หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 353
บทที่ 353
สามวันให้หลังพระเสาวนีย์ของหยางไทเฮาก็ถ่ายทอดลงมา แต่เพราะเฉียวเจาเอ่ยว่าต้องจัดเตรียมสมุนไพรอื่นๆ ให้เรียบร้อยก่อน จึงมอบหมายให้นางเป็นคนกำหนดเวลาออกเดินทางที่แน่นอน
อากาศที่ร้อนระอุเริ่มบรรเทาเบาบางลง อีกไม่นานก็จะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ท้องฟ้าเป็นสีครามบริสุทธิ์แทบจะไม่เห็นเมฆสีขาวแม้สักนิด
เมื่อใกล้ถึงวันที่เฉียวเจาจะจากเรือนไปรอมร่อ เหอซื่อเริ่มใจหายจนกินอาหารไม่ลง
เช้าวันนี้หลังคารวะฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเสร็จ เหอซื่อถูกมารดาสามีรั้งตัวไว้ถามไถ่ว่า “เหอซื่อ ข้าได้ยินว่าหลายวันมานี้เจ้าไม่ค่อยกินข้าวกินปลาเลยหรือ”
สองแก้มที่อวบอิ่มแต่เดิมของเหอซื่อซูบตอบลงหลายส่วน นางตอบอย่างตรงไปตรงมา “ใช่เจ้าค่ะ พอข้าคิดถึงว่าเจาเจาจะไปที่ที่ไกลถึงเพียงนี้ ซ้ำยังต้องออกทะเลก็กลัดกลุ้มจนกินไม่ลง”
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงหลานเจา แต่ตอนนี้เรื่องหลานเจาจะไปจากเรือนเป็นความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เจ้าไม่กินอาหารให้ดีๆ เช่นนี้ เกิดอดข้าวจนล้มป่วยขึ้นมา จะมิใช่ทำให้หลานเจาเดินทางไปอย่างไม่สบายใจหรอกหรือ”
“แต่ข้ากินไม่ลงนี่เจ้าคะ พอกินก็คลื่นไส้ทันที”
“คลื่นไส้?” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งชักเอะใจ
เหอซื่อยิ้มฝืดๆ “เจ้าค่ะ คงจะนอนหลับไม่เต็มอิ่มกระมัง ทั้งในใจก็เป็นทุกข์…”
เหอซื่อพูดไปได้ครึ่งๆ กลางๆ ก็พลันหน้าซีดลงเล็กน้อย ก่อนจะปิดปากอาเจียนลมระลอกหนึ่ง
ชิงอวิ๋นสาวใช้อาวุโสเห็นดังนั้นจึงรีบยกกระโถนบ้วนน้ำลายมา
เหอซื่อยื่นหน้าไปถ่มน้ำย่อยรสเปรี้ยวออกมาหลายคำถึงยืดตัวขึ้น ใบหน้าเผือดขาวจนไม่มีสีเลือด
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเอ่ย “ชิงอวิ๋น ไปเชิญหมอมา”
เหอซื่อหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดปาก นางรับน้ำที่สาวใช้ยื่นส่งให้มาบ้วนปากถึงเอ่ยห้าม “ฮูหยินผู้เฒ่า ไม่ต้องเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้เป็นอะไร แค่ไม่ค่อยกินอาหารกับนอนไม่หลับตลอดร่างกายเลยเป็นเช่นนี้”
“ให้หมอตรวจอาการก่อนถึงจะวางใจได้” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งบรรยายความรู้สึกในขณะนี้ไม่ถูก ในใจนางคาดเดาไว้อย่างหนึ่งซึ่งบ้าบิ่นมาก ทั้งที่รู้ว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ กลับควบคุมตนเองไม่ให้คิดไปในทางนั้นไม่ได้
