หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 38
ท่านย่า พี่เจี่ยวได้รับความคับข้องหมองใจก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องร้องไห้ ท่านต้องตัดสินความเป็นธรรมให้นางด้วยนะขอรับ หลีฮุยเล่าสิ่งที่เห็นจบรอบหนึ่งแล้วกล่าวอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงแฝงรอยออดอ้อนหลายส่วน
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งวางถ้วยน้ำชาลง แลมองหลานชายคนโปรดที่หน้าตาหมดจดผ่องใสแล้วสีหน้าปนเปไปด้วยอารมณ์หลายหลาก เรื่องในวันนี้เป็นพี่สาวเจ้าทำไม่ถูกจริงๆ
ท่านย่า!
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งตีหน้าบึ้งใส่หลานชายคนโปรดเพียงหนึ่งเดียวอย่างหาได้ยาก นางเอ่ยถามเขา ฮุยเอ๋อร์ เจ้าไปไล่เลียงเอาเรื่องกับน้องเจาของเจ้าถึงเรือนแล้วใช่หรือไม่
เขาเม้มปากไม่กล่าววาจาอย่างดื้อดึง
ฮูหยินผู้เฒ่าส่ายหน้าไปมา ฮุยเอ๋อร์ เจ้าถามต้นสายปลายเหตุของเรื่องอย่างกระจ่างแล้วหรือ
มีอันใดไม่กระจ่างขอรับ หน้าผากของพี่เจี่ยวฟกช้ำเป็นแถบ…
นั่นเป็นแค่ผลลัพธ์ แล้วต้นเหตุเล่า เจ้าได้ถามแล้วหรือยัง เพียงตัดสินจากอดีต เจ้าก็ไปคิดบัญชีกับน้องสาวของเจ้า ซ้ำยังมาขอให้ท่านย่าให้ความเป็นธรรมหรือ
หลีฮุยกำมือเป็นหมัดแน่น
ฮุยเอ๋อร์ เจ้าก็มิใช่เด็กน้อยแล้ว วันหน้าจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่เฉกนี้ไม่ได้นะ จวนตะวันตกมีเจ้าเป็นบุตรชายผู้เดียว พวกเราตั้งความหวังไว้ว่าเจ้าจะเป็นผู้ค้ำจุนตระกูลนี้ไว้ในอนาคต
หลีฮุยเยือกเย็นลงบ้าง ท่านย่า ข้าเข้าใจแล้วขอรับ เช่นนั้นตกลงว่าวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรือนหยาเหอเกี่ยวพันถึงความประพฤติของคุณหนูสองคน มิใช่เรื่องที่น่าภาคภูมิใจเท่าไรนักจริงๆ เดิมทีฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งอยู่ในฐานะผู้อาวุโสจะพูดมากนักก็ไม่เหมาะ ทว่านางเห็นหลานชายเป็นคนใจคอไม่หนักแน่นก็ไม่คำนึงถึงอะไรอีก บอกให้บ่าวไพร่ที่รอรับใช้ในห้องออกไปแล้วสาธยายเรื่องราวทั้งหมดอย่างละเอียด
หญิงชราเล่าจบแล้วไต่ถามหลานชาย ท่านย่าบอกว่าเจ้าควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ พูดผิดหรือไม่
หลีฮุยหน้าแดงจรดใบหู เขาก้มหน้าลงพลางกล่าว ท่านย่าสั่งสอนไม่ผิดขอรับ วันนี้ข้าวู่วามจริงๆ แต่ท่านอย่าตำหนิโทษพี่เจี่ยวเลยนะขอรับ ตอนแรกนางรั้งข้าไว้บอกว่านางทำไม่ถูก เป็นข้าเองที่ไม่รับฟัง…
