หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 380
บทที่ 380
เจ้าจะทำอย่างไรกับข้าก็ได้
เฉียวเจาขบคิดถ้อยคำนี้ของชายหนุ่มแล้วตรงหว่างคิ้วกระตุกริกๆ อันใดเรียกว่านางจะทำอย่างไรกับเขาก็ได้
นางลอบสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่งก่อนมองสบสายตาจดจ่อของอีกฝ่าย บอกอย่างอ่อนใจว่า “ท่านสวมเสื้อให้เรียบร้อยก่อน”
หรือนึกว่าอวดเรือนกายมากขึ้น นางก็จะยอมรับได้ง่ายขึ้น นางเป็นคนประเภทนั้นหรือไร
เซ่าหมิงยวนก้มตัวลงเก็บเสื้อคลุมตัวนอกบนพื้นขึ้นมาสะบัดฝุ่นออกแล้วสวมบนตัว ท่าทางก็กลับมาดูงามสง่าแกมหยิ่งทะนงดุจเดิมทันใด
แน่นอนว่าหลังได้ประสบพบเจอกับความหน้าหนาไร้ยางอายของคนผู้นี้มาหมาดๆ เฉียวเจารู้ว่านี่เป็นภาพลวงตาทั้งสิ้น
“เซ่าหมิงยวน พวกเรามาคุยกันดีๆ เถอะ”
ชายหนุ่มโน้มตัวไปเล็กน้อย ทำท่าทางตั้งใจฟัง
“ข้าหวังว่าพวกเราจะรักษาไมตรีกันห่างๆ ตามที่พึงควรเป็น” เฉียวเจาสบตาเขาตรงๆ “จุดนี้ท่านคงทำได้กระมัง”
“ไม่ได้” เซ่าหมิงยวนกล่าวตอบตามสัตย์จริง
“ท่าน…” เฉียวเจาอ้าปากออกแต่ไม่รู้ว่าสมควรพูดอะไรดีจริงๆ
แม่ทัพหนุ่มทำหน้าตาบริสุทธิ์ใจ “เจาเจา เจ้าคงไม่อยากให้ข้าพูดเท็จกระมัง”
นางเบนสายตาออก ทำใจแข็งกล่าวขึ้นว่า “เซ่าหมิงยวน ถ้าหากข้ากลายเป็นภรรยาของท่านอีกคราหนึ่งแล้วต้องเผชิญกับสถานการณ์เดียวกันนั้นอีก ท่านจะทำเช่นไร”
อันที่จริงนางไม่ควรถามปัญหานี้เลย
ปัญหานี้โหดร้ายเกินไป ทั้งที่นางรู้ว่าคำตอบมีเพียงหนึ่งเดียว กลับต้องการบีบคั้นให้เขาพูดออกมาเพื่อให้เขาเลิกล้มความคิดไปเสีย
ธนูดอกนั้นอาจเป็นปมในใจของนาง ทว่ามันมิใช่ปมในใจของเซ่าหมิงยวนด้วยหรอกหรือ
ความจริงนางไม่เคยคิดว่าเขาทำผิด แค่ไม่อยากออกเรือนอีกเท่านั้น
ชายหนุ่มนิ่งเงียบไป สีหน้าเคร่งเครียดจนน่ากลัว
เฉียวเจาแย้มยิ้ม “แม่ทัพเซ่าตอบไม่ออกกระมัง”
เซ่าหมิงยวนมองนางนิ่งๆ กล่าวด้วยสุ้มเสียงทุ้มพร่า “เจาเจา ข้าตอบเจ้าได้”
“น้อมรับฟังเจ้าค่ะ” เฉียวเจาพูดด้วยรอยยิ้มละไม
ทันทีที่เขาบอกคำตอบนั้นออกจากปาก จะพูดถึงเรื่องอื่นอีกโดยไม่กระดากใจได้อย่างไร
เฉียวเจาคิดไปเช่นนี้พลันสังเกตเห็นว่าแม้แต่ริมฝีปากของเขาก็ซีดขาว ท่าทางคล้ายหมาป่าโดดเดี่ยวที่จมปลักลึกแต่ไร้เรี่ยวแรงดิ้นรนกระเสือกกระสน
จิตใจที่เข้มแข็งของนางพลันอ่อนยวบลงหลายส่วน
“ข้า…” เซ่าหมิงยวนเปล่งเสียงพูดได้คำเดียว รสหวานปนคาวก็พุ่งขึ้นมาที่ลำคอระลอกหนึ่ง เขากลับกัดฟัดพูดต่อไป “ข้ายังคงต้องทำอย่างนั้นอยู่ดี”
เพียงทว่าหากฝันร้ายเกิดขึ้นซ้ำสองจริงๆ เขาจะตามนางไปหลังจากสะสางทุกสิ่งเรียบร้อย
เขาขบสันกรามแน่น กล่าวตอบเสียงเนิบๆ
เฉียวเจาหัวร่อเบาๆ “ถ้าเป็นอย่างนั้น เกรงว่าข้าจะไม่โชคดีเช่นคราวนี้”
ความหมายของนางกระจ่างชัด ในเมื่อเลือกใหม่ได้อีกครั้งเขายังจะปลิดชีพนางอยู่ดี เหตุใดนางต้องแต่งงานกับบุรุษเฉกนี้ด้วย
