CatNovel
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 439

  1. Home
  2. หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม
  3. บทที่ 439
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

บทที่ 439

ฉือชั่นยกสองมือกอดอก แค่นยิ้มกับชายชราที่กล่าววาจา “ชาววอโค่วมาแก้แค้น แล้วมันกงการอะไรของพวกข้าเล่า”

“พวกท่าน…พวกท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไร หากมิใช่พวกท่านสังหารชาววอโค่วพวกนี้ ไหนเลยจะส่งผลให้ชาววอโค่วมาแก้แค้น” ชายชราพูดอย่างตัวสั่นงันงก

คนต่างถิ่นพวกนี้น่ากลัวเหลือเกิน แต่ตอนนี้นายตำบลตายไปแล้ว คนอื่นไม่กล้าพูดอะไร แต่เขาไม่พูดไม่ได้ เขายังมีหลานชายที่ต้องอยู่รอดต่อไปอีกตั้งหลายคน

ฉือชั่นกล่าวเยาะๆ อีกครา “ท่านผู้เฒ่า ท่านมิสู้พูดมาตามตรงว่าเพราะอะไรพวกข้าไม่มอบตัวสตรีที่เดินทางมาด้วยกันให้ หากเมื่อครู่ส่งพวกนางไปให้ชาววอโค่วก็สิ้นเรื่องแล้วมิใช่หรือ”

ทั้งที่เขาเอ่ยถ้อยคำนี้อย่างประชดประชัน ทว่าคนจำนวนมากที่รุมล้อมพวกเขาไว้กลับเผยสีหน้าเห็นด้วย

ฉือชั่นโกรธจัด “ฉะนั้นล้วนเป็นความผิดของคนอื่น พวกเจ้าไม่ผิดเลยสินะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถึงอย่างไรคนที่ชาววอโค่วจะมาแก้แค้นคือพวกเจ้า หาใช่พวกข้าสักหน่อย พวกเจ้าจะเป็นตายร้ายดีก็ช่าง ไม่เกี่ยวกับพวกข้า”

หยางโฮ่วเฉิงตบไหล่ฉือชั่น “สือซี ไม่ต้องพูดกับคนพวกนี้แล้ว พวกเขาไม่นับเป็นคนด้วยซ้ำ”

ฉือชั่นเม้มปาก พูดกับคนพวกนี้เป็นการเปลืองน้ำลายจริงๆ “พวกเราไปเถอะ”

ฉือชั่นยื่นมือผลักชายชราออกไปแล้วสาวเท้าก้าวใหญ่ออกเดินไปข้างหน้าทันที

พอเห็นคนต่างถิ่นเหล่านี้มุ่งหน้าไปทางท่าเรือโดยไม่สนใจไยดีสักน้อยนิด พวกชาวบ้านก็ตามหลังไปติดๆ ใบหน้าชืดชาฉายแววสิ้นหวังเต็มเปี่ยม

ชายชราแข็งใจผลักหลานชายตัวน้อยสองคนไปตรงหน้าพวกเฉียวเจา เขาคุกเข่าดังตุบแล้วโขกศีรษะ “ท่านผู้กล้าทั้งหลาย พวกท่านไปไม่ได้นะขอรับ หากพวกท่านไปแล้ว ชาววอโค่วไม่มีทางละเว้นพวกข้า ตาแก่อย่างข้าตายไปก็ไม่มีอะไร ท่านผู้กล้าทั้งหลายได้โปรดเวทนาหลานชายข้าด้วย พวกเขายังเด็กแค่นี้…”

เด็กน้อยสองคนถูกผลักไปอยู่เบื้องหน้าคนกลุ่มใหญ่ จึงร้องไห้จ้าด้วยความตกใจทันทีโดยที่พวกผู้ใหญ่ไม่ต้องทำอะไร

พวกเฉียวเจาชะงักฝีเท้า

บรรดาชาวบ้านเห็นดังนั้นก็รีบคุกเข่ากับพื้นเรียงกันเป็นแถว เปล่งเสียงพูดอ้อนวอน “พวกท่านไปไม่ได้นะ ไปไม่ได้นะ…”

พวกเฉียวเจาพากันทำสีหน้าบูดบึ้งสุดจะเปรียบ

หยางโฮ่วเฉิงเบนหน้ามององครักษ์จินอู๋สองคน

พวกเขาหามศพของพี่น้องที่สิ้นชีพตอนต่อสู้กับชาววอโค่วก่อนหน้านี้ไม่นานผู้นั้นไว้

ก่อนลงเรือทุกคนล้วนยังดีๆ อยู่ แต่ว่าพริบตาเดียวก็มีพี่น้องคนหนึ่งจากไปอย่างนี้แล้ว ส่วนคนอื่นเลือดตกยางออกไปตามๆ กันโดยเฉพาะถิงเฉวียน ก็เพราะคนพวกนี้เป็นตัวการทำให้เขาต้องบาดเจ็บ

