หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 382
บทที่ 382
ฉือชั่นเอนกายพิงพนักเก้าอี้ปิดตาลงเบาๆ แววเจ็บช้ำอันไร้ที่สิ้นสุดระคนความหงุดหงิดฉายออกมาทางใบหน้า แม้กระทั่งสุ้มเสียงก็ไม่เรื่อยเฉื่อยเฉกปกติ หลงเหลือเพียงความเหนื่อยล้า “เช่นนั้นเจ้าพูด จะสะสางปัญหาได้อย่างไร”
ไม่รอคำตอบของเซ่าหมิงยวน เขาลืมตาพรึบ นัยน์ตาสีดำแวววาวจับมองคนตรงหน้าเขม็ง “เจ้าหลีกทาง?”
ชั่วขณะนี้ในใจของเซ่าหมิงยวนก็ทุกข์ทรมานไม่ต่างกันเท่าไร
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันนี้ วันที่ตนกับสหายรักที่ผูกพันกันดั่งพี่น้องจะทะเลาะกันเพราะสตรีผู้หนึ่ง
ถ้าเป็นคุณหนูหลีเขาไม่มีทางช่วงชิงด้วยเด็ดขาด แต่นางคือเฉียวเจา ถึงตายเขาก็ไม่มีวันหลีกทาง
“เจ้าตอบข้ามาสิ” ฉือชั่นเอ่ยพร้อมตบโต๊ะทีหนึ่งเต็มแรง
เซ่าหมิงยวนสบตาเขาตรงๆ พลางส่ายหน้า “สือซี อย่างอื่นข้าล้วนหลีกทางให้ได้ มีแต่นางที่ไม่ได้”
ความเด็ดเดี่ยวในน้ำเสียงของเขาทำให้ฉือชั่นนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งถึงเอ่ยถาม “เพราะอะไร ข้าแค่อยากรู้ว่าเพราะอะไรเจ้าถึงเปลี่ยนไปเร็วถึงเพียงนี้”
เซ่าหมิงยวนเม้มมุมปาก เขาไม่สามารถบอกเหตุผลที่แท้จริงต่อสหายรักได้
ยืมศพคืนวิญญาณ เรื่องพรรค์นี้อัศจรรย์พันลึกเกินไป หากแพร่ออกไปแล้วถูกผู้ไม่ประสงค์ดีนำไปใช้เป็นเครื่องมือ อาจจะนำเภทภัยมหันต์มาสู่เจาเจาได้
พอเห็นเซ่าหมิงยวนจนวาจา ฉือชั่นยิ้มเยาะ “พูดไม่ออกหรือว่าไม่อยากลดตัวลงพูดกับข้า เซ่าหมิงยวน สำหรับเจ้าแล้ว จะมีสหายเช่นข้านี้หรือไม่ก็ไม่สำคัญสักนิดใช่หรือไม่”
“ไม่ใช่…”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าบอกข้ามาว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ อย่าหลอกข้าเหมือนคนโง่งม ได้หรือไม่”
ครั้นโดนฉือชั่นคาดคั้นจนหมดทางถอย เซ่าหมิงยวนแข็งใจตอบว่า “เพราะข้ากับนางมีความสัมพันธ์ทางกายกันแล้ว”
ฉือชั่นนิ่งขึงไปราวกับไม่ได้ยินที่เซ่าหมิงยวนพูด “เจ้าพูดใหม่อีกทีสิ ข้าคงได้ยินผิดไป…”
เซ่าหมิงยวนถอนใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง “สือซี ข้ากับคุณหนูหลีมีความสัมพันธ์ทางกายกันแล้ว…”
เรื่องนี้เขามิได้โกหกสหายรักจริงๆ ในถ้ำบนภูเขานั่น วิธีที่เจาเจาป้อนยาเขาเป็นสิ่งที่ระหว่างสามีภรรยาถึงจะทำกันได้
เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งค้างไป เซ่าหมิงยวนรู้สึกทนดูไม่ได้ เขาส่งเสียงเรียกเบาๆ “สือซี…”
ฉือชั่นคล้ายเพิ่งตื่นจากฝัน จากนั้นเหวี่ยงกำปั้นตะบันหน้าเขา
เซ่าหมิงยวนไม่หลบหลีก
หมัดที่ชกมากระแทกเข้าใต้ตาซ้ายเขาทันทีจนตรงนั้นเจ็บๆ แสบๆ ในพริบตา
ฉือชั่นโถมตัวเข้าไป ดวงตาเขาแดงก่ำดุจสีเลือด “เซ่าหมิงยวน เจ้ามันเดรัจฉาน!”
