หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 428
บทที่ 428
เฉียวเจาหน้าแดงก่ำอย่างรวดเร็ว เพราะอะไรในเวลาเช่นนี้เจ้าคนผู้นี้ยังทำสีหน้าจริงจังกล่าวถ้อยคำหน้าไม่อายเฉกนี้ได้
“นั่งลง ข้าใส่ยาให้” เฉียวเจาเฉไฉไม่ตอบ นางชี้เก้าอี้ด้านข้าง
เซ่าหมิงยวนไม่ได้นั่งลง กลับยกมือยึดมือนางไว้ สายตาเปล่งประกายแรงกล้า “ประเดี๋ยวค่อยใส่ยา ข้าจะไปพูดคุยไต่ถามทุกข์สุขกับรองผู้บัญชาการเซียวสักหน่อย”
เขาหมุนกายเดินไปถึงหน้าประตูแล้วหันหน้ามาบอกยิ้มๆ “เจาเจา รอข้านะ”
หลังเขาออกไปในห้องว่างเปล่าเงียบเชียบลงทันใด เฉียวเจานั่งบนเก้าอี้ปล่อยใจล่องลอยไป
ดูเหมือนนางยิ่งมายิ่งไม่รู้ว่าสมควรทำอย่างไรกับเซ่าหมิงยวนดี
นับแต่บุรุษผู้นั้นรู้ตัวตนที่แท้จริงของนาง นับวันจะยิ่งใจกล้ามากขึ้นตามลำดับ ซ้ำยังหน้าหนาขึ้นเรื่อยๆ ท่าทางหมายมั่นปั้นมือของเขาทำให้นางเห็นแล้วอยากทุบเขาเต็มแรงใจจะขาด
เขาถือสิทธิ์อะไร หรือจะบอกว่านางเคยเป็นภรรยาเขา ก็ต้องยึดคติที่ว่ายามอยู่เป็นคนของเขา ยามตายเป็นผีของเขา ต่อให้ยืมศพคืนวิญญาณ นางยังคงต้องเป็นภรรยาเขาด้วยหรือ
ช่างฝันหวานนัก!
ปิงลวี่วิ่งพรวดพราดเข้ามาขัดจังหวะภวังค์ของแม่นางเฉียว
“คุณหนู ชนะแล้วๆ พวกเราชนะแล้ว!” สาวใช้น้อยกระโดดโลดเต้นจนสะบัดเลือดกระเด็นไปเลอะตัวผู้เป็นนาย
เฉียวเจามองอีกฝ่ายนิ่งงัน “…”
ปิงลวี่ชะงักกึก “คุณหนู ข้าไม่ได้ตั้งใจนะเจ้าคะ”
เฉียวเจาถอนใจ “เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องตื่นเต้น ค่อยๆ เล่ามาว่าสถานการณ์ข้างนอกเป็นอย่างไรกันแน่”
“มีทหารมาเยอะแยะล้อมพวกเจ้าเมืองหลี่เอาไว้ คนพวกนั้นยังเอาธนูมาด้วยเจ้าค่ะ เจ้าเมืองหลี่กลายเป็นพวกสวะปลายแถวไปทันทีเลย จริงสิ คุณหนู ตอนนี้เจ้าเมืองหลี่ใกล้จะปากฉีกแล้ว ตลกเหลือเกินเจ้าค่ะ”
“เหตุใดหรือ”
ปิงลวี่ทำสีหน้าเลื่อมใส “ก็เพราะท่านแม่ทัพน่ะสิเจ้าคะ ตอนนั้นเจ้าเมืองหลี่พูดว่าใครบั่นศีรษะท่านแม่ทัพได้จะตกรางวัลให้หมื่นตำลึงเงิน ท่านแม่ทัพของพวกเราเลยพูดว่าใครอุดปากเน่าๆ ของเจ้าเมืองหลี่ได้ก็ตกรางวัลให้หมื่นตำลึงเงินโดยไม่เกี่ยงว่าอยู่ฝ่ายใด”
เฉียวเจาเม้มปาก
ท่านแม่ทัพของพวกเรา? ดูทีว่าหลังประสบผ่านเหตุนี้ สาวใช้ของข้าก็ไปสวามิภักดิ์ต่อเซ่าหมิงยวนเสียแล้ว
ประเดี๋ยวนะ อุดปากเจ้าเมืองหลี่ตกรางวัลหมื่นตำลึงเงิน?
