หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 357
บทที่ 357
“ใต้เท้าเจียงมาหาข้ามีธุระอันใดหรือเจ้าคะ”
เมื่อสุ้มเสียงราบเรียบเฉยเมยของเด็กสาวดังขึ้นข้างหลัง เจียงหย่วนเฉาลุกขึ้นหมุนกายไป สีหน้าเขาสุขุมเยือกเย็น “คุณหนูหลี ข้าขอคุยกับท่านเป็นการส่วนตัว”
“เชิญใต้เท้าเจียงตามข้ามาเจ้าค่ะ”
“หลีซาน…” ฉือชั่นส่งเสียงเรียกอย่างห้ามไม่อยู่ นี่เกือบจะเป็นครั้งแรกในช่วงที่ผ่านมานี้ที่เขาเอ่ยปากพูดกับเฉียวเจาก่อน
นางส่งยิ้มให้ฉือชั่นแล้วก้าวออกจากโถงใหญ่
ด้านเจียงหย่วนเฉามองฉือชั่นด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มก่อนจะตามออกไป
ทั้งสองเดินตามหลังกันไปหยุดยืนตรงท้ายเรือ
เรือเคลื่อนออกจากท่าแล่นเอื่อยๆ เหนือท้องน้ำ ณ ใจกลางสายชลจะสัมผัสถึงกลิ่นอายของสารทฤดูได้มากกว่าบนพื้นดิน พระพายเย็นรื่นโชยมาพัดชายเสื้อของเขากับนางจนปลิวไสว
“ใต้เท้าเจียงมีอะไรก็พูดมาเถอะเจ้าค่ะ” เฉียวเจายืนหันหลังให้แม่น้ำ มองไปที่เจียงหย่วนเฉา
เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ดูเหมือนคุณชายฉือจะห่วงใยคุณหนูหลีอย่างมาก”
ชายหนุ่มเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมาก็นึกเสียใจภายหลังอยู่บ้าง ปกติเขาไม่ได้เป็นคนชอบพูดถึงใครลับหลังเช่นนี้ กระนั้นบนใบหน้าของเขากลับไม่เห็นร่องรอยผิดปกติแม้สักนิด
ใบหน้าของเด็กสาวนิ่งเฉย “ใต้เท้าเจียงกล่าวคำนี้ดูจะเป็นการละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวแล้ว”
เจียงถังมีเรื่องต้องพึ่งพานาง คนตรงหน้าจึงยังไม่เป็นภัยคุกคามอันใดต่อนางในขณะนี้ ดังนั้นนางย่อมไม่จำเป็นต้องฝืนความรู้สึกของตนเอง
เจียงหย่วนเฉาผู้นี้ นางไม่ชมชอบเป็นอันมาก
เขาอึ้งงันไปก่อนยิ้มเจื่อนๆ “คุณหนูหลีกล่าวได้ถูกต้อง เช่นนั้นพวกเราพูดเรื่องสำคัญกันเถอะ”
นางมองเขาด้วยสีหน้าแววตาสงบนิ่ง
เรือนกายของเจียงหย่วนเฉาสูงชะลูดเลยศีรษะของสาวน้อยเบื้องหน้าไปเป็นคืบจนนางจำต้องแหงนคอมองเขา แต่เขากลับรู้สึกได้ว่าแม่นางน้อยผู้นี้มีความเข้มแข็งแกร่งกล้าอย่างเต็มเปี่ยม
ครั้นคิดถึงตรงนี้ เจียงหย่วนเฉาก็หัวเราะฝืดๆ อยู่ในใจ
แต่ไรมาดูเหมือนว่าเด็กสาวผู้นี้อยู่ต่อหน้าเขาจะเป็นเยี่ยงนี้เสมอ ไม่หวาดกลัวเขา มีแต่…ความปึ่งชา มันเป็นความปึ่งชาแบบที่อยากหนีให้ห่างใจจะขาดไม่ต้องข้องแวะกันตลอดชาติ
เดิมทีชีวิตของเขากับนางสมควรเป็นเช่นนี้ ไม่เกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อยนิด
ทว่าเพราะอะไรนางต้องคล้ายคลึงกับคนที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจเขาคนนั้นด้วยนะ
เจียงหย่วนเฉายกมุมปากขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับเก็บงำความรู้สึกเคลือบแคลงคลุมเครือทั้งหมดนี้ไว้เงียบๆ เขาล้วงบางอย่างออกจากแขนเสื้อ “ท่านผู้บัญชาการใหญ่ให้ข้ามอบของสิ่งหนึ่งให้ท่าน”
เขาหันหน้าออกไปทางแม่น้ำ ร่างกายที่สูงใหญ่บดบังสายตารอบข้างไว้ได้ทั้งหมด ขณะเขายื่นป้ายคำสั่งป้ายนั้นไปให้นาง
