หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 397
บทที่ 397
เฉียวจัวจอมปราชญ์นามกระเดื่องทั่วหล้าปลีกวิเวกอยู่ในสวนซิ่งจื่อแห่งจยาเฟิง ที่นี่จึงกลายเป็นสถานที่ที่ปัญญาชนทั้งแผ่นดินใฝ่ฝันถึง มักมีคนเดินทางมาเยี่ยมเยือนตามเสียงเล่าลือเสมอๆ คนในหมู่บ้านไป๋อวิ๋นต่างรู้สึกเป็นหน้าเป็นตาไปด้วย กอปรกับอาจารย์เฉียวจัวเป็นผู้มีจิตใจสูงส่งและไม่ถือเนื้อถือตน กระทั่งบ่าวรับใช้ข้างกายยังสอนหนังสือให้เด็กๆ ในหมู่บ้านอ่านออกเขียนได้ นานวันเข้าก็ยิ่งเป็นที่เคารพรักของชาวบ้าน
เมื่ออาจารย์เฉียวจัวเป็นคนดี คนในครอบครัวของเขาก็ย่อมต้องเป็นคนดี ครอบครัวที่ดีเฉกนี้กลับโดนเข่นฆ่าสังหาร มิใช่ไฟคลอกตาย!
ชาวบ้านยิ่งคิดยิ่งสงสารเห็นใจ
เซ่าหมิงยวนเดินขึ้นหน้าหลายก้าว ประสานมือโค้งตัวให้ชาวบ้านกะทันหันพลางเอ่ย “พ่อแม่พี่น้องทุกท่าน แต่ไรมาครอบครัวของท่านพ่อตาข้าเป็นมิตรกับผู้อื่น ซื่อสัตย์สุจริตไม่แก่งแย่งแข่งขันกับใคร คิดไม่ถึงว่าจะถูกปลิดชีพอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ ไม่แน่ว่าฆาตกรผู้นั้นจะซ่อนตัวอยู่ในหมู่พวกท่านก็เป็นได้ วันนี้เขาทำร้ายครอบครัวของท่านพ่อตาข้าได้ วันหน้าก็อาจจะคร่าชีวิตของทุกท่านได้เช่นกัน”
ถ้อยคำทั้งหมดที่เซ่าหมิงยวนกล่าวอย่างห้าวหาญฉะฉานและหนักแน่นทรงพลังนี้ เปรียบได้ดั่งอสนีสายหนึ่งผ่าเปรี้ยงลงกลางกลุ่มคนที่มุงดูอยู่โดยพลัน
ความรู้สึกสงสารเห็นใจเมื่อครู่นี้ของชาวบ้านแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวจนสิ้น ต่างพากันถอยหลังหนึ่งก้าวมองสำรวจคนรอบข้างอย่างระแวงระวัง
นายอำเภอหวังยกแขนเสื้อขึ้นปาดเหงื่อ ยิ้มฝืดๆ เอ่ยขึ้นว่า “ท่านโหว เหตุใดท่านถึงพูดเช่นนี้ล่ะขอรับ…”
เซ่าหมิงยวนปรายตามองอีกฝ่ายอย่างเฉยชาก่อนกล่าวต่อ “ข้าพูดทั้งหมดนี้มิใช่ข่มขู่ให้เสียขวัญเด็ดขาด มีเพียงหาตัวคนร้ายออกมาโดยไวที่สุดถึงจะขจัดเภทภัยได้อย่างสิ้นซาก ข้ารู้ว่าก่อนหน้านี้ไม่นานมีใต้เท้าจากเมืองหลวงท่านหนึ่งเคยมาสอบสวนคดีนี้ น่าเสียดายที่ไม่อาจสืบความจริงได้กระจ่าง นี่บ่งบอกว่าฆาตกรเป็นคนเจ้าเล่ห์อย่างยิ่งยวด ดังนั้นข้าจึงขอวิงวอนพ่อแม่พี่น้องทุกท่านช่วยข้าตามหาคนร้ายอีกแรงหนึ่ง ทวงความเป็นธรรมให้อาจารย์เฉียว และเอาตัวคนชั่วมารับโทษทัณฑ์อย่างสาสมจะได้ไม่ทำร้ายใครอีก”