เฉียวเจากล่าวประโยคนี้แล้วลอบพินิจดูท่าทีของชายหนุ่ม
นางพูดถึงเพียงนี้ คงเป็นไปไม่ได้ที่คนหยิ่งในศักดิ์ศรีและมีความรับผิดชอบสูงยิ่งเฉกเซ่าหมิงยวนจะหน้าด้านตามตื๊อต่อไปกระมัง
เขายื่นมือมาวางทาบมือนาง บอกด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ดังนั้นข้าไม่มีวันปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นอีก”
“จะอย่างไรแม่ทัพเซ่าก็มิใช่เทวดา อย่าลืมว่าลิขิตฟ้ายากเกินหยั่ง ไม่แน่ว่าชะตาชีวิตอาจถูกกำหนดไว้อย่างนั้นก็เป็นได้”
“ชะตาชีวิตจะถูกกำหนดไว้เช่นไรไม่มีผู้ใดคาดเดาได้ล่วงหน้า หากฟ้าลิขิตไว้แต่แรก จะอยู่กับผู้ใดล้วนไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ถ้าอย่างนั้นข้ายิ่งไม่วางใจที่จะมอบเจ้าให้ผู้อื่น”
เขาไม่เบาปัญญา เจาเจาเจตนาพูดเช่นนี้เพียงเพื่อบีบให้เขายอมแพ้ ทว่าเขาจะยอมแพ้ได้อย่างไรเล่า ต่อให้ถ้อยคำพวกนั้นทำให้หัวใจเจ็บปวดดุจโดนมีดกรีด เขาก็ไม่มีทางปล่อยมือ
“เจาเจา เจ้าฟังข้า…” เซ่าหมิงยวนคว้ามือนางมาวางแนบกลางอกตน พูดเสียงแผ่วเบาว่า “มันตายมานานมากแล้วจนเมื่อวานถึงเพิ่งกลับมามีชีวิต เจ้าหักใจปล่อยให้มันตายไปอีกคราหนึ่งได้หรือ”
เฉียวเจาใจสั่นหวิว นางออกแรงดึงมือคืนมา ปั้นหน้าตึงพลางกล่าวว่า “ข้ากลับห้องก่อนล่ะ”
นางไม่กล้ามองบุรุษที่มีสีหน้าแววตาอ้างว้างเดียวดายอีก หมุนกายเดินลุกลนไปทางหน้าห้องแล้วเปิดประตูผลัวะ
เฉินกวงเซถลาเข้ามาเห็นสายตาคาดไม่ถึงของเฉียวเจา เขาฉีกปากยิ้มกว้าง
นางหน้าแดงก่ำทันใด แสร้งทำท่าเยือกเย็นสาวเท้าฉับๆ ออกจากห้อง
เฉียวเจาตรงดิ่งกลับห้องของตน แต่ในหัวสมองยังนึกถึงคำพูดของเซ่าหมิงยวนรวมถึงพฤติกรรมบัดซบพวกนั้นของเขา จนกระทั่งมองไม่เห็นฉือชั่นที่ยืนอยู่ตรงหัวมุม
เขามองตามแผ่นหลังของเด็กสาวโดยไม่กะพริบตาด้วยท่าทางครุ่นคิด
หลีซานเพิ่งออกจากห้องถิงเฉวียน เพราะอะไรถึงหน้าแดงปานนั้น
เขาเดินไปทางหน้าประตูห้องของเซ่าหมิงยวนอย่างอดใจไม่อยู่ จึงได้ยินเสียงเอ่ยถามของเฉินกวงพอดี “ท่านแม่ทัพ ท่านเปิดเผยความในใจกับคุณหนูหลีหรือยังขอรับ”
ฉือชั่นมึนงงไปหมดราวกับถูกไม้กระบองตีแสกหน้า ทั้งที่อยากเข้าไปตะคอกด่าเฉินกวงว่าพูดจาไร้สาระ ทว่าฝ่าเท้ากลับเหมือนตรึงติดกับพื้น ขยับไม่ได้แม้สักนิด
ท่ามกลางเสียงหัวใจเต้นรัวแรงแจ่มชัด เสียงตอบของสหายรักลอยมากระทบหู “อื้อ”
คำสั้นๆ แค่คำเดียวกลับบ่งบอกถึงท่าทีของสหายรักอย่างโจ่งแจ้งแล้ว
ฉือชั่นรู้สึกละม้ายฟ้าผ่าลงกลางกระหม่อม ทำให้สมองของเขาอึงอลว่างเปล่า กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีเขาก็อยู่ในห้องขยุ้มคอเสื้อของเซ่าหมิงยวนพลางไต่ถาม “ถิงเฉวียน เมื่อครู่นี้พวกเจ้าพูดอะไรกัน ข้าฟังผิดไปใช่หรือไม่!”