“ฮูหยินผู้เฒ่า?” พอเห็นฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งทำสีหน้าแปลกพิกลอยู่บ้าง เหอซื่อเปล่งเสียงเรียกอย่างไม่เข้าใจ
หญิงชราไม่แสดงความรู้สึกใด “ไม่เป็นไร รอท่านหมอตรวจอาการให้เจ้าแล้วถึงจะสบายใจ”
“ฮูหยินผู้เฒ่า แต่ข้าไม่เป็นไรจริงๆ นะเจ้าคะ”
ไม่นานนักหมอที่ถูกเชิญก็มาถึงแล้ว
“ท่านหมอ ลูกสะใภ้ข้าไม่ค่อยสบาย รบกวนท่านตรวจอาการให้นางหน่อย” น้ำเสียงของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งแฝงความร้อนรนไว้หลายส่วน
เหอซื่อตื้นตันใจพอดู คิดไม่ถึงว่าท่านแม่สามีจะห่วงใยข้าเพียงนี้ ไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย
“ฮูหยินโปรดยื่นมือมา”
เหอซื่อยื่นข้อมือออกไป หมอวางนิ้วทาบลงบนนั้น หลับตาจับชีพจรนานครู่ใหญ่ถึงลืมตาขึ้น
“ท่านหมอ ลูกสะใภ้ข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
หมอประสานมือคารวะฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งพลางกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ยินดีกับฮูหยินผู้เฒ่าด้วย นายหญิงของจวนท่านมีครรภ์แล้ว”
“มีอะไรนะ” เหอซื่อฟังแล้วทำหน้าเหลอหลา ท่าทางงงงวยไปหมด
“ฮูหยินมีครรภ์แล้ว ยินดีด้วย”
เหอซื่อหยิกตนเองทีหนึ่งแล้วพูดพึมพำ “ไม่เจ็บ ฮูหยินผู้เฒ่า นี่ข้าฝันไปกระมัง แต่ความฝันนี้สมจริงเหลือเกิน…”
สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งฉายแววผิดแผกไป นางสบจังหวะหมอไม่ทันสังเกตลอบดึงมือของเหอซื่อออก
เจ้าคนหัวทื่อ เจ้าต้องไม่เจ็บแน่ ก็เจ้าหยิกขาข้า!
เพราะคาดเดาได้แต่แรก ถึงฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งจะตื่นเต้น แต่ยังควบคุมสีหน้าไว้ได้ “ท่านหมอ ลูกสะใภ้ข้าตั้งครรภ์จริงๆ หรือ ไม่ทราบว่ากี่เดือนแล้ว อาการเป็นเช่นไรบ้าง”
หมอพูดยิ้มๆ “ตั้งครรภ์ได้เดือนเศษแล้ว นายหญิงของจวนท่านสุขภาพแข็งแรงมาก ตอนนี้เป็นปกติดีทุกอย่าง”
“แต่นางบอกว่ากินอาหารไม่ลง”
“นี่เป็นเรื่องปกติ ประเดี๋ยวข้าเขียนใบสั่งยาเจริญอาหารให้ กินทุกสามวันก็จะอาการดีขึ้น”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งรีบสั่งให้ชิงอวิ๋นเตรียมซองแดงหนาๆ ให้หมอ
เหอซื่อนั่งนิ่งไม่ไหวติง ฟังฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกับหมอสนทนากัน รวมถึงเสียงพูดกลั้วหัวเราะแสดงความยินดีของสาวใช้ทั่วทั้งเรือน สีหน้าของนางเลื่อนลอยราวกับใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ไปตามนายท่านใหญ่กลับมาเร็วเข้า”
ได้ยินคำนี้เหอซื่อตั้งสติได้ฉับพลัน นางจับมือมารดาสามีไว้พร้อมถาม “ฮูหยินผู้เฒ่า ข้า…ข้ามีครรภ์แล้วจริงๆ หรือ”