ถ้อยคำนี้ดังขึ้น มีชาวบ้านใจกล้าพูดสนับสนุนทันที “ท่านโหววางใจเถอะ มีอะไรที่ช่วยเหลือได้ พวกข้าต้องช่วยอย่างแน่นอน”
“ใช่ๆ จะปล่อยให้ฆาตกรทำร้ายใครอีกไม่ได้”
“จะว่าไปแล้ว ยังคงเป็นกวนจวินโหวที่เก่งกาจ เพิ่งมาถึงก็สืบได้แล้วว่าชาวสกุลเฉียวโดนฆ่าตาย ใต้เท้าที่มาจากเมืองหลวงเมื่อพักก่อนท่านนั้นสอบสวนอยู่นานสองนาน พอไม่ได้เรื่องอะไรก็กลับไปเลย” ไม่รู้เป็นใครในหมู่ฝูงชนที่พูดประโยคนี้ขึ้น
มีคนพูดเอ็ดทันควัน “วิพากษ์วิจารณ์ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ไม่ได้ จะโดนจับเข้าคุกหลวงนะ”
นายอำเภอหวังหน้าซีดอย่างตื่นตระหนก “ท่านโหว ก่อนหน้านี้ท่านผู้แทนพระองค์เดินทางมาสืบเรื่องเหตุไฟไหม้เรือนสกุลเฉียว เคยสอบปากคำชาวบ้านพวกนี้ไปแล้ว แต่ไม่ได้เบาะแสที่เป็นประโยชน์อันใด ท่านว่าเรื่องนี้ให้ข้ารายงานต่อท่านเจ้าเมืองก่อนจะดีกว่าหรือไม่ ถึงตอนนั้นค่อยสอบสวนใหม่ขอรับ”
ตอนผู้แทนพระองค์มาสืบคดีก็เป็นท่านเจ้าเมืองกับเขาที่ช่วยสอบสวน บัดนี้กวนจวินโหวสืบพบว่าชาวสกุลเฉียวโดนสังหาร เขาอาจต้องถูกลงโทษฐานปฏิบัติงานบกพร่องเป็นอย่างน้อย นี่เข้าตำราที่ว่าคนนั่งอยู่ในเรือนดีๆ เภทภัยยังมาเยือนถึงที่ ในการพิจารณาเลื่อนขั้นตำแหน่งปีหน้า ความหวังของเขาคงริบหรี่แล้ว
เซ่าหมิงยวนวางหน้าเคร่งเครียด “สืบคดีเป็นเรื่องของทางการแน่นอน แต่ข้ามีฐานะเป็นเจ้าทุกข์ หวังว่าจะได้อยู่สังเกตการณ์ข้างๆ ด้วย นายอำเภอหวังมีข้อข้องใจหรือไม่”
“ข้าน้อยมิกล้าขอรับ”
สีหน้าของเขาผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ฤกษ์ดีมิสู้ฤกษ์สะดวก ก็เริ่มสอบสวนกันตอนนี้เลยเถอะ ข้าเสนอให้ไล่สอบปากคำคนในหมู่บ้านไป๋อวิ๋นทีละคน ดูสิว่าจะได้เบาะแสอะไรหรือไม่”
“ตอนนี้?” นายอำเภอหวังทำสีหน้าคาดไม่ถึง
“มีปัญหาอะไรรึ”
“ท่านโหว ท่านก็เห็นว่าตอนนี้ตะวันใกล้ตกดินแล้ว ต่อให้จะสอบสวนเหตุไฟไหม้เรือนสกุลเฉียวกันใหม่ก็ต้องรอวันพรุ่งนี้ อีกประการหนึ่งหนนี้ข้าพาคนติดตามมาแค่ไม่กี่คน ถึงอยากสืบคดีก็มีกำลังคนไม่พอ…”