พี่สาวของเจ้าอารมณ์ไม่ดี ท่านย่าเข้าใจได้ เรื่องนี้ก็ให้แล้วกันไปเถอะ ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งยกมือลูบศีรษะหลานชาย เอ่ยอย่างเมตตาปรานีเต็มเปี่ยม ไปสิ ไปขอโทษน้องสาวเจ้าเสีย เมื่อก่อนนางอายุยังน้อย นิสัยเกเรเกตุงไปบ้าง นางกลับมาคราวนี้ ท่านย่ามองดูอยู่ห่างๆ เห็นว่านางรู้ความขึ้นมาก เจ้าเป็นพี่ชาย ต้องใจกว้างสักหน่อยนะ
ข้าไม่เห็นอยากเป็นพี่ชายของนางแม้แต่น้อย
หลีฮุยคิดคำนึงเช่นนี้ แต่ก็เอ่ยรับคำ ขอรับ หลานจะไปขอโทษน้องเจาเดี๋ยวนี้ขอรับ
เรื่องนี้ส่วนเรื่องนี้ ในเมื่อทำผิดไปแล้ว เขาก็ยอมรับ
ฮูหยินผู้เฒ่าแสนอิ่มอกอิ่มใจ นางบอกเสียงดัง ชิงอวิ๋น เตรียมของไว้เรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ ไปพร้อมกับคุณชายสามเถอะ
หลีฮุยทำหน้างุนงง
หญิงชราอมยิ้มแล้วกล่าวอธิบาย วันนี้น้องสาวเจ้าต้องคับข้องหมองใจ ข้าเลยยกแท่นฝนหมึกลายปลาไนสีแหวกว่ายกอบัวชิ้นนั้นให้นาง สบช่องส่งไปให้นางพอดี
แท่นฝนหมึกของท่านปู่ชิ้นนั้นหรือขอรับ! หลีฮุยโพล่งขึ้น
อื้อ
หลีฮุยตามชิงอวิ๋นออกไปอย่างมึนงง เขาเดินไปถึงกลางทางแล้วครุ่นคิดในใจ
ท่านย่ายกแท่นฝนหมึกชิ้นนั้นให้หลีเจา ท่านพ่อล่วงรู้หรือไม่
เฉียวเจาเพิ่งออกไปส่งเหอซื่อก็ได้ยินสาวใช้รายงานว่าคุณชายสามกับชิงอวิ๋นสาวใช้อาวุโสของเรือนชิงซงมาถึงพร้อมกัน
มิได้บุกเข้ามาหรือนี่ เห็นทีว่าท่านผู้เฒ่าคงบอกเขาอย่างแจ่มแจ้งแล้ว
เชิญพวกเขาเข้ามา
ครู่ต่อมา หลีฮุยก้าวเข้าเรือน สายตาปะทะกับสีหน้าสงบนิ่งของเฉียวเจาแล้วกระอักกระอ่วนใจเป็นอันมาก เขาเบนสายตาออกไปทางอื่น พลางเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าแดงก่ำ น้องเจา…วันนี้ข้าทำไม่ถูก ข้าเข้าใจเจ้าผิดไป ข้า…ขอโทษเจ้า…
เฉียวเจารินน้ำชาถ้วยหนึ่งยื่นให้ คลี่ยิ้มแล้วกล่าวเสียงเรียบ คำขอโทษจากใจจริงของพี่สาม ข้ารับไว้เจ้าค่ะ
มือขาวเนียนนุ่มกุมถ้วยน้ำชาแตกลายงาสีครามยามฟ้าหลังฝน
หนังศีรษะของหลีฮุยชาวาบๆ คงไม่ได้วางยาถ่ายในน้ำชากระมัง
หลีฮุยมองสบนัยน์ตาดำขลับกลมโตดั่งลูกองุ่นของเฉียวเจา กัดฟันรับถ้วยชามาแล้วหงายคอกระดกดื่มลงไป
พอขอโทษอีกฝ่ายเสร็จ เขาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่มาก จึงวางถ้วยน้ำชาแล้วเดินออกไปอย่างลุกลน
ชิงอวิ๋นซึ่งรออยู่ด้านนอกมอบแท่นฝนหมึกให้เฉียวเจาแล้วตามเขากลับไป
