หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 42
ขอน้ำร้อนกาหนึ่ง องครักษ์ข้างรถม้าเดินฝ่าฝนมา ยื่นก้อนเงินเล็กๆ ก้อนหนึ่งให้ผู้ชงชาแล้วกล่าวย้ำ ขอน้ำร้อนนะ ไม่เอาน้ำชา
ผู้ชงชาอึ้งงันไป เขารับก้อนเงินไว้แล้วพยักหน้าหงึกหงัก ได้ขอรับ ท่านโปรดรอสักครู่
เพิงน้ำชานี้อยู่คู่ถนนหลวงมานานปี ผู้ชงชาคุ้นชินกับพวกผู้สูงศักดิ์ คำขอประเภทนี้มินับว่าเกินกว่าเหตุ เมื่อก่อนเคยมีคนอยากซื้อเนื้อรมควันจากเพิงน้ำชานี้ด้วยซ้ำไป
เจียงหย่วนเฉาดื่มน้ำชาด้วยสีหน้านิ่งสนิท เขาเห็นองครักษ์หนุ่มรับกาน้ำชากระเบื้องสีขาวทรงก้นสอบป่องกลางใบหนึ่งจากผู้ชงชาแล้วย้อนกลับไปที่รถม้า มือเรียวเล็กข้างหนึ่งยื่นออกมาทางหน้าต่างรับกาน้ำไปอย่างรวดเร็ว
ม่านผ้าแพรคลี่ลงบดบังสภาพภายในรถม้าไว้
เจียงหย่วนเฉาดึงสายตาคืนมา
องครักษ์หนุ่มตวัดสายตามองเจียงหย่วนเฉาแวบหนึ่งด้วยความฉับไวปานฟ้าแลบ จากนั้นยืนกระซิบบอกตรงข้างหน้าต่างสองสามคำ ไม่อาจจับความได้ถนัดเพราะโดนเสียงฝนกลบไป
ชั่วประเดี๋ยวเดียวม่านผ้าแพรก็ถูกเลิกขึ้น น้ำอ่างหนึ่งถูกสาดออกมาจากข้างในผสมรวมไปกับสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก รถคันนั้นก็ออกแล่นอย่างเนิบนาบอีกคำรบหนึ่ง
ยามหางตาเหลือบเห็นตราสัญลักษณ์หนึ่งตรงจุดที่ไม่เด่นสะดุดตาบนรถม้า มือที่กุมถ้วยน้ำชาไว้ของเจียงหย่วนเฉาชะงักกึก เขารู้ฐานะของคนในรถม้าแล้ว
ที่แท้เป็นองค์หญิงเก้าผู้มีกิตติศัพท์เลื่องลือในด้านโฉมงามพระองค์นั้นนั่นเอง สิ่งของเครื่องใช้ทุกชิ้นของนางจะติดสัญลักษณ์เป็นรูปดอกยวนเหว่ย* ทั้งสิ้น เรื่องนี้เขารู้มาจากเจียงซือหร่านญาติผู้น้องเมื่อหลายปีก่อน
เจียงซือหร่านเป็นดั่งไข่มุกในอุ้งมือของท่านพ่อบุญธรรม แล้วท่านพ่อบุญธรรมก็เป็นบุตรชายของพระนมของฮ่องเต้ที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุด ฉะนั้นเจียงซือหร่านกับองค์หญิงเก้าพระองค์นั้นนับได้ว่าเป็นสหายสนิทกัน
คนที่ได้พบเจอรอบๆ เมืองหลวงล้วนมิใช่สามัญธรรมดาจริงๆ
เจียงหย่วนเฉาดื่มน้ำชาคำสุดท้ายหมด วางเหรียญอีแปะสองสามเหรียญไว้ก่อนก้าวเข้าสู่ม่านฝน
ดูทีว่าเขาคงจากเมืองหลวงนานเกินไป มีเรื่องราวผู้คนมากมายที่ร้างราห่างหายไปหมดแล้ว
ท่ามกลางสายพิรุณ ชายหนุ่มคิดๆ แล้วหันหลังย้อนกลับไปตามทิศทางขามา
ฝนฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้ตกหนักไม่น้อย หลังจากนั้นฟ้าก็ครึ้มเป็นเวลานานสิบกว่าวันติดต่อกัน จวบจนก่อนหน้าวันประสูติของพุทธองค์หนึ่งวัน ฟ้าหลังฝนก็สดใสในที่สุด
กอกล้วยในเรือนฝั่งซ้ายเขียวขจีชุ่มชื่น แตกกิ่งใบแผ่กว้างรอรับสายลมอย่างเฉื่อยชา
เฉียวเจาวางพู่กันลง ลุกขึ้นแล้วย่างเท้าเดินไปข้างหน้าต่างพักผ่อนครู่หนึ่ง นางย้อนกลับไปดูว่าคัมภีร์พระธรรมที่วางบนโต๊ะหนังสือหมึกแห้งแล้วก็เอ่ยสั่งปิงลวี่ เอาพวกนี้ห่อให้เรียบร้อยแล้วส่งไปให้ฮูหยินผู้เฒ่า
หลายวันมานี้ไม่ต้องไปคารวะยามเช้าต่อผู้อาวุโส พวกคุณหนูของทั้งจวนตะวันออกและจวนตะวันตกก็ไม่มีผู้ใดมาหาเรื่อง นางจึงได้อยู่อย่างสงบสุขมาก และคัดลอกพระธรรมจบไปหนึ่งเล่มในเวลาอันสั้น
เจ้าค่ะ ปิงลวี่มองดูคัมภีร์พระธรรมที่คัดลอกเสร็จแล้วอย่างเบิกบานใจเต็มเปี่ยม นางเม้มปากพูดอย่างยิ้มแย้ม คุณหนู ข้ากล้าบอกเลยว่าคุณหนูทุกคนในเมืองหลวงรวมกันยังลายมือสวยสู้ท่านไม่ได้เลย หนนี้นะ คัมภีร์พระธรรมของท่านจะต้องถูกตาต้องใจเหล่าภิกษุชั้นผู้ใหญ่ที่สายตาแหลมคม ถูกส่งไปที่อารามซูอิ่งแน่นอนเจ้าค่ะ
อื้อ ข้าก็รู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน เฉียวเจายิ้มน้อยๆ
ปิงลวี่อ้าปากหวอ น้ำเสียงมั่นใจเต็มที่เช่นนี้ของคุณหนูฟังแล้วทั้งน่าประหลาดใจทั้งสาแก่ใจดีแท้!
คิดอะไรอยู่น่ะ เฉียวเจาเอ่ยถาม
ปิงลวี่ดึงความคิดคืนมา พูดด้วยสีหน้าชื่นบาน ข้านึกไปถึงเรื่องในอดีตเจ้าค่ะ ปีนั้นคุณหนูลอกแบบตัวอักษรของอาจารย์เฉียวมอบให้เป็นของขวัญอวยพรวันเกิดนายท่านใหญ่ของจวนตะวันออก ผลปรากฏว่าโดนคุณหนูรองหัวเราะเยาะ ส่วนคุณหนูใหญ่ถึงปากไม่พูด แต่คงแอบยิ้มย่องในใจเป็นแน่ ยังมีคุณหนูสี่กับคุณหนูหก พวกนางแต่ละคนต่างพากันเห็นคุณหนูเป็นตัวตลก ครานี้ดีล่ะ ตอนนี้คุณหนูฝึกเขียนได้แล้วในที่สุด ดูสิว่าผู้ใดยังจะขบขันคุณหนูได้อีก
ใช่ วันหน้าไม่มีอีกแล้ว เฉียวเจาพูดอย่างสะท้อนใจ นางยื่นมือไปหยิกแก้มปิงลวี่ รีบไปเถอะ พูดมากเสียจริง
ปิงลวี่ทำตาปริบๆ สองแก้มแดงซ่านกะทันหัน คุณหนูชอบปากไม่ตรงกับใจอยู่เรื่อย ทั้งที่ถูกใจคำพูดของนางแท้ๆ
สาวใช้ตัวน้อยเก็บคัมภีร์พระธรรมที่คัดลอกเสร็จแล้วเรียบร้อยก็หันหลังวิ่งออกไป
นางเร่งฝีเท้าวิ่งไปจนถึงเรือนชิงซง เอามือเกาะเสาระเบียงหยุดหอบหายใจน้อยๆ
ชิงอวิ๋นออกจากประตูเห็นเข้าพอดี จึงเอ่ยถามขึ้น ปิงลวี่มาที่นี่ได้อย่างไร
