หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 383
บทที่ 383
“ขอบใจมาก” เซ่าหมิงยวนเดินมาเมื่อไรก็สุดรู้ เขายืนอยู่ข้างๆ ฉือชั่นยื่นมือรับตลับกระเบื้องมาจากมืออาจู
อาจูเหลือบตาขึ้นมองเซ่าหมิงยวนอย่างฉับไวปราดหนึ่งค่อยหลุบเปลือกตาลงดุจเก่า นางแสดงคำนับต่อคนทั้งสอง “ข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”
“ประเดี๋ยว…” ฉือชั่นส่งเสียงเรียกไว้โดยไม่ทันคิด
อาจูหยุดฝีเท้ายืนนิ่งอย่างเรียบร้อย
ฉือชั่นพลันรู้สึกทดท้อใจ เขาโบกมือไปมา “ช่างเถอะ เจ้าไปได้แล้ว”
กับสาวใช้ผู้หนึ่ง เขาจะพูดอะไรได้
กับหลีซาน…นางตัดสินใจเลือกแล้ว เช่นนั้นเขายังพูดอันใดได้อีก
เดิมทีเขานึกว่านางยังอายุน้อย ดอกรักในหัวใจยังไม่ผลิบาน เขาจึงอดทนรอคอยและเฝ้าดู ถึงอย่างไรนางก็ต้องเติบใหญ่ขึ้นสักวัน
เมื่อนางถึงวัยแรกรัก เขาคือคนที่อยู่เคียงข้างนางเนิ่นนานที่สุด ไม่แน่ว่านางจะยินยอมครองคู่กับเขา
แต่ตอนนี้ยาขี้ผึ้งตลับเล็กๆ ที่ถูกส่งมาใบนี้ทำให้เข้าใจในที่สุด
ที่แท้มิใช่นางไม่รู้จักความรัก ทว่าคนที่นางแอบมอบใจให้ผู้นั้นไม่ใช่เขาเท่านั้นเอง
ในเมื่อนางกับสหายรักผูกสมัครรักใคร่กัน เขาฉือชั่นก็เป็นบุรุษผู้หนึ่ง หรือยังจะหน้าด้านหน้าทนแทรกกลางระหว่างคนทั้งคู่อีกหรือ
อาจูเดินด้วยฝีเท้าคล่องแคล่วว่องไวห่างไปไกลแล้ว ฉือชั่นมองตามไปโดยไม่ละสายตาจนเห็นนางเข้าไปในห้องตรงปลายระเบียงทางเดิน ค่อยถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วปิดประตูห้อง
“เจ้าจะดีต่อนางใช่หรือไม่” ฉือชั่นหมุนกายไปยกสองมือกอดอก เอ่ยถามคำนี้ด้วยน้ำเสียงขึงขัง
“ใช่” เซ่าหมิงยวนพยักหน้าอย่างขึงขังดุจเดียวกัน
“และมากกว่าที่ข้าดีต่อนางใช่หรือไม่” ฉือชั่นเอ่ยถามต่อ ในดวงตาเขามีประกายน้ำผุดขึ้นวูบหนึ่ง
เซ่าหมิงยวนจ้องตาสหายรัก
ถึงเวลานี้เขากล่าวถ้อยคำที่จะเป็นการเยาะเย้ยทับถมผู้แพ้ไม่ออก
เขาย่อมต้องดีกับเจาเจาอย่างสุดความสามารถ แต่เขาจะไม่รับรู้ถึงความรักที่สหายมีต่อเจาเจาไม่ได้เช่นกัน
“ไม่รับอนุ ไม่มีสาวใช้ห้องข้าง และไม่รับนางบำเรอที่พวกผู้มีอำนาจกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ยัดเยียดให้เพราะตำแหน่งยศศักดิ์ของเจ้า?”
“แน่นอน” เซ่าหมิงยวนตอบรับโดยไม่หยุดคิดใคร่ครวญ
ฉือชั่นเหยียดมุมปาก ถามด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รวมถึงฮ่องเต้?”
เซ่าหมิงยวนผงกศีรษะ
ฉือชั่นพรูลมหายใจยาวเหยียดเฮือกหนึ่ง “ตกลง ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ข้าวางมือ”
เขาเม้มมุมปากทีหนึ่ง หมุนตัวขวับผลักประตูเปิดแล้วก้าวเท้าปราดๆ ออกไป
เซ่าหมิงยวนยืนนิ่งอยู่ที่เดิม กำตลับกระเบื้องในมือแน่น
ผ่านไปครู่หนึ่ง ฉือชั่นปรากฏกายตรงหน้าประตูห้องอีกครั้ง เขาประสานสายตากับสหายรัก พูดด้วยสีหน้าเฉยชา “นี่มันห้องข้า!”
