หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 437
บทที่ 437
เมื่อมีเฉินกวงมาช่วย เซ่าหมิงยวนเบาแรงขึ้นไม่น้อยทันใด ทั้งคู่ออกรบที่แดนเหนือมานานจึงเข้าขากันได้ดีแต่แรก พวกเขาร่วมมือกันจัดการชาววอโค่วได้อย่างรวดเร็วมาก
ศพของชาววอโค่วนอนเกลื่อนพื้นเป็นวงรอบตัว บุรุษที่ยืนอยู่ตรงกลางถือดาบยาวเปื้อนเลือดในมือ หันศีรษะมองไปทางหน้าต่างเป็นอันดับแรก
เด็กสาวข้างในหน้าต่างถือธนูในมือสบตากับบุรุษที่นอกหน้าต่าง
ชั่วขณะที่ประสานสายตากันนั้นเนิ่นนานราวกับชั่วกัปชั่วกัลป์
แม่ทัพหนุ่มในเสื้อคลุมยาวอาบย้อมด้วยโลหิตเผยรอยยิ้มสดใสกับนาง
จิตใจของเฉียวเจาผ่อนคลายลงโดยพลัน นางลดคันธนูลงช้าๆ
เสี้ยวเวลานี้ความรู้สึกพะอืดพะอมหลังสังหารคนถั่งโถมเข้ามาเกาะกุมใจ
นางมีความจำเป็นเลิศ เห็นผ่านตาไม่ลืม ตอนที่ยิงธนูดอกนั้นออกไป แม้กระทั่งวิถีที่มันลอยพุ่งไปนางยังจดจำได้อย่างชัดเจน ยิ่งไม่มีทางลืมเลือนทุกๆ สีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปของนายตำบลหลังจากลูกธนูปักเข้ากลางอกได้
แววตาไม่อยากจะเชื่อของเขากับสีหน้าที่เหยเกด้วยความเจ็บปวดทรมาน รวมถึงเลือดสีแดงฉานที่ไหลทะลักออกมาตรงหน้าอก นางคงลืมไม่ลงตลอดชาตินี้
ทว่านางมิได้รู้สึกเสียใจภายหลัง
สหายที่นางห่วงใยอาทรอยู่รอดปลอดภัยได้ ต้องมีบาปติดตัวจากการสังหารคนแล้วจะเป็นไรไปหรือ
เหนือสิ่งอื่นใดเดิมทีคนผู้นี้ก็สมควรตายอยู่แล้ว!
ดวงตาของเฉียวเจาทอประกายกร้าววูบหนึ่ง
เซ่าหมิงยวนมองเห็นกับตาก็รู้สึกสงสารเห็นใจนาง เขาถือดาบยาวย่างเท้าหนึ่งก้าว
เขาเดินหนึ่งก้าว ชาวบ้านที่ล้อมอยู่รอบด้านก็ถอยหลังก้าวหนึ่งทันที ต่างมองเขาอย่างงงงัน
ชาววอโค่วที่มาก่อกรรมทำเข็ญตายแล้ว นายตำบลก็ตายแล้ว เช่นนั้นพวกเขาสมควรทำประการใด
เซ่าหมิงยวนไม่เหลือบแลคนพวกนี้สักแวบเดียว เขาถือดาบยาวเดินด้วยฝีเท้าเป็นจังหวะไปทางหน้าประตู
โลหิตสีแดงฉานไหลหยดลงมาตามใบดาบ เป็นของพวกชาววอโค่วที่จบชีวิตใต้คมดาบและของตัวเขาเองด้วย
ชาวบ้านทั้งหลายถอยออกเปิดทางให้โดยไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มก้าวเข้าประตูร้านสุรา พยักหน้ากับฉือชั่นและหยางโฮ่วเฉิง