เซ่าหมิงยวนยกมือนวดๆ หว่างคิ้ว กล่าวทอดถอนใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะลองซักถามเรื่องราวจากชาวบ้านไป๋อวิ๋นก่อนก็แล้วกัน”
นายอำเภอหวังจะทักท้วงอีกก็ไม่เหมาะสม ได้แต่เอ่ยเตือนว่า “ท่านโหว ท่านผู้แทนพระองค์เคยสอบถามชาวบ้านพวกนี้มาก่อนแล้ว แต่ไม่ได้เบาะแสอะไรจริงๆ”
เซ่าหมิงยวนหน้าขรึมลง พูดเสียงราบเรียบ “อ้อ ดูเหมือนท่านผู้แทนพระองค์ก็สืบไม่ได้ว่าชาวสกุลเฉียวถูกฆ่าแล้วเผาศพนะ นายอำเภอหวัง ท่านว่าจริงหรือไม่เล่า”
นายอำเภอหวังโดนย้อนถามก็สะดุ้งตกใจ เขาพยักหน้าพร้อมหัวเราะแห้งๆ
เจียงอู่ที่อยู่ใต้ต้นไม้เหยียดมุมปากออก ก่อนจะพึมพำเบาๆ “นึกไม่ถึงว่ากวนจวินโหวพญายมผู้เที่ยงตรงตามเสียงเล่าขานจะมีวาทศิลป์ปานนี้”
คำกล่าวของเขาไม่เพียงกระตุ้นให้ชาวบ้านไป๋อวิ๋นกระตือรือร้นช่วยเหลือการสืบคดี ยังบีบให้นายอำเภอจยาเฟิงไม่อาจไม่ตอบตกลงให้เขาเข้าร่วมในเรื่องนี้ ถึงขั้นเริ่มต้นลงมือสอบสวนได้ก่อนก้าวหนึ่ง
สมกับเป็นผู้ที่ไต่ขึ้นมาถึงตำแหน่งนี้ จะเป็นมือชั้นสามัญได้หรือ
เจียงอู่สาวเท้าก้าวใหญ่ไปหาเซ่าหมิงยวน
เขาหันมามองคล้ายรับรู้ได้
เจียงอู่หยุดยืนไม่ไกลนัก ประสานมือคำนับทักทาย “ท่านโหว”
เซ่าหมิงยวนมองสำรวจผู้มาเยือนอย่างว่องไว เห็นท่วงทีกิริยาของอีกฝ่ายแล้วในใจพอจะคาดเดาฐานะของเขาได้เลาๆ หากแต่ไม่แสดงสีหน้าใดยามกล่าวถาม “พี่ชายคือ…”
เจียงอู่ไม่ทันปริปาก นายอำเภอหวังส่งเสียงทักทาย “ท่านห้า ท่านมาได้อย่างไรขอรับ”
หยางโฮ่วเฉิงลอบสะกิดแขนฉือชั่น “เฮอะ องครักษ์จินหลินอีกแล้ว”
ฉือชั่นจ้องเจียงอู่ตาไม่กะพริบ ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “เจียงอู่ผู้นี้มิใช่คนดิบดีอะไร น่ารังเกียจเสียยิ่งกว่าเจียงสือซานผู้นั้น”
หยางโฮ่วเฉิงหัวเราะ “พวกองครักษ์จินหลินมีใครบ้างไม่โดนคนชังน้ำหน้า เอาเป็นว่าถ้าเขายุ่งไม่เข้าเรื่องล่ะก็ พวกเราก็ไม่ใช่ผู้ถือศีลกินมังสวิรัติเหมือนกัน”
“ใช่ ด้วยฐานะของถิงเฉวียน อาจทำเรื่องบางเรื่องได้ไม่ถนัด แต่พวกเรากลับไม่เป็นไร” ฉือชั่นพูดเสียงงึมงำ
