หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 378
บทที่ 378
เซ่าหมิงยวนเหล่ตามองเฉินกวงแวบหนึ่งอย่างไม่พอใจเป็นอันมากที่เขาถึงกับถามปัญหาเบาปัญญาเฉกนี้ออกมาได้
“แน่นอนว่าคือคุณหนูหลี” เขาพูดจบแล้วพบว่าเฉินกวงไม่ปริปาก จึงอดมุ่นคิ้วไม่ได้ “เหตุใดรึ”
เฉินกวงแทบหลั่งน้ำตานองหน้า ในที่สุดท่านแม่ทัพก็รู้แจ้งเสียที ทว่านี่รวดเร็วปุบปับจนเขาตั้งรับไม่ทันอยู่สักหน่อย!
“ไม่มีอะไรๆ ท่านถามเลย! ข้าจะตอบทุกสิ่งที่รู้และพูดโดยไม่ปิดบังแน่นอนขอรับ” เฉินกวงตบอกรับรอง
เขาจะตกม้าตายในจังหวะสำคัญเยี่ยงนี้มิได้
เซ่าหมิงยวนตรึกตรองเล็กน้อยก่อนกล่าว “นางน่าจะรังเกียจข้าอยู่บ้าง สมควรทำอย่างไร”
“รังเกียจ?” เฉินกวงเบิกตากว้าง เขาสั่นศีรษะ “ท่านแม่ทัพ ท่านต้องเข้าใจผิดเป็นแน่กระมัง คุณหนูหลีจะรังเกียจท่านได้อย่างไรกัน”
“เหตุใดถึงรังเกียจไม่ได้”
“รูปโฉมโนมพรรณ ยศศักดิ์ฐานะ นิสัยใจคอ ความประพฤติ ความสามารถ…” เฉินกวงนับนิ้วจนครบแล้วแบมือออก “ข้อดีของท่านข้านับด้วยนิ้วมือแล้วยังไม่พอ ขอแค่เป็นหญิงสาวปกติ จะรังเกียจท่านได้เช่นไร”
พอพูดถึงตรงนี้เฉินกวงฉุกคิดอะไรขึ้นได้ เขาลุกพรวดขึ้นยืน อุทานซ้ำๆ “แย่แล้วๆ”
“มีอะไร” ได้ยินผู้ใต้บังคับบัญชาแจกแจงข้อดีของตนแล้วแม่ทัพหนุ่มปลาบปลื้มอยู่มาก ตอนนี้เขากำลังต้องการกำลังใจ
เฉินกวงทำหน้าพิพักพิพ่วน
“พูด”
“ท่านแม่ทัพ ท่านยังจำข่าวลือที่โจษจันกันไปทั่วเมืองหลวงนั่นได้หรือไม่ขอรับ”
“เมืองหลวงมีข่าวลือนานาสารพัดแพร่ออกมาทุกวัน เฉินกวง เจ้าชอบพูดจาอ้อมค้อมวกวนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร บอกมาตรงๆ”
เฉินกวงเห็นท่านแม่ทัพที่เคารพมีน้ำโหแล้ว แข็งใจกล่าวขึ้นว่า “ท่านแม่ทัพลืมไปแล้วหรือขอรับ คนข้างนอกรู้กันจนทั่วว่าท่าน ‘หมดน้ำยา’”
เซ่าหมิงยวนเก็บสีหน้าไม่อยู่ในพริบตา เขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร!
ในกาลก่อนไม่รู้สึกว่าเป็นอะไร แต่เมื่อคิดถึงว่าเฉียวเจารู้แล้ว เซ่าหมิงยวนก็ใจไม่เป็นสุข
เขาไปอธิบายให้นางเข้าใจยังทันการณ์กระมัง
เฉินกวงเห็นผู้เป็นนายหน้าเสีย นึกว่าตนเดาถูกแล้ว เขาเอ่ยเตือนอย่างระมัดระวัง “ท่านแม่ทัพ ท่านว่าคุณหนูหลีรังเกียจท่านเพราะเหตุนี้หรือไม่ขอรับ”
“ไม่ใช่” ใบหน้าของเซ่าหมิงยวนร้อนผ่าวเป็นระลอก “นางไม่พอใจข้าเรื่องอื่น”
“ไม่พอใจเรื่องอื่น?” เฉินกวงฟังแล้วงุนงง เขาอดกล่าวไม่ได้ “ท่านแม่ทัพดูแลเอาใจใส่คุณหนูหลีอย่างดีมาโดยตลอด คุณหนูหลียังมีเรื่องไม่พอใจท่านอีก เกินไปแล้วกระมังขอรับ”
เซ่าหมิงยวนยื่นมือฟาดเฉินกวงทีหนึ่ง ถามด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “เป็นสารถีนานเกินไปเลยอยากเจ็บตัวใช่หรือไม่”
เจาเจาเป็นคนที่สารถีน้อยๆ ผู้หนึ่งเช่นเขาตำหนิติเตียนได้หรือ
“โธ่ ท่านแม่ทัพ ท่านไม่พูดให้ชัดเจนเอง ข้าจะสั่งยาให้ถูกโรคก็ไม่ถนัดนะขอรับ”