เฉียวเจาโคลงศีรษะ
เจ้าคนล้างผลาญ มีเงินจนไม่รู้จะเอาไปใช้ที่ใดหรืออย่างไร
ปิงลวี่ยังกล่าวหน้าระรื่น “คุณหนู ท่านว่าท่านแม่ทัพฉลาดหรือไม่เจ้าคะ เจ้าหน้าที่ทางการพวกนั้นก็ไม่เบาปัญญา รู้ว่าเอาชีวิตของกวนจวินโหวเป็นเรื่องยาก แต่อุดปากเจ้าเมืองหลี่น่ะง่ายกว่าเป็นกอง ตอนหลังทัพหนุนของพวกเรามาถึง เจ้าหน้าที่ทางการพวกนั้นก็ยื้อแย่งกันเข้าไปอุดปากเจ้าเมืองหลี่ ทั้งผ้าเช็ดเหงื่อเอยผ้าเช็ดหน้าเอย ล้วนเอาออกมาจนหมด ยังมีคนไม่น้อยที่ถอดถุงเท้าเสียเลย…”
เฉียวเจานึกภาพเหตุการณ์นั้นแล้วพลันรู้สึกว่าใช้หมื่นตำลึงเงินนี้ได้คุ้มค่ายิ่งนัก
ปิงลวี่กะพริบตาปริบๆ “พอท่านแม่ทัพเห็นว่าควบคุมสถานการณ์ได้ ท่านเดาดูว่าท่านแม่ทัพทำอะไรเป็นเรื่องแรกเจ้าคะ”
“อะไรหรือ” เฉียวเจาสนใจใคร่รู้เป็นอันมาก
ตอนนั้นนางไม่กล้าทำให้เขาเสียสมาธิ จึงรออยู่ในห้องอย่างสงบเสงี่ยมตามที่เขากำชับ แต่แท้จริงแล้วในใจแสนจะทุรนทุรายด้วยห่วงพะวงเหตุการณ์ด้านนอกอยู่ตลอด
เห็นคุณหนูของตนก็มีเวลาที่โง่เขลาเช่นกัน ปิงลวี่จึงยกมือปิดปากพูดอย่างชอบใจ “เรื่องแรกที่ท่านแม่ทัพทำก็คือกลับมาหาท่านน่ะสิเจ้าคะ”
เฉียวเจาหน้าร้อนซู่ นางกระแอมกระไอเสียงหนึ่งก่อนกล่าว “เลิกเรียกท่านแม่ทัพๆ ไม่ขาดปาก เจ้าเป็นสาวใช้ของข้า ไม่ใช่ของเขา”
“เป็นของใครก็ไม่แตกต่างกันนี่” สาวใช้น้อยพูดเสียงอุบอิบ
“เจ้าว่าอะไร” แม่นางเฉียวปั้นหน้าตึงพลางเอ่ยถาม
ปิงลวี่หาได้เกรงกลัวไม่ ยื่นมือไปดึงแขนเสื้อของนางพลางพูดกลั้วเสียงหัวเราะคิกคัก “คุณหนู ข้าไม่เคยเห็นบุรุษที่เก่งกาจห้าวหาญไร้ใดผู้เทียมทานและฉลาดปราดเปรื่องอย่างท่านแม่ทัพมาก่อน ท่านลองใคร่ครวญรับรักท่านแม่ทัพเถอะนะเจ้าคะ”
สาวใช้น้อยพูดจบก็เผ่นหนีเอาตัวรอดอย่างฉับไวจนหวุดหวิดจะชนกับอาจูตรงหน้าประตู
อาจูที่ยกถ้วยน้ำชาไว้รีบหลบออกด้านข้าง นางโคลงศีรษะก่อนเดินเข้าไป “คุณหนู ดื่มน้ำชงน้ำผึ้งเจ้าค่ะ”
เฉียวเจายกถ้วยน้ำชงน้ำผึ้งขึ้นพลางเหลือบมองสาวใช้
นางไม่ได้สั่งให้อาจูไปชงน้ำผึ้งเสียหน่อย
อาจูเอ่ยอธิบายต่อนางอย่างเข้าใจความหมาย “แม่ทัพเซ่าบอกว่าน้ำผึ้งทำให้จิตใจสงบได้…”