“ไม่เป็นไรมากกระมัง” หยางโฮ่วเฉิงถามไถ่
“ไม่เป็นไร” เซ่าหมิงยวนยกมือขึ้นจะตบไหล่อีกฝ่าย แต่ฝ่ามือที่เป็นแผลเหวอะหวะเลือดโชกทำให้เขาหยุดชะงักไปเล็กน้อยก่อนลดมือลงเงียบๆ
หยางโฮ่วเฉิงหน้าเสีย “ถิงเฉวียน มือเจ้าเป็นถึงเพียงนี้แล้วยังบอกว่าไม่เป็นไรอีกหรือ”
เขาหันไปตะโกนเสียงดัง “คุณหนูหลี! บาดแผลที่มือถิงเฉวียนลึกมาก ท่านรีบทำแผลให้เขาทีเถอะ”
เซ่าหมิงยวนขึงตาใส่อีกฝ่ายเป็นเชิงตักเตือน ก่อนจะรีบเดินไปหาเด็กสาวที่สาวเท้าเร็วรี่เข้ามา เขาส่งยิ้มน้อยๆ ให้นางพลางเอ่ย “ข้าไม่เป็นไร อย่าไปฟังฉงซานพูดจาส่งเดช”
“ไปห้องส่วนตัว ข้าจะทำแผลให้ท่าน” เฉียวเจามองเขาอย่างพินิจครู่หนึ่งค่อยหันหลังเดินลิ่วๆ ไปทางห้องส่วนตัวที่มีอยู่เพียงห้องเดียว
เซ่าหมิงยวนตามนางไปเงียบๆ
ด้านเฉินกวงตาไวเห็นเยี่ยลั่วจะตามเข้าไปก็รีบดึงเขาไว้อย่างรวดเร็วพร้อมกระซิบพูด “รู้กาลเทศะสักนิดได้หรือไม่”
เยี่ยลั่วทำหน้างุนงง “คุณหนูทำแผลให้ท่านแม่ทัพ เหตุใดข้าเข้าไปไม่ได้”
“เจ้าจะเข้าใจอะไร” เฉินกวงมองเขาทางหางตาอย่างอ่อนใจ
แค่ทำแผลที่มือรึ อย่าไร้เดียงสาไปหน่อยเลย คุณหนูหลีเห็นบาดแผลตรงฝ่ามือท่านแม่ทัพสาหัสถึงเพียงนั้น น่าสงสารปานใด ไม่แน่ว่าอาจจะปวดใจจนกอดท่านแม่ทัพร้องห่มร้องไห้ก็เป็นได้นะ
มีคนอื่นอยู่ด้วย ถ้าเกิดนางไม่ร้องไห้แล้วจะทำอย่างไร ท่านแม่ทัพจะไม่ขาดทุนหรือ
เฉินกวงกำลังลอบกระหยิ่มยิ้มย่องกับความฉลาดหัวไวของตน เสียงเรียบเฉยของท่านแม่ทัพก็ดังมาจากด้านในห้องส่วนตัว “เฉินกวง เข้ามา”
เฉินกวงเบิกตากว้างกะทันหัน
เพราะอะไรให้ข้าเข้าไปเล่า ข้าไม่อยากเข้าไป!
มาตรว่าสารถีน้อยจะบ่นอุบในใจ แต่ยังคงเดินเข้าไปแต่โดยดี
“ท่านแม่ทัพมีสิ่งใดจะสั่งกำชับหรือขอรับ”
เซ่าหมิงยวนนั่งเป็นสง่าอยู่บนเก้าอี้ กล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “คุกเข่าลง”
เฉินกวงคุกเข่าลงโดยไม่อิดออด เขาเหลือบตาขึ้นมองเซ่าหมิงยวนอย่างฉับไว เห็นผู้เป็นนายทำหน้าปึ่งชา แพขนตาของเขาก็กระตุกริกอย่างห้ามไม่อยู่
แย่แล้ว ท่านแม่ทัพโมโหแล้ว ผลที่ตามมาต้องร้ายแรงมากแน่!