เซ่าหมิงยวนฟังแล้วรู้สึกว่ามีเหตุผล เขาพยักหน้าหงึกหงัก “นางมีปมในใจกับเรื่องที่ข้าเคยกระทำไว้ แล้วก็เป็นเพราะเรื่องนั้นถึงตีตัวออกห่างจากข้า แต่เรื่องนั้นไม่อาจแก้ไขคืนได้แล้ว เจ้ามีความคิดดีๆ อะไรหรือไม่”
“แล้วเรื่องนั้นสามารถอธิบายได้หรือไม่ หรือพวกท่านสองคนเข้าใจผิดกัน” ได้ยินเซ่าหมิงยวนพูดเช่นนั้น ในใจเฉินกวงก็คันยุบยิบด้วยความอยากรู้อยากเห็นไปหมด
เขาไม่เคยพบเห็นว่าท่านแม่ทัพทำเรื่องอะไรที่จะส่งผลให้คุณหนูหลีเป็นอย่างนี้ ฉะนั้นต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นระหว่างท่านแม่ทัพกับคุณหนูหลีตอนเหตุดินถล่มครั้งนั้นเป็นแน่แท้
เอ๊ะ…หรือว่าท่านแม่ทัพกับคุณหนูหลีมีความสัมพันธ์ทางกายกันด้วยเหตุจำเป็นสุดวิสัย
เซ่าหมิงยวนรู้สึกว่าสายตาของเฉินกวงมีเลศนัยเกินไปเลยยกมือเคาะศีรษะเขาทีหนึ่ง “คิดอะไรอยู่”
เฉินกวงดึงความคิดคืนมา พูดด้วยสีหน้าขึงขัง “ท่านแม่ทัพ ในเมื่อรูปการณ์เป็นเช่นนี้ ข้ามีความคิดเห็นเพียงอย่างเดียว”
“อะไร”
“ลืมเลือนอดีต ก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ!”
ท่านไปถึงขั้นนั้นกับคุณหนูหลีแล้วจะทำขลาดกลัวก็ไม่เหมาะกระมัง
“ก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ?” เซ่าหมิงยวนพึมพำทวนประโยคนี้
“ถูกต้องขอรับ ก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ ในเมื่อท่านบอกว่าเรื่องนี้ไม่อาจแก้ไขคืนได้อีก เช่นนั้นก็เลิกยุ่งยากใจไปเสียเลย ท่านเป็นคนดีเลิศปานนี้ พยายามทำดีกับคุณหนูหลียังจะต้องกลัวว่านางจะไม่หวั่นไหวอีกหรือ” เฉินกวงยิ่งพูดยิ่งติดลม “แน่นอนว่าท่านอย่าลืมยึดคติข้อหนึ่ง”
“คติอะไร”
“ยิ่งหน้าหนายิ่งดีขอรับ”
เซ่าหมิงยวนอึ้งงันไป
เฉินกวงกล่าวทอดถอนใจ “ท่านแม่ทัพอย่าลืมคำกล่าวที่ว่าสตรีใจเด็ดมักพ่ายให้บุรุษช่างตื๊อ! ขอเพียงท่านใจกล้าหน้าหนาและไม่เลือกวิธีการ ย่อมคว้าหญิงงามมาครองได้แน่นอนขอรับ”
เซ่าหมิงยวนฟังคำกล่าวของเฉินกวงแล้วหลุบตาลงตรึกตรองเป็นนานโดยไม่เอื้อนเอ่ยวาจา
เฉินกวงกะพริบตาปริบๆ
หรือว่าท่านแม่ทัพเห็นว่าเขาพูดไม่ถูกต้อง
เอ่อ…ถึงแม้มิได้มีประสบการณ์โดยตรง แต่ข้ามีความเข้าใจในด้านนี้ดีกว่าท่านแม่ทัพอย่างแน่นอน
“ท่านแม่ทัพ…”
เซ่าหมิงยวนมองเฉินกวงอย่างพินิจถึงอมยิ้มพยักหน้า “เจ้าพูดได้มีเหตุผล”
เจาเจาเต็มใจฝังเข็มขับพิษให้ข้าแสดงว่าหักใจปล่อยให้ข้าตายไม่ได้ ทั้งนางยังป้อนยาให้ข้า…
เมื่อคิดได้อย่างนี้ คนบางคนอดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ได้
เฉินกวงมองอย่างงงงัน
จบกันๆ ท่านแม่ทัพเข้าขั้นหัวปักหัวปำถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว
“จริงสิ ท่านแม่ทัพ หากท่านหมายปองคุณหนูหลีล่ะก็ จะต้องคอยระวังทางคุณชายฉือสักนิดใช่หรือไม่”
นั่นเป็นศัตรูหัวใจเชียวนะ!
