หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 354
บทที่ 354
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งหวนประหวัดถึงถ้อยคำหนึ่งที่เฉียวเจาพูดไว้เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ยามนั้นนางรู้สึกว่าน่าแปลกอยู่บ้างแต่ไม่ได้คิดให้ลึกลงไป บัดนี้คิดขึ้นมาแล้วคล้ายกับมีญาณหยั่งรู้อนาคตอยู่หลายส่วน
“เชิญคุณหนูสามมาสิ” นางออกคำสั่ง
“ฮูหยินผู้เฒ่า ตอนนี้คุณหนูสามไม่อยู่กระมังเจ้าคะ” ชิงอวิ๋นเอ่ยเตือน
หญิงชราถึงนึกได้ว่าทุกวันเวลานี้เฉียวเจาต้องไปที่จวนกวนจวินโหว
“ช่างเถิด เจ้าไปกำชับกับยามเฝ้าประตูสักคำว่าพอคุณหนูสามกลับมาแล้วให้มาที่เรือนชิงซงทันที”
หลิวซื่อได้ยินแล้วคึกคักขึ้นมา “ฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูสามเคยพูดจริงๆ หรือ นางพูดว่าอย่างไรเจ้าคะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งนึกย้อนกลับไปแล้วทวนคำพูดของเฉียวเจาในตอนนั้นซ้ำอีกครา
หลิวซื่อตบเข่าฉาด “ฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูสามต้องรู้อยู่แล้วเป็นแน่แท้เจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งตวัดสายตามองไปทางเรือนปีกซ้ายที่พำนักของเหอซื่อแล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้ “รู้อยู่แล้วหรือ แต่ตอนนั้นเหอซื่อยังไม่ตั้งครรภ์นะ”
หลิวซื่อนิ่งขึงไป “นั่นสิ ตอนนั้นพี่สะใภ้ใหญ่ยังไม่ตั้งครรภ์”
แม่สามีกับลูกสะใภ้สองคนงุนงงมากขึ้น ต่างจับจ้องไปที่หน้าประตูตาเขม็ง
ประหนึ่งว่าเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าเป็นพิเศษ
ขณะที่พวกนางชะเง้อรอจนคอยาว เฉียวเจาก็กลับมาในที่สุด
“หลานเจา มานี่เร็วเข้า”
เฉียวเจาเดินด้วยฝีเท้าปราดเปรียวไปตรงหน้าฮูหยินผู้เฒ่า แสดงคารวะต่อนางและหลิวซื่อก่อนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ท่านย่ามีสีหน้าสดใสเช่นนี้ ได้พบกับเรื่องน่าดีใจอะไรหรือเจ้าคะ”
“ข้าดีใจจริงๆ เจาเจาเอ๊ย แม่เจ้ามีครรภ์แล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มหน้าบานพลางกล่าว ดวงตาทั้งคู่จ้องเขม็งที่หลานสาว
เฉียวเจาคลายยิ้ม “เป็นเช่นนั้นก็ดีอย่างยิ่งจริงๆ ข้าไปดูท่านแม่นะเจ้าคะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งรั้งตัวนางไว้ “แม่เจ้าพักอยู่ในเรือนท่านย่านี่ เจาเจา ข่าวดีที่เจ้าพูดไว้เมื่อพักก่อน หมายถึงเรื่องนี้ใช่หรือไม่”
เฉียวเจาไม่ตอบทันที กวาดสายตาพราวระยับไปมองสบดวงตาสนใจใคร่รู้ของผู้คนในโถงเรือน กล่าวด้วยรอยยิ้มพริ้มพราย “ใช่เจ้าค่ะ”
“คุณหนูสาม เจ้าหยั่งรู้อนาคตได้หรือ” หลิวซื่อมีสีหน้ากระตือรือร้น
นางย่อมไม่เชื่อเรื่องหยั่งรู้อนาคต แต่คุณหนูสามรู้วิชาแพทย์ หรือนางให้เหอซื่อกินยาอะไรที่ช่วยในการตั้งครรภ์
ไม่อาจไม่พูดว่าหลิวซื่อคาดเดาได้ตรงกับความจริง
เฉียวเจาส่งยิ้มให้นาง “ท่านอาสะใภ้รองกล่าวล้อเล่นแล้ว ข้าหยั่งรู้อนาคตได้ที่ใดกันเจ้าคะ”
“หลานเจา แล้วไฉนตอนนั้นเจ้าพูดเช่นนี้เล่า” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งถามซักไซ้
แพขนตาดกหนางามงอนของเด็กสาวกระพือขึ้นลงเบาๆ แต่สีหน้านางกลับผ่อนคลายมาก “ตอนนั้นน่ะหรือ ข้าเห็นท่านพ่อกับท่านแม่อยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง ก็เดาว่าบางทีอาจจะมีน้องชายเจ้าค่ะ”
หยั่งรู้อนาคตเป็นคำพูดไร้สาระ ส่วนเรื่องที่นางปรุงยาที่ช่วยตั้งครรภ์ได้นี้จะแพร่งพรายออกไปไม่ได้เช่นกัน ไม่อย่างนั้นดูทีว่าจะเกิดปัญหาไม่น้อย นางไม่อยากถูกสตรีเป็นโขยงแห่กันมารุมขอลูกหรอกนะ
หญิงชราใจเต้นผิดจังหวะไปวูบหนึ่ง “น้องชาย?”