“เช่นนั้นเจ้าก็พักผ่อนให้มากๆ” เซ่าหมิงยวนยกมือตบไหล่เขา
ฉือชั่นปัดมืออีกฝ่ายออกและเหวี่ยงประตูปิดใส่หน้าเซ่าหมิงยวนดังปังใหญ่
เซ่าหมิงยวนอดเหลียวมองบานประตูที่ปิดสนิทไม่ได้ เขารู้สึกเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก
ประตูปิดสนิทตลอดราวกับไม่เคยเปิดออก ข้างในเงียบเชียบไร้สุ้มเสียงใด
เซ่าหมิงยวนถอนใจเบาๆ ย้อนกลับไปยังห้องของตน
สิ่งของต่างๆ ในห้องตกกระจายเกลื่อนพื้น
เขาก้มตัวลงจับเก้าอี้ที่ล้มตะแคงอยู่ตั้งขึ้นแล้วเริ่มเก็บของเข้าที่เงียบๆ
ไม่นานนักเสียงเคาะประตูดังขึ้น “ถิงเฉวียน ข้าเอง”
เซ่าหมิงยวนเปิดประตู
หยางโฮ่วเฉิงยืนอยู่หน้าห้อง เขาเกาท้ายทอย “ข้าเข้าไปได้หรือไม่”
เซ่าหมิงยวนเบี่ยงกายเปิดทางให้อีกฝ่าย
หยางโฮ่วเฉิงย่างเท้าเข้าไปนั่งลงตามสบายโดยไม่ใส่ใจสภาพรกรุงรังภายในห้อง
“ถิงเฉวียน ใต้ตาซ้ายเจ้าเขียวช้ำเป็นแถบ ไม่เป็นไรกระมัง”
“ไม่เป็นไร” สำหรับเซ่าหมิงยวนแล้ว บาดแผลภายนอกพวกนี้ไม่คู่ควรให้ขมวดคิ้วสักคราด้วยซ้ำไป
หยางโฮ่วเฉิงเกาท้ายทอย “ถิงเฉวียน ตกลงว่าระหว่างพวกเจ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
ครั้นเห็นสหายรักไม่กล่าวตอบ เขาไต่ถามอย่างระมัดระวังต่อว่า “คงไม่เกี่ยวข้องกับคุณหนูหลีหรอกนะ”
เซ่าหมิงยวนพยักหน้าน้อยๆ
หยางโฮ่วเฉิงลุกพรวดขึ้นทันควัน พูดตะกุกตะกักด้วยความตะลึงพรึงเพริด “จะ…เจ้า…เจ้าก็ชมชอบคุณหนูหลีเช่นกันหรือ”
เซ่าหมิงยวนพยักหน้าเป็นคำรบที่สอง
“มิน่าเล่า” หยางโฮ่วเฉิงทึ้งผมย่ำเท้าวนไปวนมาในห้องที่ข้าวของเกลื่อนกลาดเละเทะ แต่เพราะตกใจเกินไปเลยไม่ทันระวัง เท้าของเขาเหยียบคราบน้ำชาบนพื้นจนเกือบลื่นล้มลง
เขารีบเกาะโต๊ะด้านข้างไว้ ถอนใจเฮือกๆ “ถิงเฉวียน เจ้าทำเช่นนี้ไม่เหมาะกระมัง สือซีชมชอบคุณหนูหลีมาตั้งนานแล้ว ใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้…”
เซ่าหมิงยวนยกยิ้ม “ฉงซาน ความหมายของเจ้าคือเพราะสือซีชมชอบคุณหนูหลีก่อน ฉะนั้นข้าพึงควรหลีกทางให้?”
“เอ่อ…แล้วไม่สมควรเป็นเช่นนี้หรือ” หยางโฮ่วเฉิงกะพริบตาปริบๆ มาก่อนมาหลังนี่เป็นเหตุผลที่ใครๆ ต่างก็รู้กันกระมัง
เซ่าหมิงยวนทอดถอนใจ “ฉงซาน เรื่องเช่นนี้ไม่สำคัญว่าใครมาก่อนมาหลังนะ”
“แต่ว่าพี่น้องเป็นดั่งแขนขา สตรีเปรียบเหมือนอาภรณ์…” หยางโฮ่วเฉิงเกาท้ายทอยแรงขึ้น
เขาพูดจาเหลวไหลไร้สาระอะไรไปบ้างกันแน่ ดีที่ถิงเฉวียนไม่ใช่คนปากมาก ว่าที่ภรรยาในอนาคตของเขาไม่มีวันได้รู้!
