอย่างอื่นยังพอทำเนา เจ้าหนุ่มเฉินกวงนั่นร้องเพลงก็เป็นข้อดีตั้งแต่เมื่อไรกัน สุดจะทนแล้วนะ!
“ย่าห์…” สารถีหวดแส้ม้าเต็มแรง
ปิงลวี่นั่งอยู่ในรถม้าตัวโคลงเคลงไปมา นางพูดบ่นขึ้นว่า “คุณหนู เห็นหรือไม่เจ้าคะ ฝีมือขับรถม้าของสารถีคนใหม่ใช้ไม่ได้เลย”
เฉียวเจาส่งเสียงหัวร่อเบาๆ แล้วกล่าวปลอบ “วางใจเถอะ รอเฉินกวงหายดีก็ให้เขามารายงานตัวทันที”
เห็นทีดอกรักจะบานในหัวใจสาวใช้น้อยของนางแล้วจริงๆ
พริบตาเดียวผ่านไปอีกเจ็ดแปดวัน เรื่องที่เฉียวเจาศึกษาอยู่ตลอดช่วงนี้ได้ผลลัพธ์ในที่สุด
“ปิงลวี่ ตามข้าไปจวนท่านแม่ทัพ”
“วันนี้คุณหนูไปมาแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ” ปิงลวี่แปลกใจอยู่บ้าง
เฉียวเจาไม่อธิบายอะไรมาก “มีธุระ”
“เจ้าค่ะ” ปิงลวี่ไม่ถามต่ออีก หยิบเสื้อกับกระโปรงสำหรับสวมออกนอกเรือนมาปรนนิบัติเฉียวเจาผลัดชุด จากนั้นสองนายบ่าวก็มุ่งหน้าไปจวนกวนจวินโหวอย่างเร่งรีบ
เพลานี้เซ่าหมิงยวนเดินหมากอยู่กับเฉียวโม่
เฉียวโม่ยกยิ้มกล่าวขึ้น “ไม่คิดว่าท่านโหวมีทักษะในเชิงหมากเข้าขั้นสูง”
“พี่เฉียวโม่อย่ากระเซ้าข้าเลย ระดับฝีมืออย่างข้าแค่เดินหมากเป็นเพื่อนท่านฆ่าเวลาเท่านั้น”
“ฝีมือเดินหมากของเจาเจาเหนือกว่าข้า” เฉียวโม่โพล่งขึ้นคำหนึ่ง
เซ่าหมิงยวนชะงักนิ่ง ไม่รู้ว่าเฉียวโม่พูดถึง ‘เจาเจา’ คนใด
เฉียวโม่หลุบตาวางหมากตัวหนึ่ง เขากล่าวด้วยท่าทางคล้ายไม่เอาใจใส่ “ล้วนเหนือกว่าข้า”
เซ่าหมิงยวนนิ่งเงียบไม่พูดตอบ
เขาเอ่ยถึงคุณหนูหลีไม่เหมาะสม แต่จะเอ่ยถึงเฉียวเจาสะกิดแผลในใจอีกฝ่ายไปไย
ราวกับเฉียวโม่ไม่สังเกตเห็นว่าเซ่าหมิงยวนนิ่งเงียบไป เขาพูดเอื่อยๆ ตามสบาย “อันที่จริงคุณหนูหลีกับน้องเจาคล้ายกันมาก ถ้าท่านโหวเคยอยู่ร่วมกับน้องเจาก็จะรู้เอง”
เรียวปากบางของเซ่าหมิงยวนเม้มแน่น ข้อกระดูกตามนิ้วมือเรียวยาวที่กำเม็ดหมากไว้ขาวซีดจางๆ
พี่เฉียวโม่พูดเรื่องพวกนี้มีจุดประสงค์ใดกัน
“ท่านแม่ทัพ คุณหนูหลีมาแล้วขอรับ” องครักษ์วิ่งมารายงาน
เซ่าหมิงยวนมองเฉียวโม่แวบหนึ่งก่อนผงกศีรษะบอกกับองครักษ์ “เชิญคุณหนูหลีมาที่นี่”
ไม่นานนักเฉียวเจาก็มาถึง เพราะเรื่องที่ศึกษามานานหลายวันสำเร็จลุล่วงในที่สุด จึงพาให้สีหน้าแววตาของนางแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม กระทั่งเสียงทักทายยังแฝงรอยเบิกบานใจ
“แม่ทัพเซ่า พี่ใหญ่”
เซ่าหมิงยวนลุกขึ้น “คุณหนูหลีมาหาพี่เฉียวโม่กระมัง ข้ายังมีงานต้องสะสางพอดี ขอตัวไปห้องหนังสือก่อน”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้ามาหาแม่ทัพเซ่า” แม่นางเฉียวมุ่นคิ้ว
คนผู้นี้ฉลาดมากมิใช่หรือ ไฉนวันนี้หัวทื่อนัก นางไปแล้วกลับมา แน่นอนว่าเพราะได้ผลลัพธ์เรื่องฟันพิษแล้ว
“คุณหนูหลีมีเรื่องใดหรือ” เพราะเฉียวโม่กล่าวถ้อยคำแปลกๆ พวกนั้น ทำให้เซ่าหมิงยวนว้าวุ่นใจไปชั่วขณะ
เฉียวเจาเม้มปาก นางแน่ใจว่าคนผู้นี้หัวทื่อไปแล้วจริงๆ
ใช่ว่าพี่ใหญ่ทำอะไรไว้หรือไม่นะ