เฉียวเจายิ้มหวานกับฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง “เจ้าค่ะ น้องชาย”
ท่านแม่มีนิสัยมุทะลุวู่วาม หวังว่าหลังนางเดินทางไปแล้ว คนในเรือนจะเห็นแก่ทารกน้อยในครรภ์ จะอดทนและให้อภัยท่านแม่มากขึ้น
“ท่านย่า ท่านอาสะใภ้รอง ข้าไปดูท่านแม่นะเจ้าคะ”
จวบจนเฉียวเจาไปทางเรือนปีกซ้ายแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งยังทำสีหน้าตะลึงลาน หลิวซื่อคว้าข้อมือนางหมับ แม้แต่เสียงพูดก็สั่นระริกอยู่หลายส่วน “ฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูสามนาง…”
หมายความว่าอะไรกัน หรือจะรู้กระทั่งว่าทารกในครรภ์เหอซื่อเป็นชายหรือหญิง
ทีแรกหลิวซื่อรู้สึกว่าตนเองหลงงมงายไปแล้ว แต่คิดกลับอีกทีนี่คือคุณหนูสาม คุณหนูสามที่คนใดหาญท้าทายคนผู้นั้นต้องเคราะห์ร้าย นางจะมีจุดที่น่ามหัศจรรย์บ้างดูเหมือนเป็นเรื่องที่ยอมรับได้
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งตบหลังมือหลิวซื่อเบาๆ ไม่กล่าวอะไรมาก
ตอนเฉียวเจาย่างเท้าเข้าห้องก็มองเห็นเหอซื่อนั่งยิ้มอยู่คนเดียว วงหน้างามเฉิดฉันแช่มชื่นเบิกบานราวกับเปล่งรัศมีออกมาดุจอรุณรุ่งในวสันตฤดู
“ท่านแม่”
เฉียวเจาเรียกขานเสียงเบาๆ เหอซื่อถึงรู้ตัว นางกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “เจาเจา เจ้าอยากได้น้องชายหรือน้องสาว”
“ยินดีด้วยเจ้าค่ะ ท่านแม่อยากให้ข้ามีน้องชายหรือน้องสาวล่ะเจ้าคะ”
เหอซื่อตอบอย่างไม่หยุดคิดใคร่ครวญ “แม่หวังว่าจะมีน้องชายให้เจ้าสักคน”
นางยื่นมือไปลูบไล้เรือนผมสีดำขลับเรียบลื่นของบุตรสาว “รอเขาเติบใหญ่ก็จะได้ปกป้องพี่สาว”
เฉียวเจาซบตักมารดา ขอบตานางแดงระเรื่อ “ท่านแม่จะได้สมดังใจหวังเจ้าค่ะ”
เรื่องเหอซื่อตั้งครรภ์ทำให้บรรยากาศหดหู่ของการจากลาที่ปกคลุมไปทั่วจวนตะวันตกเพราะคุณหนูสามจะออกเดินทางไกลเจือจางลงบ้าง เฉียวเจาลอบระบายลมหายใจเฮือกหนึ่ง ขณะเดียวกันนางได้รู้ในที่สุดว่าเซ่าหมิงยวนยกเหตุผลอะไรในการเดินทางจากเมืองหลวงไปทิศใต้
เขาจะไปเซ่นไหว้ครอบครัวของพ่อตา หลังจากเข้าไปทูลขออนุญาตจากเบื้องสูงด้วยตนเอง พระองค์พยักหน้าตกลง มิหนำซ้ำยังพระราชทานของปลอบขวัญให้อีกด้วย เฉียวเจาไม่อาจไม่ยอมรับว่าเขาช่างสรรหาเหตุผลได้ดีเหลือหลาย
วันออกเดินทางเฉียวโม่ออกไปส่งเซ่าหมิงยวนถึงนอกจวน
เยี่ยลั่วซึ่งโดนลมทะเลจนผิวคล้ำมากขึ้นจูงม้ารออยู่ที่นั่น
เซ่าหมิงยวนหยุดฝีเท้า “พี่เฉียวโม่ เชิญกลับเข้าจวนเถอะ”
เฉียวโม่มองเขานิ่งๆ “ท่านโหวรักษาเนื้อรักษาตัวด้วย”