ในโลกนี้ไม่มีกำแพงที่ไร้ช่องลม นับประสาอะไรกับความวุ่นวายที่คุณหนูใหญ่กับคุณหนูรองก่อขึ้นที่เรือนคุณหนูสาม วันนั้นมีพวกบ่าวรับใช้อยู่ในเหตุการณ์ไม่น้อย แม้ว่าเรื่องเกี่ยวกับคุณหนูทั้งสองจะไม่เล่าลือออกไปข้างนอก แต่ก็แพร่กระจายไปในหมู่บ่าวไพร่ในจวนเงียบๆ แต่แรกแล้ว
ด้วยเหตุนี้เอง ชิงอวิ๋นรู้สึกได้รางๆ ว่าคุณหนูสามมิได้สามัญธรรมดาดังเช่นที่แสดงให้เห็นในกาลก่อนแล้ว นางจึงมีท่าทีสุภาพต่อปิงลวี่มากขึ้น
ปิงลวี่ไม่รู้ถึงความคิดในใจของชิงอวิ๋น แต่พักนี้นางเดินไปที่ใดมาที่ใดอยู่ในจวนรู้สึกได้ชัดเจนว่าสะดวกราบรื่นกว่าแต่ก่อน ส่งผลให้อารมณ์แช่มชื่นเบิกบานมาตลอด ครั้นได้ยินวาจานี้ นางก็กล่าวตอบด้วยรอยยิ้มละไม พี่ชิงอวิ๋น คุณหนูของข้าคัดลอกพระธรรมเสร็จแล้ว ข้าถือมาส่งให้ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ
ที่แท้เป็นเรื่องนี้ ข้าเอาเข้าไปให้แทนเจ้าแล้วกัน
ปิงลวี่รีบสั่นศีรษะ ข้าอยากมอบให้ฮูหยินผู้เฒ่าด้วยตนเองเจ้าค่ะ
นางยังอยากได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งพูดชมเชยคุณหนูของนางว่าอย่างไร จะได้กลับไปเล่าให้คุณหนูฟัง ให้คุณหนูได้ดีอกดีใจด้วย
ชิงอวิ๋นฟังแล้วไม่ใคร่พึงใจนัก แต่นางรู้ว่าปิงลวี่เด็กสาวผู้นี้หัวทื่ออยู่บ้างมาแต่ไหนแต่ไร ไม่อยากถือสาหาความด้วยเลยเอ่ยขึ้นว่า อย่างนั้นเจ้าตามข้ามาเถอะ
ตอนปิงลวี่ตามหลังชิงอวิ๋นเข้าไป ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกำลังเอนกายบนตั่งสาวงาม มีสาวใช้หน้าตาหมดจดนางหนึ่งคุกเข่าอยู่ตรงปลายเท้าทุบขาให้อยู่
คารวะฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ เบื้องหน้าเจ้านายผู้มีอาวุโสสูงสุดของจวนตะวันตก ปิงลวี่แสดงคำนับอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งลืมตาขึ้นเห็นว่าเป็นปิงลวี่ หนังตากระตุกทีหนึ่งทันควัน นางไต่ถามอย่างหายใจไม่ทั่วท้อง คุณหนูสามมีเรื่องอะไรอีกแล้วหรือ
ปิงลวี่ได้ยินแล้วเริ่มคับข้องใจแทนผู้เป็นนาย ไฉนฮูหยินผู้เฒ่าใช้คำว่า ‘อีกแล้ว’ ได้เล่า แต่ไรมาคุณหนูของนางไม่ได้ก่อปัญหา แต่เป็นปัญหาต่างหากที่มาก่อกวนคุณหนูชัดๆ
ปิงลวี่ยกกล่องที่บรรจงจัดวางคัมภีร์พระธรรมไว้อย่างบูชาเทินขึ้นสูงๆ กล่าวเสียงกระจ่างใส ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ คุณหนูของข้าคัดลอกพระธรรมเรียบร้อยแล้วสั่งให้ข้านำมามอบให้ ท่านโปรดผ่านตาด้วยเจ้าค่ะ