เขาปรี่เข้าใส่เช่นนี้ส่งผลให้เซ่าหมิงยวนล้มลงกับพื้นไปทั้งเก้าอี้บังเกิดเสียงดังสนั่น
หยางโฮ่วเฉิงซึ่งยืนอยู่นอกห้องอดสาวเท้าสองก้าวไปที่หน้าประตูไม่ได้ เขาร้อนใจจนถูมือไปมาไม่หยุด
คงจะไม่ฆ่ากันตายหรอกกระมัง!
ภายในห้องฉือชั่นประเคนหมัดใส่ตัวเซ่าหมิงยวนราวกับคลุ้มคลั่งไปแล้ว เซ่าหมิงยวนโดนต่อยไปหลายหมัดก่อนจะยื่นมือคว้าข้อมือเขาไว้
“สือซี หรือไม่เจ้าสงบสติอารมณ์ก่อนดีกว่า ฟังข้าพูดให้จบ”
ฉือชั่นโกรธจัดแต่กลับยิ้ม “ไม่ เมื่อครู่นี้เจ้าพูดได้ถูกต้อง สงบสติอารมณ์ไม่ช่วยให้สะสางปัญหาได้ กำปั้นต่างหากถึงสะสางได้”
เซ่าหมิงยวนถอนหายใจ “สือซี เจ้าอย่าลืมว่าเจ้าต้องต่อยชนะคนอื่น กำปั้นถึงสะสางปัญหาได้”
สิ่งเดียวที่เขาทำผิดต่อสหายรักคือกล่าวคำนั้นเร็วเกินไป ส่วนเจาเจานั้นเขาไม่เคยคิดว่าการยกสตรีของตนเองให้ผู้อื่นเป็นคุณธรรมอันดีงาม
คำกล่าวนี้ของสหายทำให้ฉือชั่นอึ้งงันไป จากนั้นเขาหัวเราะขื่นๆ “เซ่าถิงเฉวียน เจ้าแน่มาก!”
เมื่อการชกต่อยกันไร้ความหมายไปแล้ว ฉือชั่นนั่งบนพื้นอย่างเหม่อลอยครู่หนึ่งถึงเอ่ยถามเสียงทุ้มพร่า “เป็นเรื่องตั้งแต่เมื่อไร เซ่าหมิงยวน มารดามันเถอะ เจ้าเป็นเดรัจฉานหรือไร หลีซานเพิ่งอายุเท่าไร นางยังไม่ย่างสิบสี่ด้วยซ้ำ เจ้าทำเช่นนี้กับนางได้อย่างไม่ละอายใจเลยหรือ”
นับแต่รู้ถึงจิตใจของตนที่มีต่อหลีซาน เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะตบแต่งนางเป็นภรรยา แต่ต่อให้แต่งนางเข้าเรือนตอนนี้ เขาก็หักใจร่วมหอกับนางเร็วถึงเพียงนี้ไม่ได้
เด็กสาวที่เขาวางไว้กลางใจ เด็กสาวที่เขาตั้งใจรอให้นางเติบใหญ่ กลับต้องมีราคีด้วยน้ำมือเจ้าคนบัดซบเซ่าหมิงยวนไปแล้ว
ฉือชั่นคิดถึงตรงนี้ก็โกรธจนแทบกระอักเลือด
เซ่าหมิงยวนได้ยินฉือชั่นถามไล่เลียงก็หน้าแดงจรดใบหูอย่างสุดระงับ
เขาคิดแต่ว่าเจาเจาเป็นภรรยาของเขา กลับลืมไปว่าคุณหนูหลีตอนนี้ยังไม่ปักปิ่น
พอคิดเช่นนี้ โทษมิได้ที่ฉือชั่นจะลงไม้ลงมือหนักหน่วงถึงเพียงนี้
ฉือชั่นปรายตามองเขาพลางกล่าวเสียงเย็นๆ “ตอนนี้รู้จักละอายแก่ใจแล้วหรือ บอกมา เป็นตอนที่เจ้าพานางไปตามหานักชันสูตรเฉียนหรือว่าเมื่อคืนนี้”
พอเห็นเซ่าหมิงยวนทำหน้าเก้อกระดากมากขึ้น เขาเบิกตาโพลงกะทันหันพร้อมพูดเสียงหลง “หรือว่าวันนี้ เซ่าหมิงยวน เจ้าวางแผนไว้แต่แรกแล้วว่าจะชิงลงมือก่อนใช่หรือไม่”
เซ่าหมิงยวนยิ้มฝืดๆ “ไม่ใช่ เป็นตอนเหตุดินถล่มที่เขาลั่วสยาคราวนั้น ข้าขึ้นเขาไปเสาะหานาง จู่ๆ เกิดฝนตกหนัก พวกข้าเลยเข้าไปหลบอยู่ในถ้ำ…”
“จากนั้นเจ้าก็ฉวยจังหวะนี้เอาเปรียบนางหรือ” ฉือชั่นกัดฟันดังกรอดๆ
เขาอุตส่าห์วาดฝันถึงอนาคตอย่างสวยงามเหมือนคนโง่งม ที่แท้ผักกาดขาวของเขาโดนสุกรคาบไปตั้งนานแล้ว
“ไม่ใช่ ตอนนั้นข้าได้รับบาดเจ็บอยู่ นางป้อนยาให้ข้า…”
ดวงตาของฉือชั่นเบิกกว้างขึ้นหลายส่วน “ป้อนยา?”