รอยยิ้มตรงมุมปากเซ่าหมิงยวนนิ่งค้างไป อารมณ์หดหู่ลงอย่างเห็นได้ชัด
“ท่านแม่ทัพ?”
“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนใจ ข้าจะหาโอกาสพูดกับเขาให้รู้เรื่องเอง”
“ท่านแม่ทัพ ศัตรูอยู่ในที่แจ้งเราอยู่ที่ลับ พวกเราถึงจะได้เปรียบนะขอรับ”
“พูดอะไรเหลวไหล” เซ่าหมิงยวนปรายตามองเฉินกวง กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้ากับเขาไม่มีวันเป็นศัตรูกัน”
ไม่ว่าเป็นฉือชั่น จูเยี่ยน หรือว่าหยางโฮ่วเฉิง สหายทั้งสามคือสีสันที่สดใสงดงามที่สุดในชีวิตที่ผ่านมายี่สิบปีของเขา และนี่จะไม่เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
เขาเชื่อว่าฉือชั่นก็คิดเช่นนี้เฉกเดียวกัน
ทว่าพอนึกถึงนิสัยของสหาย เซ่าหมิงยวนรู้ดีว่าต้องทะเลาะกันยกหนึ่ง ถึงอย่างไรก็น่าพรั่นใจอยู่สักหน่อย เขาตกลงใจว่ารอย่ำเย็นค่อยชวนอีกฝ่ายดื่มสุราพูดคุยอีกที
เฉียวเจาหลบอยู่ในห้องจนยามบ่าย ริมฝีปากบวมแดงถึงไม่ใคร่สะดุดตาแล้วหยิบเข็มเงินไปหาเซ่าหมิงยวน
เฉินกวงยืนอยู่หน้าประตูห้องเซ่าหมิงยวนพอดี เขาเห็นเฉียวเจามาถึงก็ตาเป็นประกายทันที “คุณหนูสาม ท่านมาแล้วหรือขอรับ”
“อื้อ” นางอดมองเฉินกวงซ้ำอีกทีไม่ได้ รู้สึกไม่วายว่าวันนี้สารถีน้อยตื่นเต้นคึกคักผิดสามัญ
เฉินกวงฉีกยิ้มทำหน้าระรื่นอยู่ตลอด
ในเวลานี้เองประตูเปิดออกเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด
เซ่าหมิงยวนสวมเสื้อคลุมสีเขียวอ่อน แลดูหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาและสง่าผึ่งผายดุจต้นไผ่
เฉินกวงมองตาค้าง นับแต่ฮูหยินแม่ทัพล่วงลับไปก็ไม่เคยเห็นท่านแม่ทัพสวมอาภรณ์สีอื่นนอกจากสีขาวเลย ท่านแม่ทัพแต่งกายด้วยชุดสีเขียวแล้วชวนมองจริงๆ
ฉะนั้นถึงบอกว่าคนเราต้องมองไปข้างหน้า จะเอาแต่คิดถึงอดีตไม่ได้
เฉียวเจาประหลาดใจอยู่บ้างเช่นกัน นางมองชายหนุ่มอย่างพินิจ
เซ่าหมิงยวนส่งยิ้มน้อยๆ ให้นาง “เจาเจามาแล้วหรือ เข้ามาสิ”
เขาเบี่ยงกายไปด้านข้าง ทว่าดวงตาจับจ้องใบหน้าเฉียวเจาอย่างไม่วางตา
สายตาของเขาแรงกล้าเหลือเกิน เฉียวเจาลอบขบกรามแน่น แอบชายตามองเฉินกวงแวบหนึ่ง
คนผู้นี้ไม่กริ่งเกรงระวังตัวเช่นนี้ หรือไม่กลัวเฉินกวงจับได้กัน
แต่พอเห็นสารถีน้อยทำตาลอย แม่นางเฉียวถึงคลายใจลงได้
อื้อ ดูทีว่าจะเคลิบเคลิ้มไปกับรูปโฉมของท่านแม่ทัพของเขาจนมิได้สังเกตเห็นความผิดปกติ เช่นนี้ข้าก็สบายใจได้แล้วสินะ
เฉียวเจาก้าวขาเดินเข้าไป
เซ่าหมิงยวนพยักหน้าเล็กน้อยกับเฉินกวง เขาปิดประตูเบาๆ อย่างเข้าใจความหมาย
ฮึ่ม เวลานี้ต่อให้เป็นฮ่องเต้เสด็จมาก็ห้ามรบกวนท่านแม่ทัพของข้า!
เฉียวเจาเข้าห้องแล้วหันหน้าไปมองเซ่าหมิงยวน เห็นเขาเริ่มเปลื้องผ้าด้วยสีหน้าเป็นปกติ