เขามองคนหลายคนที่อยู่ไม่ไกลนักอยู่ห่างๆ เห็นเด็กสาวซึ่งยังไม่เติบใหญ่เต็มที่ตัวเตี้ยกว่าบุรุษด้านข้างตั้งมาก อดคิดคำนึงไม่ได้ว่า พูดกันถึงเรื่องความสูงแล้ว ข้ากับหลีซานสมน้ำสมเนื้อกันมากกว่าชัดๆ ช่างตาต่ำดีแท้ เด็กสาวโง่เขลาพรรค์นี้ได้มาก็เท่านั้น
“เข้าไปเถอะ” ฉือชั่นกล่าวคำนี้ทิ้งไว้แล้วย่างเท้าไปหาเซ่าหมิงยวน
เจียงอู่เบนสายตาไปทางพวกฉือชั่นที่เดินมา อมยิ้มพลางกล่าวทักทาย “คุณชายฉือ หยางซื่อจื่อ”
แม้เขาจะยิ้มอยู่ แต่ไม่ทำให้คนรู้สึกอบอุ่นดุจสายลมวสันต์แบบเดียวกับเจียงหย่วนเฉา กลับรู้สึกเย็นยะเยือกตรงกลางอก
เซ่าหมิงยวนมองเจียงอู่อย่างพินิจ
ที่แท้เขาคือเจียงอู่นั่นเอง
หลังออกจากแดนเหนือกลับสู่เมืองหลวง เพราะเรื่องเจาเจาถูกชาวต๋าจื่อลักพาตัว เขาจึงมอบหมายให้เซ่าเหลียงเดินทางไปสืบที่เมืองเป่ยติ้งตั้งแต่แรก แม้ว่าตอนนี้การสืบจะคืบหน้าไปค่อนข้างช้า แต่กลับพบเรื่องน่าสนใจเรื่องหนึ่ง
เจียงอู่ผู้นี้เป็นแขกประจำของอิงอิงหญิงคณิกาในเมืองเป่ยติ้งเหมือนกับคนทรยศซูลั่วเฟิงผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา
การค้นพบเรื่องนี้ทำให้เซ่าหมิงยวนไม่อาจไม่คิดมากอย่างช่วยไม่ได้
เจียงอู่เป็นคนสำคัญลำดับต้นๆ ในกององครักษ์จินหลิน กลับไปมาหาสู่กับหญิงคณิกานางหนึ่งอย่างใกล้ชิด แทนที่จะเชื่อว่านี่เป็นแค่ความบังเอิญเท่านั้น เขาอยากเชื่อมากกว่าว่าเจียงอู่ติดต่อส่งข่าวกับซูลั่วเฟิงอย่างลับๆ ผ่านทางหญิงคณิกาผู้นั้น ถึงขั้นที่…หญิงคณิกาผู้นั้นอาจเป็นหูตาของกององครักษ์จินหลินก็ไม่แน่
หากเป็นเช่นนี้การคิดคดทรยศของซูลั่วเฟิงเป็นแผนการของกององครักษ์จินหลิน แล้วคนที่ออกคำสั่งกององครักษ์จินหลินได้มีเพียง…
เซ่าหมิงยวนไม่อยากคิดให้ลึกลงไปอีกขั้น กระนั้นเขาแจ่มแจ้งดีว่าจะต้องสืบหาความจริงให้กระจ่างชัด
เขาตัดสินใจหยั่งเชิงคนตรงหน้าดูสักหน่อย “ใต้เท้าเจียงอุตส่าห์มาทั้งที ก็ตามข้ากลับไปยังที่พำนักดื่มชากันสักถ้วยเถอะ ถึงอย่างไรที่นี่มิใช่ที่ที่เหมาะจะสนทนากัน”
เจียงอู่ค้อมกายเล็กน้อย “เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านโหวเป็นอย่างมาก”