เฉียวเจาพรูลมหายใจยาวเหยียดเฮือกหนึ่ง
ทีนี้ก็สงบสุขเสียที
นางแก้ห่อผ้าเนื้อนุ่มออก เผยให้เห็นแท่นฝนหมึกผิวเรียบลื่นเป็นมันชิ้นหนึ่ง นิ้วมือขาวกระจ่างไล้ไปตามผิวแท่นฝนหมึก
เฉียวเจาพยักหน้า ลูบดูแล้วเป็นแท่นฝนหมึกชั้นดี เห็นได้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าตั้งใจชดเชยให้หลานสาวที่ได้รับความคับข้องหมองใจจริงๆ
พอคิดถึงเหอซื่อแล้วค่อยคิดถึงฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งอีกครา เฉียวเจาก็คลายยิ้ม
ดูเหมือนชีวิตในจวนสกุลหลีมิได้ย่ำแย่ปานนั้น
มีของชั้นดีอยู่ตรงหน้า หญิงสาวนึกครึ้มอกครึ้มใจ เอียงคอพลางเคาะๆ แท่นฝนหมึกเพื่อฟังเสียงของมัน
คุณหนู นายท่านมาแล้วเจ้าค่ะ
พอเสียงรายงานของปิงลวี่ดังขึ้น หลีกวงเหวินก็ย่างเท้าเข้ามา
เมื่อเขาเห็นเด็กสาวกำลังเอนศีรษะพลางเคาะแท่นฝนหมึกเบาๆ อยู่อย่างซุกซน เขาก็ตกใจยกใหญ่ หยุดมือเดี๋ยวนี้
เขาเดินพรวดๆ เข้ามา มองสายตาตกตะลึงของเฉียวเจาแล้วสะกดอารมณ์ชั่ววูบ อยากคว้ามือไปแย่งแท่นฝนหมึกมาไว้ ปั้นหน้าขรึมกล่าวสั่งสอน แท่นฝนหมึกที่ฮูหยินผู้เฒ่ามอบให้เจ้าเป็นของล้ำค่าหายาก หยิบจับอย่างสะเพร่าเช่นนี้ได้เยี่ยงไร
เฉียวเจาทำตาปริบๆ นางสะเพร่าตรงที่ใดกัน นางสนใจมันมากแท้ๆ เฉียวเจาวางแท่นฝนหมึกลง
เบาๆ หน่อย หลีกวงเหวินจ้องมือเฉียวเจาเขม็ง เห็นนางวางลงเรียบร้อยแล้วถึงระบายลมหายใจเฮือก เขากล่าวตำหนิ เคาะเล่นส่งเดชได้เช่นไรกัน
เฉียวเจาขบขันสุดจะกล่าว ท่านพ่อ ข้ากำลังฟังเสียงแยกแยะเนื้อหินเจ้าค่ะ
ฟังเสียงแยกแยะเนื้อหิน? หลีกวงเหวินทำท่าไม่เชื่อว่าบุตรสาวซึ่งที่ผ่านมาไร้ความรู้ความสามารถอันใดจะเข้าใจศาสตร์นี้
เจ้าค่ะ การแบ่งระดับแท่นฝนหมึกนั้นถือเสียงไม้เป็นของชั้นหนึ่ง เสียงกระเบื้องเป็นของชั้นรอง เสียงโลหะเป็นของชั้นเลว ชิ้นที่ท่านย่ามอบให้ข้านี้เป็นของชั้นดีเจ้าค่ะ
หลีกวงเหวินมองเฉียวเจาอย่างอัศจรรย์ใจ พลันรู้สึกว่าบุตรสาวชวนมองขึ้นไม่น้อย เป็นของชั้นดีแน่นอน นี่เป็นชิ้นที่ท่านปู่เจ้าเคยใช้มาก่อน ครั้งนั้น…
ครั้งนั้นเขารบเร้าขอจากมารดาอยู่นานก็ยังไม่ยกให้เขา ตอนนี้กลับยกให้บุตรสาวของเขา… ในใจหลีกวงเหวินผสมปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ ขณะมองแท่นฝนหมึกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อยากได้เหลือเกิน ทำฉันใดดีนะ