“มีแล้วๆ” หญิงชราพยักหน้าถี่ๆ แต่เห็นสีหน้าของเหอซื่อผิดปกติไป นางจึงรีบพูดเตือน “เจ้าอย่าตื่นเต้นเกินไป คิดถึงลูกในท้องเจ้าไว้นะ”
เหอซื่อเอามือปกป้องส่วนท้องไว้ทันที “ข้าไม่ตื่นเต้น ไม่ตื่นเต้น…” จากนั้นก็ตาเหลือกหมดสติไป
หมอยังไม่ทันก้าวออกนอกจวนก็ถูกเชิญกลับมาใหม่
นายหญิงรองหลิวซื่อได้ยินเสียงเอะอะวุ่นวายก็รุดมาถึง “ฮูหยินผู้เฒ่า พี่สะใภ้ใหญ่เป็นอะไรไปเจ้าคะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเอาแต่ยิ้มไม่หุบ ชิงอวิ๋นสาวใช้อาวุโสจึงเอ่ยขึ้นเสียงกังวานใส “นายหญิงรอง นายหญิงใหญ่มีข่าวดีแล้วเจ้าค่ะ”
“มีข่าวดี? ข่าวดีอะไร” หลิวซื่อกะพริบตาปริบๆ
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งชอบอกชอบใจยิ่งขึ้น “ปกติเจ้าออกจะหัวไว ไฉนตอนนี้โง่งมไปได้ พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้ามีครรภ์แล้ว”
หลิวซื่อละม้ายถูกคนตีแสกหน้า พาให้สมองมึนงงไปอึดใจหนึ่ง
พี่สะใภ้ใหญ่ตั้งครรภ์แล้ว? ทั้งที่สิบกว่าปีมานี้ไม่มีวี่แววเลยนะ
จิตใจของหลิวซื่อสับสนปนเปเป็นพิเศษไปชั่วขณะ
ชาวสกุลหลีรุ่นที่สามของจวนตะวันตกมีคุณชายสามเป็นทายาทคนเดียว นางให้กำเนิดบุตรสาวติดๆ กันสองคน ส่วนเหอซื่อมีบุตรสาวคนเดียว ว่าไปแล้วก็นับเป็นพี่น้องคู่ทุกข์คู่ยากกันได้ แต่เหอซื่อกลับตั้งครรภ์แล้วหรือนี่!
ในชั่วพริบตานี้หลิวซื่อรู้สึกอิจฉาระคนวิตกกังวลอยู่สักนิด
ถ้าหากเหอซื่อคลอดบุตรชายออกมา วันข้างหน้านางต้องตกอยู่ในภาวะกระอักกระอ่วนยามเผชิญหน้ากับคนในจวน
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเห็นท่าทางงุนงงของหลิวซื่อก็เพียงรู้สึกขบขัน นางกล่าวทอดถอนใจ “หลานเจาแสนรู้นัก พักก่อนนางเคยพูดว่าในเรือนจะมีข่าวดี”
หลิวซื่อดึงสติคืนมาฉับพลัน นางสงบอกสงบใจลงเป็นปกติได้แล้ว
อิจฉาแล้วมีอันใด นี่เป็นชะตาของแต่ละคน สามีของนางมิได้อยู่ข้างกายตลอด ถึงอยากมีบุตรก็สุดปัญญาจะทำได้
ถ้าเหอซื่อให้กำเนิดบุตรชายจริงๆ ถือเป็นเรื่องดีสำหรับชาวจวนตะวันตกทั้งหมด จะอย่างไรมีคุณชายสามเป็นผู้สืบสกุลคนเดียวก็น้อยเกินไป รอเมื่อรุ่นของพวกนางชราภาพลง จวนตะวันตกจะโดนรังแกได้ง่าย บุตรสาวสองคนของนางมีพี่น้องในสกุลเดิมเพิ่มขึ้น ภายภาคหน้าก็อยู่ในเรือนสามีได้อย่างมีศักดิ์ศรี
หลิวซื่อคิดได้กระจ่างแจ้งในเวลาอันสั้น นางเผยรอยยิ้มจากใจจริงออกมา “คุณหนูสามย่อมจะแสนรู้แน่นอน ประเดี๋ยวก่อน ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านบอกว่าคุณหนูสามเคยเอ่ยไว้ล่วงหน้าว่าจวนเราจะมีข่าวดีหรือเจ้าคะ”
ได้ยินหลิวซื่อถามเช่นนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งรู้สึกถึงความแปลกประหลาดได้แล้วเหมือนกัน