มือของเฉียวเจาที่ถือถ้วยไว้ชะงักไปเล็กน้อย ดังนั้นนี่มิใช่จะบอกว่าสาวใช้สองคนของนางล้วนไปสวามิภักดิ์ต่อท่านแม่ทัพผู้องอาจกล้าหาญมีวรยุทธ์ล้ำเลิศเหนือใครแล้วหรือ
นางหลุบตาลงดื่มน้ำผึ้งคำหนึ่งด้วยสีหน้านิ่งสนิท
น้ำชงน้ำผึ้งมีรสหวานมาก ขับไล่ความวิตกหวาดหวั่นนานัปการที่ทับถมอยู่กลางใจออกไปได้ในพริบตา
น้ำผึ้งมีสรรพคุณกล่อมอารมณ์และช่วยให้นอนหลับ นี่กลับเป็นเรื่องจริง คนผู้นั้นรู้อะไรๆ ไม่น้อยจริงๆ
แม่นางเฉียวกุมถ้วยน้ำชงน้ำผึ้งไว้ด้วยสองมือแล้วเริ่มใจลอย
อาจูยืนก้มหน้าอยู่ข้างๆ อย่างนอบน้อม มิได้รบกวนผู้เป็นนายอย่างรู้กาลเทศะ
เรื่องของเจ้าเมืองหลี่นับว่าคลี่คลายลงแล้ว
เจียงอู่สั่งให้องครักษ์จินหลินคุมตัวเจ้าเมืองหลี่เข้าเมืองหลวงในความผิดฐานสมคบคิดกับโจรเร่ร่อนก่อความเดือดร้อนให้ราษฎรพร้อมหลักฐานแน่นหนา ต้องโดนตัดสินโทษประหารชีวิตอย่างหนีไม่พ้น ถึงแม้ผู้หนุนหลังเขาจะเป็นต้นไม้ใหญ่เฉกสมุหราชเลขาธิการหลันซาน ทว่าหนนี้ก็สุดปัญญาจะคุ้มหัวเขาได้อีกต่อไป
แน่นอนว่าบทลงเอยของพวกลูกสมุนของเจ้าเมืองหลี่อย่างที่ปรึกษาของเขารวมถึงนายอำเภอจยาเฟิงก็มิได้ดีไปกว่ากัน ทั้งหมดถูกองครักษ์จินหลินจับขึ้นเกวียนลำเลียงกรงขังนักโทษคุมตัวเข้าเมืองหลวงเช่นเดียวกัน
หน่วยองครักษ์ที่ต่อสู้กับพวกทหารในคืนนั้นหายตัวไปเงียบๆ ดังเดิมราวกับไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน คนที่หายตัวไปด้วยยังมีองครักษ์ฝีมือสูงส่งของเจ้าเมืองหลี่นามว่าหลิวหู่ซึ่งเป็นคนที่ลงมือกับชาวสกุลเฉียว
ยามก้าวออกจากประตูทางเข้าเรือนของหญิงขายเต้าหู้ เฉียวเจาได้กลิ่นคาวโลหิตที่ดูเหมือนยังไม่จางหายไปแล้วถอนใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง
ความสุขสงบนั้นหาได้ยาก แต่การทำลายมันกลับเป็นเรื่องง่ายดายเสียเหลือเกิน
เห็นทีว่าคนในหมู่บ้านไป๋อวิ๋นต้องอยู่กันอย่างหวาดผวาไปอีกเวลานาน
“ถ้าพวกเรามุ่งหน้าลงใต้ต่อไปล่ะก็ จะไม่สามารถประจานความชั่วร้ายที่เจ้าเมืองหลี่ได้กระทำกับชาวสกุลเฉียวของข้าได้ทันทีแล้ว” เฉียวเจากล่าวทอดถอนใจ
แม้ว่าพวกนางจะมีพยานหลักฐานอยู่ในมือ แต่เซ่าหมิงยวนไม่กลับเมืองหลวง ความจริงที่เกี่ยวกับเหตุไฟไหม้เรือนสกุลเฉียวก็ไม่อาจเปิดเผยให้รู้กันทั่วได้ในตอนนี้
