หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 356
บทที่ 356
ตอนกลุ่มของเฉียวเจาไปถึงท่าเรือชานเมืองหลวง เซ่าหมิงยวนก็รออยู่ที่นั่นแล้ว
แม่ทัพหนุ่มยังคงสวมเสื้อคลุมยาวสีขาวอ่อน แลดูสง่างามสูงศักดิ์ ข้างกายมีเยี่ยลั่วเป็นองครักษ์เพียงผู้เดียว
รถม้าหยุดจอด เฉินกวงกระโดดลงมา เผยรอยยิ้มกว้างขวางไปทางที่เซ่าหมิงยวนยืนอยู่
ม่านประตูถูกเลิกขึ้น ปิงลวี่กับอาจูประคองเฉียวเจาลงจากรถม้า
“ถิงเฉวียน เจ้ามาถึงเร็วน่าดู” หยางโฮ่วเฉิงสืบเท้าหนึ่งก้าวเข้าไปตบบ่าเขาอย่างดีอกดีใจ
เซ่าหมิงยวนยกยิ้ม สายตาหยุดอยู่ที่ฉือชั่น “สือซี ไม่พบกันพักหนึ่ง เจ้าคล้ำขึ้นนะ”
ระยะนี้ฉือชั่นไม่ได้ไปหอชุนเฟิงชวนเขาดื่มสุรา แล้วก็ไม่มาที่จวนกวนจวินโหว เซ่าหมิงยวนคาดเดาได้รางๆ ว่าน่าจะเกิดเรื่องไม่น่าอภิรมย์บางอย่างระหว่างสหายรักกับคุณหนูหลี แต่ทั้งสองไม่เอ่ยถึงเขาย่อมไม่สอดปากถามเป็นธรรมดา
ฉือชั่นแย้มปากยิ้ม “ถิงเฉวียน เจ้าคงคิดไม่ถึงว่าข้าจะไปเหมือนกันกระมัง”
เซ่าหมิงยวนอมยิ้มพยักหน้า “ถูกต้อง” เขาพูดแล้วมองหยางโฮ่วเฉิงนิ่งๆ อึดใจหนึ่ง
เขารู้ว่าหยางโฮ่วเฉิงจะไปด้วย หากที่น่าสนใจคือหยางเอ้อร์กลับไม่เคยเอ่ยกับเขาว่าฉือชั่นอยู่ในกององครักษ์ครั้งนี้
หยางโฮ่วเฉิงขยิบตาให้เซ่าหมิงยวน
ข้าไม่ได้ตั้งใจปิดบัง แต่คุณหนูหลีไปที่จวนกวนจวินโหวทุกวันมิใช่หรือ ฉือชั่นเลยกลัวเจ้าแย้มพรายให้นางรู้น่ะสิ
“เอาล่ะ พวกเราขึ้นเรือก่อนเถอะ” หยางโฮ่วเฉิงหัวเราะร่าสองเสียง
ล้วนเป็นคนคุ้นเคยกัน การเดินทางลงใต้หนนี้ต้องสนุกสนานแน่
เซ่าหมิงยวนพาเยี่ยลั่วไปผู้เดียว เฉียวเจาก็พาสาวใช้ตามมาด้วยสองคนกับเฉินกวง ส่วนในขบวนคุ้มกันล้วนเป็นองครักษ์ธรรมดา ยกเว้นฉือชั่นและหยางโฮ่วเฉิงที่รั้งตำแหน่งรองหัวหน้าหน่วย ด้วยเหตุนี้ทุกคนต่างรู้จักคุ้นเคยกันดีเป็นอย่างยิ่งดังเช่นที่หยางโฮ่วเฉิงคิดไว้
เรือเดินสมุทรสูงสามชั้นลำใหญ่มหึมาจอดเทียบท่าอยู่ลำหนึ่ง นอกจากพวกเฉียวเจาแล้ว นักเดินทางจำนวนมากกำลังทยอยกันขึ้นเรือ เพลานี้มีสายตาจับจ้องมองตามพวกเขาไม่น้อย
“ไปเถอะ ห้องพักของพวกเราอยู่ชั้นบนสุด” หยางโฮ่วเฉิงโบกมือไปมาก่อนจะเดินนำหน้าก้าวไปตามดาดฟ้าเรือ
คนในกลุ่มล้วนมีสัมภาระน้อยและพาผู้ติดตามมาไม่กี่คน นอกจากเสื้อผ้าอาภรณ์สำหรับผลัดเปลี่ยนเท่าที่จำเป็นก็ไม่ได้นำข้าวของติดตัวมามากนัก พวกเซ่าหมิงยวนลงเรือแล้วจัดการธุระส่วนตัวเล็กน้อย จากนั้นไปรวมตัวกันที่ชั้นบนสุดพูดคุยสนทนากันในโถงที่เปิดหน้าต่างออก
ด้วยยังไม่ถึงเวลาเรือออก สามารถมองเห็นต้นหลิวทอดกิ่งห้อยย้อยลงปลิวไหวลู่ลมอยู่ตรงริมตลิ่งท่าเรือ รวมถึงสายน้ำไหลรินเปล่งประกายสีทองงามระยับอยู่ใต้แสงตะวัน