เซ่าหมิงยวนตะขิดตะขวงใจเหลือหลายที่ต้องบอกเรื่องนี้กับคนอื่น เขาพูดอย่างกำกวม “ตอนนั้นข้าหมดสติไป”
“ดังนั้น?” ฉือชั่นเลิกคิ้วขึ้นไต่ถาม เขาไม่ทันได้คำตอบจากอีกฝ่ายก็กระจ่างแจ้งโดยพลัน “เจ้า…พวกเจ้า…นาง…”
ฉือชั่นรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นเร่าๆ ราวกับโดนไฟแผดเผา ชวนให้ทุรนทุรายจนอยากสับมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยโยนทิ้งไป จะได้ไม่ต้องรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวจนหายใจไม่ออก
นานพักใหญ่ เขาถึงเอ่ยถามเสียงแหบพร่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เพราะอะไรวันนั้นเจ้าต้องบอกกับข้าเช่นนั้นด้วย”
“ตอนนั้นข้ายังจำไม่ได้ แต่เมื่อวานข้าฝันเห็นภาพเลือนๆ รางๆ แล้วนึกเรื่องนี้ขึ้นได้ จากนั้นก็ไปถามนาง…”
“นางยอมรับแล้วหรือ” ฉือชั่นถามประโยคนี้เสียงสั่นๆ
เซ่าหมิงยวนพยักหน้าเบาๆ
ท่าทีแข็งกร้าวของฉือชั่นเลือนหายไป สีหน้าที่โกรธเกรี้ยวเมื่อครู่ก็สลดลงในพริบตา
สำหรับเขาแล้ว หลีซานยอมรับเองกับปากเป็นเรื่องที่ทำให้สิ้นหวังยิ่งกว่านางกับสหายรักมีความสัมพันธ์ทางกายกัน
เขารู้นิสัยใจคอของหลีซานดี นางเป็นพวกใจแข็งเหมือนหินอย่างแท้จริง กระทั่งอ้อมค้อมปิดบังล้วนไม่เต็มใจทำ นางยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเซ่าหมิงยวนมีความหมายว่าอะไรนั้น เป็นที่ประจักษ์ชัดโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ย
เขารู้มานานแล้วว่าหลีซานปฏิบัติต่อเซ่าหมิงยวนแตกต่างจากคนอื่น
ฉือชั่นหลับตาลง “หากว่า…”
เขาอ้าปากพูดไม่ทันไร เสียงเคาะประตูพลันดังขึ้น ตามด้วยสุ้มเสียงของสตรีวัยเยาว์ลอยแว่วมาจากนอกประตู
“คุณชายฉือ โปรดเปิดประตูด้วยเจ้าค่ะ คุณหนูของข้าให้นำของมามอบให้”
ฉือชั่นสะดุดใจวูบ ดวงตาสิ้นหวังเริ่มเปล่งประกาย เขาลุกขึ้นเดินฉับๆ ไปดึงประตูเปิดออก
อาจูยืนอยู่นอกประตูยอบกายคารวะเขา
“คุณหนูของเจ้าจะมอบอะไรหรือ” ฉือชั่นเกาะขอบประตูไต่ถาม
หลังผ่านการชกต่อยมายกหนึ่ง คุณชายฉือในเพลานี้อยู่ในสภาพเสื้อผ้าอาภรณ์ไม่เรียบร้อย ทำให้คนเห็นแล้วอดหน้าแดงใจเต้นไม่ได้
อาจูจำต้องก้มหน้าคางจรดอก ถือประคองตลับกระเบื้องเล็กๆ ด้วยสองมือยื่นไปตรงหน้าเขา “คุณหนูให้ข้านำยาสมานแผลมามอบให้แม่ทัพเซ่าเจ้าค่ะ”
ฉือชั่นจ้องเขม็งที่ตลับขนาดเล็กกะทัดรัดด้วยแววตาลุกโชน “มอบให้แม่ทัพเซ่าหรือ”
อาจูหลุบตาลง พูดเสียงดังฟังชัด “เจ้าค่ะ คุณหนูบอกว่ามอบให้แม่ทัพเซ่า”