เซ่าหมิงยวนยกมือแตะเรือนผมของนางเบาๆ แล้วลดมือลงอย่างรวดเร็ว เขากล่าวปลอบนางว่า “อย่าใจร้อน เจ้าเมืองหลี่ถูกองครักษ์จินหลินคุมตัวเข้าเมืองหลวงต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง หลังจากไปถึงยังต้องผ่านการไต่สวนของสามตุลาการ ถึงจะปิดคดีและนำตัวเข้าคุกหลวง กว่าจะประหารชีวิตก็ต้องรอฤดูใบไม้ร่วงปีหน้า เขาหนีความผิดที่กระทำไว้กับสกุลเฉียวไม่พ้นหรอก”
เฉียวเจาพยักหน้า “ข้าเข้าใจดี สกุลเฉียวประสบเภทภัยร้ายแรงในครานี้มีต้นเหตุมาจากแม่ทัพคั่งวอสิงอู่หยาง ไม่มีเรื่องที่เขายักยอกเบี้ยหวัดทหารและขุนนางกับโจรสมคบคิดกันก็จะไม่มีสมุดบัญชีสองเล่มนั้น ชาวสกุลเฉียวคงไม่ต้องจบชีวิตโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่เช่นนี้ กระนั้นต้นตอที่แท้จริงยังคงเป็นหลันซานสมุหราชเลขาธิการคนปัจจุบัน พวกเจ้าเมืองหลี่เป็นเพียงผู้ร่วมก่อกรรมทำชั่ว”
จะเป็นสิงอู่หยางก็ดี หรือหลันซานก็ดี พวกเขากระทำความผิดต่อสกุลเฉียวมากกว่าเจ้าเมืองหลี่มากมายนัก การกำจัดผู้ที่เป็นคนลงมืออย่างเจ้าเมืองหลี่เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น ส่วนสิงอู่หยางกับหลันซาน ช้าเร็วนางต้องคิดบัญชีนี้กับพวกเขาทีละคน
ด้วยเหตุนี้การเดินทางสู่ทิศใต้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ มีเพียงไปถึงที่นั่นและเสาะหาหลักฐานยืนยันว่าแถบชายทะเลตกอยู่ในสถานการณ์วุ่นวาย โอรสสวรรค์ผู้ฝักใฝ่ชีวิตอมตะพระองค์นั้นถึงยอมให้ความสำคัญโดยไม่กลัวปัญหายุ่งยาก คนในครอบครัวของนางจึงจะได้รับความเป็นธรรม
“แม่ทัพเซ่าพักรักษาตัวอีกสองสามวัน พวกเราค่อยออกเดินทางเถอะ”
เซ่าหมิงยวนหลุบตาลงมองเด็กสาวข้างกายโดยไม่เอื้อนเอ่ยวาจา
เฉียวเจาเหลือบตาขึ้น “มีอะไรหรือ”
เขาถอนหายใจยาวเหยียดเฮือกหนึ่ง “เมื่อคืนเจาเจาเรียกข้าว่าพี่เซ่าแท้ๆ ไฉนเพิ่งหลับไปตื่นเดียวก็เปลี่ยนไปแล้ว”
แม่นางเฉียวกลอกตาขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
พอกันที ท่าทางเหมือนถูกคนหลอกลวงทิ้งขว้างเช่นนี้ของเขาไปหัดมาจากที่ใดกันแน่