ฝ่ามือของเฉียวเจารับรู้ถึงความเย็นน้อยๆ นางตวัดสายตามองป้ายคำสั่งอย่างฉับไวแล้วเก็บมันเข้าแขนเสื้อ
เจียงหย่วนเฉาเอ่ยถาม “คุณหนูหลีรู้ประโยชน์ของป้ายคำสั่งป้ายนี้หรือไม่”
“ไม่รู้”
คำตอบสั้นกระชับของเด็กสาวทำให้เจียงหย่วนเฉาคับอกคับใจอยู่สักหน่อย เขาอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “ถ้าคุณหนูหลีเรียกข้าว่าพี่เจียงสักคำ ข้าก็จะบอกท่าน”
เขาเคยได้ยินคำเรียกขานว่า ‘ใต้เท้าเจียง’ จากคนมากมายเหลือเกิน แต่ ‘พี่เจียง’ มีเพียงเด็กสาวผู้นี้ที่เคยเรียก
เขารู้สึกว่า ‘พี่เจียง’ เสนาะหูกว่า ‘ใต้เท้าเจียง’ มาก โดยเฉพาะบนเรือโดยสารใจกลางแม่น้ำนี้
เฉียวเจาอมยิ้มในหน้า “ใต้เท้าเจียงกล่าวล้อเล่นแล้ว ท่านกับข้าหาใช่ญาติมิตร มิบังอาจเรียกส่งเดชเจ้าค่ะ”
กว่าจะตีตัวออกห่างจากคนผู้นี้ได้มิใช่ง่ายดาย นางไม่รนหาที่เองอีกหรอก
เฉียวเจาบอกไม่ถูกว่าเพราะอะไร นับแต่พบกันครั้งแรกสัญชาตญาณของนางก็สัมผัสได้ถึงอันตรายเฉกสัตว์ป่าจากบุรุษผู้นี้
เจียงหย่วนเฉาหลุบเปลือกตาลง สีหน้าเขาเรียบเฉย “อืม หากเป็นอย่างนี้ ข้าก็ไม่บอกแล้ว”
เด็กสาวสะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง ของชิ้นหนึ่งก็ลอยละลิ่วไปหาชายหนุ่ม เขาคว้าไว้ได้อย่างปราดเปรียวฉับไว เป็นป้ายคำสั่งป้ายนั้นนั่นเอง
“คุณหนูหลี นี่ท่าน…”
นางเชิดปลายคางขึ้น เหยียดยิ้มกล่าวเสียงเรียบ “ถ้าไม่รู้ประโยชน์ของมัน เช่นนั้นข้าก็ไม่เอาแล้ว”
ป้ายคำสั่งที่ยังไม่รู้ว่ามีประโยชน์อะไรก็คิดจะใช้มันข่มขู่นาง นางไม่เปิดโอกาสให้ใครเช่นนี้หรอก
เจียงหย่วนเฉาขยับปากแต่ยังไม่ได้เอื้อนเอ่ย
ไม่เอาแล้ว? นางถึงกับไม่ต้องการป้ายคำสั่งที่ท่านพ่อบุญธรรมมอบให้ คงมิใช่กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับ?
“ใต้เท้าเจียง หากไม่มีเรื่องอื่นอีก เช่นนั้นข้าขอกลับไปก่อน พวกแม่ทัพเซ่ารออยู่” เฉียวเจายอบกายคารวะอย่างขอไปทีก่อนจะก้าวขาออกเดินไป
“คุณหนูหลี…” เจียงหย่วนเฉาส่งเสียงเรียกไว้ เมื่อเห็นสายตาเย็นชาของนาง เขาถอนใจอย่างจนปัญญา “ท่านชนะแล้ว”
เขายัดป้ายคำสั่งกลับไปในมือของเฉียวเจา กระซิบบอกตอนเดินผ่านข้างกายนาง “นี่คือป้ายคำสั่งอักษรฟ้าของกององครักษ์จินหลิน ท่านสามารถสั่งงานผู้อยู่ใต้อาณัติของท่านผู้บัญชาการใหญ่ได้ตามชอบใจ วันหน้าคุณหนูหลีกลับถึงเมืองหลวงอย่าลืมคืนให้ท่านผู้บัญชาการใหญ่ด้วย”
เจียงหย่วนเฉาพูดจบแล้วสาวเท้าก้าวยาวๆ จากไปโดยไม่เหลียวหลังและไม่รั้งรอแม้ชั่วขณะ
เฉียวเจากำป้ายคำสั่งในมือแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
แม้นนางคาดคะเนได้ว่าเจียงถังต้องแสดงท่าทีสักอย่างต่อการออกเดินทางไกลของนาง แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่อย่างนี้ให้
เฉียวเจาเก็บป้ายคำสั่งอย่างมิดชิดแล้วกลับไปที่ห้องโถง พวกเซ่าหมิงยวนทอดสายตามองมาทันที