ความกระหายอยากได้ในแววตาของบิดาฉายชัดเหลือเกิน เฉียวเจาเลื่อนแท่นฝนหมึกไปให้ ถ้าท่านพ่อถูกใจ ข้ายกให้เจ้าค่ะ
ไม่ได้ๆ หลีกวงเหวินสั่นศีรษะถี่รัว กล่าวอย่างขึงขังฉาดฉาน นี่เป็นของที่ท่านย่ามอบให้เจ้าเป็นรางวัล จะมอบต่อให้ผู้อื่นได้อย่างไร เจาเจา วันหน้าเจ้าต้องขยันฝึกคัดลายมือมากขึ้น จึงจะไม่ทำให้ท่านย่าต้องผิดหวังนะ
เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้าเข้าใจแล้ว วันหน้าข้าจะใช้มันอย่างคุ้มค่าที่สุดเจ้าค่ะ
หลีกวงเหวินพยักหน้าอย่างอิ่มเอมใจ แต่ยังจ้องมองแท่นฝนหมึกอย่างอาลัยอาวรณ์
เฉียวเจายิ้มหวาน เอาอย่างนี้ดีหรือไม่เจ้าคะ ท่านพ่อเล่าเรื่องสนุกๆ ให้ข้าฟังเรื่องหนึ่ง ข้าก็ให้ท่านพ่อยืมแท่นฝนหมึกไปชื่นชมสองสามวัน ถือเสียว่าเป็นการแสดงความกตัญญูเล็กๆ น้อยๆ ของบุตรสาว
หลีกวงเหวินตาเป็นประกาย แต่แล้วก็หม่นแสงลงดังเก่า แค่กๆ ข้าเล่าเรื่องเป็นที่ใดกัน
คนเคร่งขรึมจริงจังอย่างเขา จะอ่านเรื่องเล่าปกิณกะที่หนุ่มๆ สาวๆ ชมชอบได้อย่างไรกัน
เฉียวเจาพยักหน้ากับตนเอง ไม่เป็นก็ดี นางรู้อยู่แล้วว่าท่านพ่อที่เคารพผู้นี้ต้องกล่าวเช่นนี้
เฉียวเจากล่าวตามความประสงค์แท้จริงในที่สุด ถ้าอย่างนั้นท่านพ่อเล่าเรื่องสนุกๆ ที่เกิดขึ้นข้างนอกให้ข้าฟังก็ได้เจ้าค่ะ
จะให้อาจูคลุกคลีตีโมงกับบ่าวไพร่ในจวนได้จำเป็นต้องใช้เวลา แต่ตอนนี้นางร้อนใจอยากรู้สถานการณ์ข้างนอก ดังนั้นสืบข่าวจากนายท่านใหญ่ของสกุลหลีซึ่งเป็นขุนนางในราชสำนักจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ตอนแรกนางยังคิดอยู่ว่าจะไปชวนท่านพ่อเดินหมากสักตาหนึ่ง
เรื่องสนุกๆ ข้างนอกหรือ หลีกวงเหวินขมวดคิ้วตรึกตรองแล้วถอนหายใจ เรื่องสนุกน่ะไม่มี แต่มีเรื่องน่าเศร้าใจเรื่องหนึ่ง
เรื่องน่าเศร้าใจอะไรเจ้าคะ เฉียวเจาทำสีหน้าสนใจใคร่รู้ทั้งที่จิตใจตึงเครียด
เจ้ารู้จักอาจารย์เฉียวกระมัง ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนท่านแม่เจ้ายังเคยซื้อแบบคัดอักษรของอาจารย์เฉียวมาให้เจ้าฝึกคัดโดยเฉพาะ อาจารย์เฉียวเป็นเลิศทั้งด้านอักษรวิจิตรและภาพวาด มีร้านหนังสือตีพิมพ์ลายมือของเขาเป็นแบบคัดอักษรออกมาวางขาย
เจ้าค่ะ
ครอบครัวของอาจารย์เฉียวประสบเหตุไฟไหม้ เหลือเพียงคุณชายเฉียวกับน้องสาวรอดชีวิตมาได้ ตอนนี้พำนักอยู่ที่จวนเสนาบดีโค่ว
ดวงตาของเฉียวเจาเปียกชื้นทันใด
หลังกลัดกลุ้มกังวลใจมาหลายวัน ในที่สุดนางก็ได้ข่าวคราวอันน้อยนิดของคนในครอบครัวเสียที