เสียงฝีเท้าม้ากุบกับจากที่ไกลๆ ดังใกล้เข้ามา ฉือชั่นอยู่ริมหน้าต่างใช้พัดด้ามจิ้วเคาะกรอบหน้าต่าง กล่าวอย่างไม่ชอบใจ “ไฉนเขาถึงมาด้วย”
“ใครหรือ” หยางโฮ่วเฉิงเยี่ยมหน้าออกไปดูแล้วทำสีหน้าไม่ดีเช่นเดียวกัน เขาเกาท้ายทอยพลางพูด “หมายถึงท่านสิบสามของกององครักษ์จินหลินผู้นั้นกระมัง เฮ้อ…เจอเขามิใช่เรื่องดีเลย”
เซ่าหมิงยวนมองไปทางนอกหน้าต่างแวบเดียวอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ
“ดูเร็วเข้า เจ้าหนุ่มนั่นขึ้นเรือแล้ว” หยางโฮ่วเฉิงชะโงกออกไปเกือบครึ่งตัว
ฉือชั่นยื่นมือดึงเขากลับมา พูดเสียงเย็นๆ ว่า “ช่างเขาปะไร”
“ข้าแค่รู้สึกว่าบังเอิญ คราวก่อนตอนพวกเรากลับมาจากทิศใต้ก็พบกับเขา ครั้งนี้เดินทางลงใต้ก็เจอเขาอีก มันช่าง…”
“ตามหลอกหลอนไม่เลิกรา” ฉือชั่นกล่าวคำนี้ต่อให้
หยางโฮ่วเฉิงพยักหน้า “ใช่ ตามหลอกหลอนไม่เลิกรา”
เซ่าหมิงยวนถือถ้วยน้ำชาในมือกล่าวยิ้มๆ “ต่างคนต่างไป ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน”
ราวกับรับรู้ว่ามีคนจับตามองอยู่ เจียงหย่วนเฉามาถึงท่าเรือแล้วเงยหน้าขวับ ประสานสายตากับคนทั้งสามจากระยะไกล เขาแย้มปากยิ้มให้
“หน้าเนื้อใจเสือ” ฉือชั่นดึงสายตากลับอย่างเอื่อยเฉื่อย
มาตรว่าพวกองครักษ์จินหลินล้วนเป็นเหมือนปลิงที่สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด แต่ตราบเท่าที่ไม่มาเกาะตัวเขาก็ยังพอจะฝืนทนได้
หยางโฮ่วเฉิงถอนใจเฮือก “ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอเห็นเขาจู่ๆ ก็รู้สึกว่าการเดินทางไกลเที่ยวนี้ถูกปกคลุมด้วยเงาดำชั้นหนึ่ง มา พวกเราสามคนดื่มกันสักจอกเถอะ ขับไล่สิ่งอัปมงคล”
เขาเตรียมสุรารสเลิศไว้ตั้งแต่เมื่อไรก็สุดรู้ ก้มตัวไปหยิบกาสุรามาวางบนโต๊ะ รินจนเต็มจอกให้ทั้งสามคน
น้ำเมรัยชั้นดีใสกระจ่างกลิ่นหอมแรง ฉือชั่นยกจอกขึ้นจิบคำหนึ่ง แต่เซ่าหมิงยวนไม่แตะต้อง
หยางโฮ่วเฉิงกลอกตามองเขา “ถิงเฉวียน ไยเจ้าไม่ดื่ม”
ก่อนหน้านี้ถิงเฉวียนยังดื่มสุราอย่างสำราญบานใจมากนี่นา
เซ่าหมิงยวนเพ่งสายตามองจอกสุราตรงหน้า เขาบอกอย่างตรงไปตรงมา “คุณหนูหลีไม่ให้ดื่ม”
ฉือชั่นมองขวับไปที่เขาด้วยสายตาชอบกล
หยางโฮ่วเฉิงไม่รู้สึกถึงความนัยอันซับซ้อนลึกลงไป เขาถอนใจเฮือกหนึ่งอย่างเสียดาย “ถ้าอย่างนั้นเห็นทีว่าคงมีแต่ข้ากับสือซีร่ำสุรากัน ถิงเฉวียน มองไม่ออกจริงๆ ว่าเจ้าจะว่านอนสอนง่ายดี”
เซ่าหมิงยวนส่งเสียงไอกะทันหัน เขาชำเลืองหางตาไปทางฉือชั่น เห็นสหายรักทำสีหน้าบึ้งตึงดังคาด
ชายหนุ่มลอบทอดถอนใจ คุณหนูหลีแนะนำเขาว่าอย่าดื่มสุราในระยะนี้เป็นเรื่องจริง เขาไม่อยากปิดบังสหายสองคน แต่นี่หยางเอ้อร์กำลังสร้างปัญหาเพิ่มขึ้น ขืนพูดต่อไปอีกสือซีคงจะเต้นผางๆ แล้ว
