หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 37
สายตาของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งจับอยู่ที่รอยช้ำนั่น นางถอนใจเฮือกและกล่าว ท่านย่ารู้ว่าเจ้าโดนถอนหมั้น ในใจอึดอัดคับข้องถึงได้คิดไปในทางที่ผิดชั่วขณะ วันหน้าจะทำเช่นนี้อีกไม่ได้นะ โดยเฉพาะช่วยคนอื่นเหยียบย่ำพี่น้องคนหนึ่งในจวนก็ยิ่งทำไม่ได้
ต่อหน้าคนมากมาย คำกล่าวของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งทำให้หลีเจี่ยวหน้าแดงจรดใบหู นางพูดช้าๆ ว่า ข้าจดจำได้แล้วเจ้าค่ะ
เมื่อเห็นสีหน้าหญิงชราอ่อนละมุนลง นางลอบระบายลมหายใจอย่างโล่งอก
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกระแอมกระไอทีหนึ่งก่อนเอ่ย วันหน้าเลิกเรียนแล้วตั้งใจคัดพระธรรมทุกวันเถอะ วันประสูติของพุทธองค์ปีนี้อย่าให้รั้งท้ายคนอื่นอีก
ปีที่ผ่านมานางไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ แต่พี่สะใภ้จวนตะวันออกผู้นั้นออกจะผยองเกินไปแล้ว ขืนไม่แสดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์ให้นางอิจฉาตาร้อนบ้าง จะนึกว่าจวนตะวันตกเป็นมะพลับนิ่ม* จริงๆ
หลีเจี่ยวสาวเท้าเร็วรี่ไปตรงหน้าเฉียวเจา ยื่นมือไปจับมือนาง น้องเจา ข้าไม่ดีเอง ทั้งที่รู้ว่าเจ้าถูกล่อลวงไปต้องตกระกำลำบากไม่น้อย เรื่องของข้าเทียบกับของเจ้าแล้วไม่นับว่ามีอะไรสักนิด ยังพาลโกรธใส่เจ้าอย่างห้ามไม่อยู่ เจ้าอภัยให้พี่สาวที่โดนผีสางดลใจไปชั่วครู่ชั่วยามเถอะนะ
หลานเจา… ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเอ่ยปากเรียก
เฉียวเจาดึงมือออกแล้วตบหลังมือหลีเจี่ยวเบาๆ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ
สำหรับนางแล้วไม่ถึงขั้นอภัยหรือไม่ให้อภัยอันใด แต่เกรงว่าแม่นางน้อยหลีเจาคงไม่มีวันยกโทษให้เด็ดขาด
อันว่าได้รับบุญคุณเท่าหยดน้ำตอบแทนด้วยน้ำทั้งบ่อ เช่นนั้นก็ค่อยเป็นค่อยไปเถอะ วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล
เฉียวเจาช้อนตาขึ้น ท่านย่าเรียกข้าหรือเจ้าคะ
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งลืมว่าจะกล่าวคำใดต่อไปชั่วขณะ
คราแรกนางนึกว่าหลานสาวผู้นี้จะต้องจี้จุดนี้แบบกัดไม่ปล่อย อย่างไรก็ต้องให้นางลงโทษหลานเจี่ยวให้ได้ แต่พอตอนนี้แม่นางน้อยกล่าวเช่นนี้ กลับทำให้นางกระดากใจเสียเองแล้ว
เหตุไฉนรู้สึกเหมือนตนเป็นท่านย่าใจร้ายได้เล่า
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งคับอกคับใจแปลกๆ ชอบกล นางกระแอมกระไอให้คอโล่งแล้วเอ่ยขึ้น เจาเจา วันนี้ฝืนใจเจ้าแล้ว ท่านย่ามีแท่นฝนหมึกลายปลาไนสีแหวกว่ายกอบัวชิ้นหนึ่ง เป็นของที่ท่านปู่เจ้าทิ้งไว้ให้ ประเดี๋ยวจะส่งมาให้เจ้า วันหน้าก็ตั้งใจคัดลายมือนะ
หลีเจี่ยวเงยหน้าขวับมองไปทางฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง ยากจะปกปิดความตกตะลึงในใจได้
ในบรรดาพี่น้องของทั้งสองจวน เรื่องฝีมือขี่ม้าและยิงธนู นางยอมรับว่าตนสู้หลีเจียวไม่ได้ แต่ทักษะดีดพิณ เดินหมาก เขียนอักษร และวาดภาพไม่มีผู้ใดล้ำหน้านางได้ ปกตินางแค่กลัวหลีเจียวอิจฉาถึงได้เก็บงำประกายไว้เท่านั้นเอง