ดวงตาคู่งามของเขาทอประกายวาวโรจน์จนน่ากลัว ทว่าในนั้นแฝงรอยวิงวอนไว้จางๆ
เซ่าหมิงยวนเพียงนึกสะท้อนใจที่สวรรค์เล่นตลก เดิมทีเป็นเรื่องระหว่างเขากับเจาเจา แต่เพราะธนูดอกนั้นของเขาที่ดึงสหายรักเข้ามาพัวพันด้วย
หากที่เขาละอายใจยิ่งกว่าคือก่อนหน้านี้ไม่นานเขาเพิ่งรับรองกับสหายรักว่าไม่ได้คิดอะไรกับคุณหนูหลี
เขาไม่มีวันมีความคิดเกินเลยไปอีกขั้นหนึ่งกับคุณหนูหลีตลอดไป แต่กับเจาเจาเขาไม่มีทางถอยแม้สักครึ่งก้าวเด็ดขาด
“สือซี เจ้าฟังไม่ผิด” เซ่าหมิงยวนกล่าวอย่างจริงจัง
ทีแรกเขาตั้งใจว่าคืนนี้จะไปคุยกับสหายให้รู้เรื่อง แต่เมื่อเจอกันก่อนแล้วพูดกันให้กระจ่างไปเลยก็ดี
“ฟังไม่ผิด?” ฉือชั่นพูดเสียงดังขึ้น “ก็แสดงว่าเจ้าสารภาพรักกับหลีซานแล้วจริงๆ ใช่หรือไม่”
เฉินกวงถอยหลังหลายก้าวโดยไม่ให้เป็นที่สังเกต พอออกไปอยู่นอกห้องแล้วเขาปิดประตูเงียบกริบอย่างมีไหวพริบผิดจากเดิม
ในเวลาเช่นนี้เขาอย่ารบกวนท่านแม่ทัพเจรจาพาทีกับศัตรูหัวใจจะดีกว่า ถึงอย่างไรท่านแม่ทัพมีวรยุทธ์สูงส่งย่อมไม่เสียเปรียบ
“เจ้าพูดสิ ใช่หรือไม่กันแน่”
เซ่าหมิงยวนผงกศีรษะ “ใช่”
“เซ่าหมิงยวน เจ้าคนบัดซบ!” ฉือชั่นเหวี่ยงหมัดชกเต็มแรง
เซ่าหมิงยวนไม่ขยับเขยื้อนกาย อยู่นิ่งๆ รับหมัดนี้ของสหายอย่างเต็มใจ
ไฟโทสะของฉือชั่นโหมแรงขึ้น ดวงตาของเขาแดงก่ำ “เซ่าหมิงยวน อย่านึกว่าเจ้าทำเช่นนี้แล้วข้าก็จะไม่ลงมือ มาเลย ไม่ต้องออมมือให้ข้า เจ้ากล้าชิงตัดหน้าข้า แต่ไม่กล้าสู้กับข้าหรือ” ว่าแล้วก็ประเคนกำปั้นใส่อีกฝ่ายหมัดแล้วหมัดเล่า
เซ่าหมิงยวนมิได้เคลื่อนกำลังภายในและไม่ใช้วรยุทธ์ใดๆ ไม่นานนักทั้งคู่ก็แลกหมัดลุ่นๆ กันอุตลุด
ถึงแม้ประตูจะปิดอยู่ แต่เสียงดังเอะอะทางนี้ยังดึงความสนใจของหยางโฮ่วเฉิงในห้องติดกันให้ออกมาดู
ได้ยินเสียงดังโครมครามจากในห้อง หยางโฮ่วเฉิงถามกับเฉินกวงที่หน้าประตูอย่างประหลาดใจ “นี่มันอะไรกัน!”
เฉินกวงแย้มยิ้มอวดไรฟันขาวทั้งปาก “คุณชายฉือกับท่านแม่ทัพของข้ากำลังดื่มชากันอยู่ขอรับ”
อะไรนะ
หยางโฮ่วเฉิงทำท่าแคะๆ หู
อย่าล้อเล่นน่า นี่น่ะหรือดื่มชา พังห้องยังพอว่า
ในใจของหยางโฮ่วเฉิงพวกเขาล้วนเป็นมิตรแท้ที่ตายแทนกันได้ เซ่าหมิงยวนกับฉือชั่นทะเลาะวิวาทกันเพียงนี้เป็นเรื่องแปลกหาได้ยากจริงๆ
เขาทำมือบอกให้เฉินกวงหลีกทางแล้วเปิดประตูเข้าไป เห็นม้านั่งตัวหนึ่งพุ่งมาหาพอดี ส่วนสหายรักสองคนปลุกปล้ำต่อยตีกันอยู่
หยางโฮ่วเฉิงมือไวตาไวคว้าอาวุธอันตรายที่ลอยมาไว้ได้ เขาทำหน้าฉงนฉงาย “พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่”