“เฉินกวง ข้าสั่งเจ้าไว้เช่นไร”
เฉินกวงก้มหน้าลงกล่าวตอบอย่างซื่อตรง “ท่านแม่ทัพสั่งให้ข้าเฝ้าอยู่หน้าประตูร้านสุราขอรับ”
“แล้วเจ้าอยู่ที่ใดเล่า”
“ข้าผิดไปแล้ว ข้ามีความผิด ท่านแม่ทัพโปรดลงโทษสถานหนัก”
เซ่าหมิงยวนเลิกคิ้วสูง เจ้าคนผู้นี้รู้จักกลยุทธ์ถอยเพื่อรุกตั้งแต่เมื่อไร นึกว่าทำเช่นนี้แล้วเขาจะหักใจลงโทษไม่ได้หรือ
“ออกมาอยู่ต่างถิ่นมีภัยอันตรายนานัปการ ข้าจะไม่ลงโทษเจ้าอย่างอื่น ก็ปรับเงินหนึ่งพันตำลึงเถอะ” แม่ทัพหนุ่มกล่าวเสียงเอื่อยๆ
“ปรับเงินหนึ่งพันตำลึง?” เฉินกวงหน้าซีดเผือดทำท่าจะล้มมิล้มแหล่ นานครู่หนึ่งถึงเปล่งเสียงพูดคำหนึ่งด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหยโรยแรง “ท่านแม่ทัพ ท่านตีข้าตายยังดีเสียกว่าขอรับ”
เงินสินสอดที่เขาอุตส่าห์เก็บหอมรอมริบอย่างยากลำบากหายวับไปเช่นนี้เอง นี่มิใช่จะเอาชีวิตของเขาหรอกหรือ
องครักษ์น้อยเงยหน้าขึ้นมองท่านแม่ทัพอย่างมีความหวังรำไร กลับเห็นดวงตาสีดำสนิทลุ่มลึกของเขาฉายแววเย็นชาดุจน้ำแข็งก็สะท้านเยือกในอกทันใด
จบกันๆ ท่านแม่ทัพโมโหแล้วจริงๆ
“ไม่มีให้เลือกว่าจะตีเจ้าตายหรือไม่ ข้ากำลังใคร่ครวญระหว่างปรับเงินเจ้าหนึ่งพันตำลึงหรือสองพันตำลึงดี” ท่านแม่ทัพกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เฉินกวงร่ำไห้แทบเป็นสายเลือด “หนึ่งพันตำลึง ข้าเลือกหนึ่งพันตำลึงขอรับ”
“เอาล่ะ คราวหน้าทำผิดอีกจะไม่ละเว้นโดยง่ายแน่นอน ออกไปเถอะ”
เมื่อเฉินกวงเดินออกไปอย่างโศกาอาดูร ท่าทางมึนตึงของแม่ทัพหนุ่มเปลี่ยนไปทันที เขาเรียกขานเสียงนุ่ม “เจาเจา”
“ยื่นมือออกมา ข้าขอดูหน่อย” เมื่อครู่เห็นเซ่าหมิงยวนอบรมสั่งสอนผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่ เฉียวเจามิได้สอดปากพูด
คำสั่งต้องเป็นคำสั่ง เป็นบารมีที่แม่ทัพซึ่งถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติผู้หนึ่งพึงมีอยู่แต่เดิม ถึงแม้การกระทำของผู้ใต้บังคับบัญชานั้นเป็นความหวังดีต่อผู้บังคับบัญชาก็จะเห็นชอบกับพฤติกรรมเฉกนี้มิได้
ถึงอย่างไรไม่มีผู้ใดรับรองได้ว่าการทำโดยพลการ แล้วผลลัพธ์จะออกมาดีเสมอไป