บุรุษตรงหน้าให้คำสัญญาไว้ว่าจะร่วมเป็นร่วมตายกับน้องเจา เช่นนั้นเขาปลอดภัย น้องเจาก็ต้องปลอดภัย
“แน่นอน พี่เฉียวโม่วางใจได้” เซ่าหมิงยวนพยักหน้าแล้วประสานมือคารวะเขา จากนั้นหมุนกายสาวเท้าก้าวยาวๆ ไปที่ม้าสีขาว
“ท่านโหว…” เฉียวโม่ส่งเสียงเรียกไล่หลังพร้อมกับกวดฝีเท้าตามไป
เซ่าหมิงยวนได้ยินก็ชะงักเท้าหันกลับมา “พี่เฉียวโม่ยังมีสิ่งใดอยากกำชับอีกหรือ”
เขาหยิบถุงผ้าแพรใบหนึ่งจากอกเสื้อยื่นส่งให้
เซ่าหมิงยวนรับไว้แล้วหลุบตาลงพิศดูแวบหนึ่ง เสียงของเฉียวโม่ดังขึ้น “ท่านโหว หากมีวันหนึ่งท่านพบกับเรื่องที่ลำบากใจหรืองุนงงสับสนอย่างมากเพราะคุณหนูหลี ก็เปิดมันออกดูเถอะ”
“ได้” เซ่าหมิงยวนเก็บถุงผ้าแพรไว้อย่างดี เขาพลิกกายขึ้นหลังม้าแล้วเอ่ยกับเฉียวโม่ “ท่านพำนักอยู่ในจวนกับหว่านวานอย่างสบายใจได้ ข้าจะพานางกลับมาอย่างปลอดภัย”
กล่าวจบเขากระทุ้งท้องม้าเบาๆ เจ้าอาชาสีขาวก็ควบเท้าห้อตะบึงไปหาดวงตะวันแรกรุ่งไกลออกไป
“พี่เขย…” ดรุณีน้อยผู้หนึ่งวิ่งทะยานออกมาจากในจวน พอเห็นม้าสีขาวจากไปไกลแล้ว นางกัดริมฝีปากเริ่มร่ำไห้อย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
“หว่านวาน เจ้าตื่นขึ้นมาด้วยเหตุใด” ปกติเวลานี้เฉียวหว่านกำลังหลับปุ๋ยอยู่
เฉียวหว่านดึงแขนเสื้อของเฉียวโม่ “พี่ใหญ่ พี่เขยจะเดินทางไกล ไฉนท่านไม่ปลุกข้าเจ้าคะ”
บนถนนศิลาเขียวกว้างขวางไม่เห็นเงาใครสักคน เฉียวโม่พาน้องสาวกลับเข้าเรือน เขาเดินไปพูดไปว่า “เมื่อวานเจ้ากล่าวลากับพี่เขยแล้วมิใช่หรือ”
“แต่ข้าอยากมาส่งพี่เขยด้วยตนเองนี่เจ้าคะ”
เฉียวโม่ยิ้มน้อยๆ “ท่านโหวกลัวรบกวนเวลานอนของเจ้า เด็กนอนน้อย ตัวจะไม่สูงนะ”
ครั้นได้ยินว่าเซ่าหมิงยวนมิได้ลืมนางแต่หวังดีต่อนาง ดรุณีน้อยเม้มปากยิ้มออกแล้ว “เช่นนี้นั่นเอง ถ้าอย่างนั้นข้ากลับไปนอนต่อนะเจ้าคะ รอพี่เขยกลับมา ไม่แน่ว่าข้าอาจตัวสูงกว่าพี่หลีก็เป็นได้”
“ไปเถอะ” เฉียวโม่บีบจมูกนาง เขามองตามแผ่นหลังน้องสาวคนเล็กที่แยกไปอย่างเริงร่าแล้วกลับคิดไปถึงน้องสาวคนโต
ไม่รู้ว่าวันหน้ากวนจวินโหวเห็นแผ่นกระดาษในถุงผ้าแพรจะมีสีหน้าเช่นใด และจะทำอย่างไรกับน้องเจา
เมื่อนึกภาพเหตุการณ์นั้นในหัว เฉียวโม่อดอมยิ้มไม่ได้
ไม่ว่าอย่างไร น้องเจาเดินทางลงใต้คราวนี้มีเซ่าหมิงยวนไปเป็นเพื่อน เขาสบายใจขึ้นมาก
อีกด้านหนึ่งที่จวนสกุลหลี ขบวนผู้คุ้มกันที่ไทเฮาส่งมาให้รอคอยอยู่ในลานเรือนหน้า มีทั้งหมดสิบคนกำลังดีไม่มากไม่น้อยเกินไป
พอหลีกวงเหวินคิดคำนึงว่าคนพวกนี้จะพาบุตรสาวจากไป รู้สึกเหมือนหัวใจถูกมีดกรีด เขากวาดสายตามองอย่างจับผิด พลันเห็นใบหน้าคุ้นตาของคนผู้หนึ่ง