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งรู้สึกเหนือคาดมากพอดู ถึงแม้นางจะลงโทษหลานเจาให้เก็บตัวอยู่ในเรือนคัดลอกพระธรรม แต่มิได้ตั้งความหวังว่าหลานสาวคนนั้นจะทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย โดยเฉพาะหลังเกิดเรื่องใส่ร้ายป้ายสีกันขึ้น นางก็ไม่เคยคิดมาก่อน นึกไม่ถึงว่าหลานเจาจะคัดเสร็จแล้วโดยไม่มีผู้ใดเห็นเลย
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งส่งสายตากับชิงอวิ๋น
นางรับกล่องจากมือปิงลวี่มามอบให้ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง
อืม กลับไปบอกคุณหนูสามว่าครั้งนี้นางทำได้ไม่เลว ข้าดีใจมาก
ไม่ว่าคัดลอกเป็นอย่างไร ท่าทีนี้ควรค่าแก่การให้กำลังใจ
ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านจะไม่ดูสักนิดหรือเจ้าคะ ปิงลวี่ถามขึ้นด้วยแววตาวาดหวังแรงกล้า
ชิงอวิ๋นอดขึงตาใส่นางไม่ได้ นางเด็กไร้มารยาท บังอาจกล่าววาจากับฮูหยินผู้เฒ่าเยี่ยงนี้เชียวรึ!
พอเห็นสาวใช้น้อยทำสีหน้าตั้งตารอคอย ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งก็นึกขันอย่างช่วยไม่ได้ นางยื่นมือไปเปิดกล่องหยิบคัมภีร์พระธรรมที่คัดลอกเสร็จออกมาเปิดดูอย่างไม่เอาใจใส่พลางกล่าว ขอข้าดู…
ถ้อยคำหลังของหญิงชราชะงักค้างอยู่กลางลำคอ ดวงตาที่มักหรี่ลงครึ่งหนึ่งเป็นนิจศีลเบิกโพลงประหนึ่งเห็นผีก็ไม่ปาน
ชิงอวิ๋นสะดุ้งตกใจ ฮูหยินผู้เฒ่า! ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ
คนเราเมื่อเข้าสู่ในวัยชราแล้วอาจล้มป่วยด้วยเหตุผลบางประการก็บอกไม่ได้แน่นอน ถึงเวลานั้นสาวใช้อาวุโสประจำตัวอย่างนางจะพบบทลงเอยที่ดีได้ที่ใดกัน หรือว่าลายมือของคุณหนูสามน่าเกลียดถึงขึ้นทำให้ตกใจจนเสียขวัญ
ชิงอวิ๋นค้อนใส่ปิงลวี่วงใหญ่ด้วยความโมโหโกรธเกรี้ยว เจ้าเอาอะไรให้ฮูหยินผู้เฒ่าดู…
ครั้นสายตาของชิงอวิ๋นมองไปที่คัมภีร์พระธรรมในมือฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง เสียงพูดของนางก็เงียบหายไปดุจเดียวกัน
เป็นนานครู่ใหญ่กว่าฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งจะตั้งสติได้ นางมองปิงลวี่ด้วยสายตาสับสนอยู่มาก ปิงลวี่ เจ้าใส่ของมาผิดใช่หรือไม่
ไฉนหยิบแบบคัดอักษรของอาจารย์เฉียวที่โด่งดังทั่วแผ่นดินมาได้เล่า
* ดอกยวนเหว่ย (หางเหยี่ยว) หมายถึงดอกไอริส