นางถูกตาต้องใจแท่นฝนหมึกในมือท่านย่าชิ้นนั้นมานานมากแล้ว ยังเคยลองหยั่งเชิงขอมาก่อน ตอนนั้นท่านย่าไม่พูดตอบเลยคิดว่านั่นเป็นของดูต่างหน้าที่ท่านปู่ทิ้งไว้ให้ ท่านย่าหวงแหนไม่อยากยกให้ใคร นางได้แต่ละความตั้งใจ คิดไม่ถึงว่าวันนี้ท่านย่าจะมอบให้หลีเจาเอง
เห็นทีว่าในใจท่านย่าจะรู้สึกว่าหลีเจาได้รับความคับข้องหมองใจอย่างมาก แต่เช่นนี้ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย เพราะนางต้องทนคับข้องหมองใจมากมายปานนั้นเป็นประจำจนท่านย่าเห็นเป็นเรื่องปกติ เพียงช่วยปกป้องนางเล็กๆ น้อยๆ ส่วนหลีเจาคับข้องหมองใจหนเดียวกลับปลอบใจนางถึงเพียงนี้
ของดูต่างหน้าท่านปู่ นางไม่เชื่อว่าหลีซานจะกล้าอาจเอื้อม
หลีเจี่ยวพยายามรักษาสีหน้าเรียบเฉยไว้สุดกำลัง อมยิ้มหันไปมองเฉียวเจา
เฉียวเจายอบกายคำนับฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง แสดงความปีติยินดีจากใจจริงออกมา เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านย่ามากเจ้าค่ะ
หลีเจี่ยวเบิกตากว้าง ไฉนนางรับไว้โดยไม่ละอายใจเยี่ยงนี้
เวลานี้อย่าว่าแต่หลีเจี่ยว กระทั่งเหอซื่อก็ทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง ขณะที่นายหญิงรองหลิวซื่อขยำผ้าเช็ดหน้าไปมาจนยับยู่ยี่แล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเห็นเฉียวเจารับไว้โดยไม่กระมิดกระเมี้ยนกลับสำราญใจสุดประมาณ นางยิ้มตาหยีพลางกล่าวว่า อย่างนั้นอีกประเดี๋ยวข้าจะให้ชิงอวิ๋นนำมาให้ เอาล่ะ รีบเก็บกวาดเศษกระเบื้องเต็มพื้นโดยไว พวกเราแยกย้ายกันเถอะ
หลีเจี่ยวกลับถึงเรือนฝั่งขวา ส่องคันฉ่องสลักลายพิศดูรอยเขียวช้ำบนหน้าผากแล้วลอบคับแค้นใจ คว้าตลับชาดสีแดงบนโต๊ะจะปาลงพื้น แต่เพิ่งเงื้อมือขึ้นก็ลดลงดังเก่า
ใต้หล้าไม่มีกำแพงที่ไร้ช่องลม เกิดเรื่องขว้างปาข้าวของเล่าลือออกไปจะยิ่งงามหน้า
นางวางตลับชาดลง ซบหน้าร่ำไห้บนโต๊ะเครื่องแป้ง
ถ้าท่านแม่ยังอยู่ นางคงไม่ต้องทนกับเรื่องน่าคับข้องหมองใจเหล่านี้และมีชีวิตเช่นนี้…
คุณหนูของข้า เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ
แม่นม… หลีเจี่ยวโผซบอกหญิงวัยกลางคน
หญิงวัยกลางคนเห็นรอยช้ำบนหน้าผากนางแล้วสงสารจับใจ รีบส่งสายตาบอกชุนฟาง
ชุนฟางเข้าใจความหมาย สาวเท้าออกไปตามคุณชายสาม
หลีฮุยได้ยินว่าพี่สาวบาดเจ็บก็รุดมาถึงเรือนฝั่งขวาอย่างเร่งร้อน พอเขาเห็นสภาพของหลีเจี่ยวก็บันดาลโทสะ พี่เจี่ยว หน้าผากพี่ฟกช้ำได้อย่างไร
หลีเจี่ยวไม่ตอบคำ เขาก็แค่นเสียงกล่าว ข้ารู้แล้ว หลีเจาต้องเป็นต้นเหตุแน่ ใช่หรือไม่
เขาหมุนกายจะเดินออกไป แต่หลีเจี่ยวห้ามไว้ ไม่ใช่ คราวนี้เป็นข้าไม่ดีเอง…
ไหนเลยหลีฮุยจะฟังเข้าหู เขาแกะมือนางออกแล้ววิ่งทะยานไปทางเรือนฝั่งซ้าย
อาจูทำงานคล่องแคล่วเรียบร้อย นางเก็บกวาดในเรือนอย่างสะอาดสะอ้านจนดูคล้ายไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน
เหอซื่อยังไม่กลับไป นางกำลังโอบตัวบุตรสาวแล้วพูดคุยกัน เจาเจา ไฉนเจ้าเอ่ยปากรับแท่นฝนหมึกนั่นไว้เล่า แม่มีเงินทองในมือ เจ้าอยากได้อะไร แม่ซื้อให้เจ้าได้หมด แท่นฝนหมึกชิ้นนั้นเป็นของรักของหวงของฮูหยินผู้เฒ่า เจ้ารับไว้อย่างเปิดเผยอย่างนี้ แม่เป็นห่วงว่า…
เฉียวเจาแย้มยิ้ม ท่านแม่ไม่ต้องคิดมากเจ้าค่ะ อันว่าสิ่งซึ่งผู้อาวุโสกำนัลให้มิกล้าบอกปัด ท่านย่าไม่ใช่คนยึดติดธรรมเนียมหยุมหยิม ท่านยินดีมอบให้ ข้าก็ยินดีรับไว้ เช่นนี้ไม่ดีหรือเจ้าคะ
เป็นเช่นนี้เองหรือ ได้เช่นนั้นก็ดี
คำพูดของบุตรสาวสมเหตุสมผลเสมอ
คุณชายสาม! ท่านพรวดพราดเข้าไปโดยไม่รอขออนุญาตได้อย่างไรเจ้าคะ เสียงอุทานแหลมสูงของปิงลวี่ดังมาจากนอกเรือน
เฉียวเจาอยากอุดหูมาก นางนึกอยู่ในใจว่าเสียงของอีกฝ่ายช่างพิเศษไม่เหมือนผู้ใดจริงๆ
เหอซื่อจะลุกออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หลีฮุยก็บุกเข้ามาแล้ว
เฉียวเจามองเด็กหนุ่มที่เดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟแล้วลอบรำพึงว่าคุณหนูคุณชายของจวนสกุลหลีชอบบุกรุกห้องส่วนตัวของสตรีกันเหลือเกิน
ท่านก็อยู่ด้วยหรือ หลีฮุยชะงักไป
เหอซื่อขมวดคิ้ว เจ้าสาม เจ้าทะเล่อทะล่าเข้ามาในห้องน้องสาวเช่นนี้จะทำอะไรหรือ
หลีฮุยไม่เกรงกลัวแม่เลี้ยงผู้นี้แต่อย่างใด เขากล่าวเสียงเย็น ท่านอยู่ที่นี่ก็เหมาะเลย ข้ากลับอยากถามว่าพี่เจี่ยวบาดเจ็บได้อย่างไร หลีซาน เจ้ากลั่นแกล้งนางอีกแล้วใช่หรือไม่
เหอซื่อนั้นเป็นคนเก็บความรู้สึกไม่เป็น ได้ยินก็ฉุนเฉียวยกใหญ่ทันใด บัดซบ! เป็นคนใจร้ายนั่นต่างหากที่กลั่นแกล้งเจาเจาชัดๆ
หลีฮุยถอยหลังหนึ่งก้าว กล่าวเยาะหยันว่า กลับดำเป็นขาวจริงๆ…
เหอซื่ออยากจะพูดต่อ ทว่าเฉียวเจาปรามไว้
เรื่องราวเป็นเช่นไรกันแน่ ไยพี่สามไม่ไปถามพี่เจี่ยวให้รู้เรื่อง
หลีฮุยที่โกรธจัดกลับยิ้ม ฮึ พี่เจี่ยวจิตใจดี ต่อให้ถูกกลั่นแกล้งก็จะปกปิดให้เจ้า ข้าไม่ได้ตาบอด เห็นได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง
เฉียวเจาเพียงรู้สึกว่าสองวันที่มาอยู่จวนสกุลหลีนี้แสนจะครึกครื้นเสียจนชวนให้หงุดหงิดเบื่อหน่าย
นางถอนใจเฮือกหนึ่งแล้วกล่าวอย่างตรงไปตรงมา พี่เจี่ยวบาดเจ็บเพราะอะไร ท่านย่าทราบดี พี่สามไปถามท่านย่าเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว ขอตัวไม่รับรองพี่สามนะเจ้าคะ
นางไม่รอดูท่าทีของหลีฮุยก็ตะเบ็งเสียงบอก ปิงลวี่! เชิญคุณชายสามออกไปได้แล้ว
คุณชายสาม เชิญเจ้าค่ะ โดนคนบุกเข้าเรือนหนแล้วหนเล่าเช่นนี้ ปิงลวี่ย่อมทำหน้าบอกบุญไม่รับ นึกในใจว่ารู้แต่แรกว่าสาวใช้ประจำตัวเจ้านายเป็นงานที่ต้องใช้พละกำลังเช่นนี้ ตอนนั้นน่าจะฝึกความแข็งแกร่งกับอาสามไว้ ดูสิว่าใครยังจะผลักนางออกแล้วบุกเข้าไปตามชอบใจได้
หลีฮุยไม่อยากยื้อยุดฉุดดึงกับสาวใช้ผู้หนึ่ง ทั้งติดขัดที่ฐานะผู้อาวุโสของเหอซื่อทำให้มีถ้อยคำมากมายไม่เหมาะจะพูด เขาจึงแค่นเสียงเยาะก่อนสะบัดหน้าออกไปแล้วตรงดิ่งไปที่เรือนชิงซงทันที
* มะพลับนิ่ม เป็นคำอุปมา หมายถึงคนที่อ่อนแอไร้อำนาจ ต้องตกเป็นเบี้ยล่างถูกคนอื่นข่มเหงรังแก