แต่เซ่าหมิงยวนน่าจะเป็นคนที่แบ่งแยกเรื่องให้รางวัลกับลงโทษเป็นคนละส่วนกัน เฉินกวงไม่เชื่อฟังคำสั่งโดนปรับเงินหนึ่งพันตำลึง แต่เขาทุ่มสุดกำลังสังหารข้าศึกกลับสมควรให้รางวัล นางชักสนใจใคร่รู้ว่าเซ่าหมิงยวนจะทำอย่างไรต่อ
ขณะที่ความคิดพวกนี้ผุดขึ้นในหัวเฉียวเจา สายตาของนางหยุดอยู่ที่สองมือซึ่งยื่นออกมาของชายหนุ่มแล้วนิ่งขึงไปทันควัน
เพียงเห็นมือที่มีผิวด้านแข็งเป็นจุดๆ คู่นั้นเลือดไหลเกรอะกรัง รอยแผลจากคมดาบพาดเป็นแนวโค้งอยู่ตรงกลางอุ้งมือเปิดกว้างจนเห็นไปถึงเนื้อชั้นใน
“อาจู ปิงลวี่ พวกเจ้าเข้ามาสิ!” เฉียวเจาสะกดอารมณ์ที่ไหวสะเทือนไว้แล้วตะเบ็งเสียงเรียก
สาวใช้ทั้งสองเดินเข้ามาอย่างว่องไว
“ปิงลวี่ เจ้าไปขอน้ำร้อนจากเสี่ยวเอ้อร์ในร้านสุรา อาจู เจ้าเรียกเยี่ยลั่วกลับไปที่เรือกับเจ้าแล้วหยิบผ้าโปร่งบางกับยาขี้ผึ้งมา”
ในถุงผ้าปักที่นางพกติดกายไว้เก็บพวกหยูกยาได้จำนวนน้อย ซึ่งใช้หมดไปแล้วเมื่อครู่นี้ตอนทำแผลให้องครักษ์จินอู๋หลายคน มือเซ่าหมิงยวนเป็นแผลลึกถึงเพียงนี้ จำเป็นต้องกลับไปเอายาที่เรือ
ดีที่ท่าปากทะเลเป็นเมืองเล็กๆ จากที่นี่ถึงเรือใช้เวลาไปกลับไม่ถึงสองเค่อยังนับว่าสะดวกดี
สองสาวใช้แยกกันไปทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายโดยไม่รอช้า
ปิงลวี่ยกน้ำร้อนมาอย่างรวดเร็ว เฉียวเจาล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาลวกในน้ำร้อนก่อนจะเริ่มล้างแผลให้เขาอย่างเบาไม้เบามือ
น้ำในอ่างล้างหน้ากลายเป็นสีแดงในเวลาสั้นๆ
“เปลี่ยนน้ำ”
ต้องเปลี่ยนน้ำเช่นนี้ถึงสามครั้ง ฝ่ามือใหญ่คู่นั้นของชายหนุ่มถึงสะอาดสะอ้านขึ้น แต่ก็เพราะเหตุนี้จึงเผยให้เห็นบาดแผลน่ากลัวตรงอุ้งมือชัดเจนยิ่งขึ้น
คนอื่นเห็นแล้วยังรู้สึกเจ็บแทน
ระหว่างที่รอผ้าโปร่งบางกับยาขี้ผึ้งมาถึง เฉียวเจาเอ่ยถามเขาอย่างห้ามใจไม่อยู่ “คงเจ็บมากกระมัง”
แผลใหญ่อย่างนี้เขากลับมีสีหน้าเป็นปกติโดยตลอด เนื้อหนังเป็นเหล็กหรืออย่างไร
พอเห็นแววกังวลในดวงตาเด็กสาว เซ่าหมิงยวนพลันหวนนึกไปถึงตอนอยู่บนภูเขาร้างที่พำนักของนักชันสูตรเฉียน ฉือชั่นโดนผึ้งต่อยที่ตา แกล้งทำตัวน่าสงสารเรียกร้องความสนใจจากเจาเจาได้ไม่น้อย
แม่ทัพหนุ่มตัดสินใจพยักหน้าโดยไม่ลังเล “เจ็บ”