เซ่าหมิงยวนประจักษ์แก่ใจดี เมื่อไม่อาจบอกตัวตนที่แท้จริงของเฉียวเจาได้ ในสายตาของพวกหยางโฮ่วเฉิงกับจูเยี่ยน เขาคือคนที่ไม่สุจริตใจในเรื่องนี้
กระนั้นเขาเต็มใจรับคำครหานี้ไว้เพื่อแลกกับการได้แสดงความรักต่อหญิงในดวงใจอย่างเปิดเผย สูญเสียแค่นี้จะเป็นไรไป
“แขนหักขาขาดอาจเจ็บปวด แต่ไม่สวมใส่อาภรณ์จะเป็นอย่างไร” เซ่าหมิงยวนย้อนถาม
หยางโฮ่วเฉิงอึ้งงันไป เขารู้สึกว่าถ้อยคำนี้แปลกๆ พิกล ทว่ากลับแย้งไม่ได้ในชั่วขณะ
“ฉงซาน เรื่องนี้จบไปแล้ว เจ้าอย่าคิดมากอีกเลย ถ้าคลายใจไม่ได้ก็ไปชวนสือซีดื่มสุราสักจอกสองจอกเถอะ ตอนนี้เขาคงทุกข์ทรมานใจอยู่มาก”
“เจ้ารู้เหมือนกันนะว่าเขาทุกข์ทรมานใจ” หยางโฮ่วเฉิงโคลงศีรษะ “ไฉนจู่ๆ ต้องทะเลาะกันจนกลายเป็นอย่างนี้ด้วยเล่า”
พอหยางโฮ่วเฉิงออกไป ในห้องกลับคืนสู่ความสงบเงียบดังเก่า เซ่าหมิงยวนแบมือออก ยกตลับกระเบื้องในอุ้งมือขึ้นจรดริมฝีปากแล้วจุมพิตเบาๆ ทีหนึ่ง
อาจูกลับถึงห้องแล้วก็เอ่ยรายงาน “คุณหนู นำยาขี้ผึ้งไปมอบให้แม่ทัพเซ่าเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
เฉียวเจาวางตำราที่กำลังอ่านอยู่ลง ใบหน้าของนางหยั่งความรู้สึกไม่ออก “คุณชายฉือพูดอะไรหรือไม่”
อาจูเม้มมุมปาก นางกล่าวตอบ “คุณชายฉือเพียงถามยืนยันว่ามอบให้แม่ทัพเซ่าใช่หรือไม่ จากนั้นก็ไม่มีอย่างอื่นอีกเจ้าค่ะ”
เฉียวเจาผลิยิ้ม “ลำบากเจ้าแล้ว”
นางหยิบตำราที่เพิ่งวางลงขึ้นมาเริ่มอ่านต่อ
อาจูลอบเหลือบตามองผู้เป็นนายแวบหนึ่ง
เด็กสาวมีสีหน้านิ่งเฉย ท่าทางอ่านตำราอย่างจริงจังดูงดงามประหนึ่งภาพวาด
สายตาของอาจูจับอยู่ที่ม้วนตำราในมือเฉียวเจาแล้วอดนิ่งงันไปไม่ได้
นางแน่ใจว่าตนเองอ่านหนังสือออก ดังนั้นคุณหนู…ถือตำรากลับหัวแล้วกระมัง
เมื่อค้นพบจุดนี้ อาจูถึงล่วงรู้ว่าที่แท้จิตใจของคุณหนูตนห่างไกลจากคำว่า ‘สงบนิ่ง’ เฉกเช่นที่แสดงออกทางสีหน้ายิ่งนัก
นางยืนอยู่กับที่ พลันนึกสงสารเห็นใจเด็กสาวที่ยังอายุไม่ถึงสิบสี่ปีตรงหน้าผู้นี้
นางมาอยู่กับคุณหนูภายหลังจึงไม่แจ่มแจ้งถึงอดีตของคุณหนู ในช่วงเวลาเหล่านั้นคุณหนูประสบผ่านอะไรมาบ้างกันแน่ ถึงเคยชินกับการเก็บงำความรู้สึกต่างๆ ไว้ในใจ
แววตาเพ่งพินิจของอาจูทำให้เฉียวเจาช้อนตาขึ้น จากนั้นมองลงด้านล่างตามสายตาของสาวใช้ มุมปากของนางกระตุกริกๆ ด้วยความเก้อกระดาก นางวางตำราลง
“คุณหนู ในเมื่อท่านก็ทรมานใจเช่นกัน เหตุใด…ต้องทำอย่างนั้นเจ้าคะ” อาจูถามออกมาอย่างห้ามใจไม่อยู่ในที่สุด
คุณชายฉือกับแม่ทัพเซ่าทะเลาะวิวาทกัน คุณหนูกลับสั่งให้นางนำยาขี้ผึ้งไปมอบให้แม่ทัพเซ่าที่ห้องของคุณชายฉือ การกระทำเช่นนี้ย่อมทำร้ายจิตใจเขาอย่างรุนแรงโดยไม่ต้องสงสัย
เฉียวเจามองอาจูนิ่งๆ
สาวใช้ก้มหน้าลง “ข้าไม่สมควรถามเจ้าค่ะ”
“เอาล่ะ ออกไปเถอะ เมื่อคืนข้าหลับไม่สนิท ตั้งใจจะนอนต่ออีกครู่หนึ่ง”