“คุณหนูหลี คนแซ่เจียงมิได้รังแกท่านกระมัง” หยางโฮ่วเฉิงตบอกรับรอง “ถ้าเขารังแกท่านก็บอกกับพี่หยางได้ พี่หยางจะต่อยเขาให้ฟันร่วงเกลื่อนพื้นเลยคอยดู”
เสียงพูดเอื่อยๆ พลันลอยเข้ามาทางหน้าต่าง “ถ้าอย่างนั้นข้าจะตั้งตารอ”
หยางโฮ่วเฉิงนิ่งคอแข็ง จากนั้นหันไปพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าคนผู้นี้ ไฉนถึงแอบฟังคนอื่นคุยกัน”
คนที่นอกหน้าต่างหายไปแล้ว ผ่านไปอึดใจหนึ่งเจียงหย่วนเฉาก็ผลักประตูเข้ามานั่งลงอย่างเชื่องช้า เขาหยักยิ้มกล่าว “ไม่ได้แอบฟัง ข้ากำลังชมทิวทัศน์แม่น้ำอยู่ เป็นคุณชายหยางเสียงดังเกินไปเอง”
หยางโฮ่วเฉิงลูบจมูกอย่างเก้อกระดาก
“ใต้เท้าเจียงยังมีเรื่องใดอีกหรือ” ฉือชั่นเลิกคิ้วขึ้นพลางถาม
“ไม่มีเรื่องใด ข้าเข้ามานั่งพัก”
ฉือชั่นทำหน้าตึง “ใต้เท้าเจียง พวกข้าจับจองชั้นนี้ไว้แล้ว ท่านเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ ไม่ใคร่เหมาะกระมัง”
เจียงหย่วนเฉายังมีรอยยิ้มบางๆ ดังเก่า “อืม ข้าเพิ่งเดินดูจนทั่วรอบหนึ่ง พบว่ามีโถงดื่มน้ำชานี้แห่งเดียว ข้าก็พำนักอยู่ชั้นนี้ อุตส่าห์ลงไปดื่มชาที่ชั้นล่างก็คงไม่ดีนัก”
“เยี่ยลั่ว ไปตามเจ้าของเรือมาให้ข้า ข้าอยากถามนักว่าห้องที่พวกเราจองไว้แท้ๆ เหตุใดยังให้คนอื่นเข้าพัก” คุณชายฉือไม่ได้พาเด็กรับใช้มา เขาจึงเรียกใช้องครักษ์ของสหายรักโดยไม่เกรงใจแต่อย่างใด
“ไม่ต้องหรอก” เจียงหย่วนเฉาลุกขึ้นรินน้ำชาให้ตนเองถ้วยหนึ่ง กุมมันไว้ด้วยสองมือนั่งลงตามเดิมแล้วพูดไม่เร็วไม่ช้า “คุณชายฉือไม่ต้องส่งคนไปเรียกเจ้าของเรือ เขารู้เรื่องดี”
เจียงหย่วนเฉาพูดพลางมองฉือชั่นปราดหนึ่ง ยิ้มพรายกล่าวว่า “ข้าเป็นองครักษ์จินหลิน จำเป็นต้องใช้ห้องห้องหนึ่งของชั้นนี้เป็นที่พำนัก เจ้าของเรือต้องให้ความร่วมมือแน่นอน เชื่อว่าทุกท่านคงเข้าใจได้กระมัง”
ริมฝีปากบางของฉือชั่นเม้มเป็นเส้นตรง
ฉือชั่นไม่สบอารมณ์เป็นอันมาก อยากจะโยนคนหน้าเนื้อใจเสือตรงหน้าออกไปนอกหน้าต่างเป็นอาหารปลาใจจะขาด แต่เขามาในฐานะผู้สืบคดีของกององครักษ์จินหลิน จึงทำอะไรคนผู้นี้ไม่ได้จริงๆ
ตั้งแต่เชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ไปจนถึงคนชั้นล่างต่ำต้อย องครักษ์จินหลินมีสิทธิ์สอบสวนได้ทั้งหมด บางครั้งถึงขั้นไม่จำเป็นต้องให้เหตุผลด้วยซ้ำไป
พอเห็นฉือชั่นไม่กล่าววาจาอีก เจียงหย่วนเฉาคลายยิ้มบางๆ “บอกตามตรง ข้าดีใจมากที่มีท่านทั้งสามเป็นเพื่อนร่วมทาง อย่างน้อยหลังจากนี้ก็มีคนดื่มน้ำชาด้วยกัน”
เมื่อเจียงหย่วนเฉากล่าวถึงตรงนี้ เขาก็อดเบนสายตาไปมองเด็กสาวที่นั่งอยู่อย่างสงบเสงี่ยมไม่ได้
เฉียวเจาลุกขึ้นยืน “ใต้เท้าเจียงดื่มชาเถอะ แม่ทัพเซ่า ไปห้องข้าหรือห้องท่านดีเจ้าคะ”
เด็กสาวทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทว่าถ้อยคำนี้สร้างความตกตะลึงให้แก่คนอื่นๆ ในที่นี้มากถึงเพียงใดก็สุดรู้
ขณะที่คนอื่นๆ ตกอยู่ในความเงียบอันพิลึกพิลั่น ใบหูของเซ่าหมิงยวนแดงระเรื่อ
แม่ทัพหนุ่มไม่กล้าพูด ได้แต่ค่อนว่าอยู่ในใจ
คุณหนูหลีพูดจาไม่เป็นเลยสักนิด!