“แน่นอนว่าต้องเชื่อฟังคุณหนูหลี นางเป็นหมอ” แววตาของเซ่าหมิงยวนกระจ่างใส สีหน้าบริสุทธิ์ใจยิ่ง
สีหน้าของฉือชั่นผ่อนคลายลงหลายส่วน นิ้วมือขาวเนียนดุจหยกกำจอกสุราแน่น ยกขึ้นกระดกดื่มรวดเดียวหมด
เสียงของเฉินกวงดังมาจากนอกประตู “ท่านแม่ทัพ ท่านสิบสามของกององครักษ์จินหลินมาเยี่ยมคารวะขอรับ”
“เขามาทำอะไร” ฉือชั่นวางจอกสุราลงบนโต๊ะบังเกิดเสียงกระทบกันดังก้องกังวาน
“นั่นน่ะสิ” หยางโฮ่วเฉิงเพ่งสายตาไปที่หน้าประตู
เซ่าหมิงยวนหน้าไม่เปลี่ยนสี เขากล่าวเอื่อยๆ “เชิญใต้เท้าเจียงเข้ามา”
บุรุษชุดสีดำปลอดผู้หนึ่งก้าวเข้ามาจากนอกโถง เรือนกายสูงโปร่ง มุมปากประดับรอยยิ้มน้อยๆ ชวนให้รู้สึกอบอุ่นดุจสายลมวสันต์ พินิจจากรูปลักษณ์ภายนอกเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าใครล้วนคิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้คือบุคคลซึ่งใครๆ ในกององครักษ์จินหลินพากันกลัวเกรงเป็นรองจากเจียงถังเท่านั้น
“ท่านโหว” เจียงหย่วนเฉาค้อมศีรษะให้เซ่าหมิงยวน ค่อยพยักหน้าทักทายฉือชั่นกับหยางโฮ่วเฉิง “คุณชายฉือ หยางซื่อจื่อ”
“ใต้เท้าเจียงจะเดินทางลงใต้หรือ” เซ่าหมิงยวนถามไถ่
“ใช่” เจียงหย่วนเฉากวาดสายตาผ่านจอกสุราที่วางอยู่ตรงหน้าคนทั้งสาม กล่าวยิ้มๆ ว่า “ท่านทั้งสามช่างมีอารมณ์สุนทรีย์ ไม่ทราบว่าข้าจะขอดื่มสุราสักจอกได้หรือไม่”
ฉือชั่นหัวร่อเบาๆ เอนกายพิงข้างหน้าต่าง หมุนคลึงจอกสุราในมือเล่น “ขออภัย จอกสุรามีไม่พอ”
เจียงหย่วนเฉานั่งลงอย่างไม่ใส่ใจ เขามองฉือชั่นด้วยแววตาเรียบเฉียบ ก่อนหันไปมองเซ่าหมิงยวน “ไม่มีสุราดื่มก็มิเป็นไร รบกวนท่านโหวเชิญคุณหนูหลีออกมาให้ข้าด้วย”
ฉือชั่นนั่งตัวตรง ดวงตาแฝงรอยระแวงระวัง “เจ้าจะเรียกนางออกมาด้วยเหตุใด”
“เรื่องนี้ไม่สะดวกจะบอกกล่าวคุณชายฉือแล้ว” มุมปากเขาประดับรอยยิ้มดุจเก่า หากท่าทีแข็งกร้าวมาก
“เชิญใต้เท้าเจียงกลับไปเถอะ พวกข้ามีหน้าที่คุ้มครองคุณหนูหลี ไม่อยากให้นางพบปะใครส่งเดช”
คำกล่าวของฉือชั่นไม่ทำให้เจียงหย่วนเฉาสะดุ้งสะเทือนแม้สักกระผีก เขาสอดประสานนิ้วมือเรียวยาวทั้งสิบ น้ำเสียงไร้รอยกระเพื่อมไหวของอารมณ์ “จะเต็มใจพบข้าหรือไม่ สมควรไต่ถามความเห็นจากตัวคุณหนูหลีเองมิใช่หรือ”
เขาชายตามองฉือชั่นเล็กน้อยแล้วเหยียดยิ้มพลางกล่าว “คุณชายฉือก็บอกเองว่าพวกท่านเป็นผู้คุ้มครองคุณหนูหลี ไม่ใช่ผู้คุมตัวนาง มีแขกมาเยือน อย่างไรนางน่าจะมีสิทธิ์ล่วงรู้กระมัง”
ฉือชั่นตั้งท่าจะพูดอีก แต่เซ่าหมิงยวนออกคำสั่งแล้ว “เฉินกวง ไปเชิญคุณหนูหลีมาที่นี่”
เจียงหย่วนเฉานั่งหันหลังให้ประตูโถง ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังลอยมา ตรงกลางอกชายหนุ่มพลันบังเกิดอารมณ์หดหู่จากเหตุใดก็สุดรู้ ส่งผลให้เขาลืมหันไปมองในชั่วขณะ