บัดนี้คนเหล่านี้กลับคุกเข่าเหนี่ยวรั้งพวกเขาไว้

ขอให้พวกเขารั้งอยู่ที่นี่ทำอะไรเล่า แน่นอนว่ารอเมื่อชาววอโค่วมาถึงจะได้ส่งพวกเขาไปรับหน้า

หยางโฮ่วเฉิงคิดเรื่องพวกนี้ก็ทำหน้าบึ้งตึง ทว่าคนที่คุกเข่าอยู่ตรงข้างเท้า นอกจากผู้ใหญ่ที่สีหน้าชืดชาแล้วยังมีเด็กน้อยไม่รู้ประสีประสา

เขาสองจิตสองใจเสียแล้ว พอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีก็อดหันไปมองฉือชั่นไม่ได้ แต่กลับเห็นสหายรักที่มักทำท่าเอื่อยเฉื่อยเป็นนิจก็ทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้างเหมือนกันยามเผชิญกับเด็กน้อยร้องไห้งอแง

ใช่สินะ กับผู้ใหญ่อาจเมินเฉยได้ แต่กับเด็กไร้เดียงสา ใครเล่าจะไม่รู้สึกสงสารเวทนาแม้แต่น้อยนิด

หยางโฮ่วเฉิงอ้าปากออก “ถิงเฉวียน สือซี พวกเราสมควรทำเช่นไรดี”

สีหน้าของฉือชั่นฉายอารมณ์สับสนแปรปรวน นานครู่หนึ่งถึงเอ่ยเรียบๆ “พวกเจ้าตัดสินใจเถอะ”

หยางโฮ่วเฉิงเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ คนอื่นอาจไม่เข้าใจสหายรัก แต่เขาเข้าใจเป็นอย่างดี สือซีกล่าวเช่นนี้จริงๆ แล้วคือตกลงจะรั้งอยู่ที่นี่กลายๆ “ถิงเฉวียน เจ้าว่าอย่างไร”

เซ่าหมิงยวนมองไปทางชายชรา “การคุ้มครองพวกเจ้าพึงเป็นหน้าที่ของทหารประจำการและที่ว่าการท้องถิ่น”

ชายชราเช็ดน้ำตา “แต่ที่ว่าการก็จนปัญญาแล้ว ชาววอโค่วพวกนั้นร้ายกาจเหลือเกิน เจ้าหน้าที่สี่ห้าคนยังสู้ชาววอโค่วคนเดียวไม่ได้”

“สี่ห้าคนยังสู้ชาววอโค่วคนเดียวไม่ได้ เช่นนั้นสิบกว่าคนหรือหลายสิบคนเล่า” เซ่าหมิงยวนเอ่ยถามอย่างสงบนิ่ง

หยางโฮ่วเฉิงประหลาดใจมากขึ้น เขานึกว่าในบรรดาพวกเขาสามคน เซ่าหมิงยวนคือคนที่พูดง่ายที่สุด

คำถามของเขาทำให้ชายชราพูดไม่ออก

นัยน์ตากระจ่างใสทั้งคู่ของแม่ทัพหนุ่มมองกวาดหมู่คนที่คุกเข่ากับพื้น เขากล่าวเสียงราบเรียบ “ถ้าเมื่อครู่นี้พวกเจ้าขว้างก้อนหินใส่ชาววอโค่วพวกนั้น ข้าคงจะมีเหตุผลที่รั้งอยู่ต่อ”

อันว่าคนใจอ่อนไม่พึงคุมทัพ แต่ไรมาเขาไม่ได้เป็นคนดีพร่ำเพรื่อ

เขาดึงสายตากลับ ผงกศีรษะเล็กน้อยกับหยางโฮ่วเฉิงและฉือชั่นพร้อมบอกเสียงขรึม “พวกเราไปเถอะ”

เมื่อหายจากความประหลาดใจในทีแรก ทั้งสองก็ตามไปเงียบๆ

พวกเขาย่อมต้องเคารพการตัดสินใจของสหายรักแน่นอน

“คุณหนูๆ ขอร้องท่านล่ะ พวกท่านไปไม่ได้นะ” ชายชราฉุดตัวหลานชายมาตรงหน้าเฉียวเจา เพราะรีบร้อนเกินไปทำให้เด็กล้มลงตรงข้างเท้านาง

เฉียวเจาชะงักฝีเท้า

เซ่าหมิงยวนหยุดเดินแล้วหันหน้าไปสบตากับนาง เจาเจา เจ้าอยากให้ข้าอยู่หรือไม่ หากเจ้าเอ่ยปากข้าก็จะอยู่

นางก้มลงพยุงเด็กน้อยลุกขึ้น ปัดฝุ่นบนตัวเขาออกแล้วพาไปให้ชายชราพลางบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้ารั้งอยู่ที่นี่มีประโยชน์แค่ให้พวกท่านส่งตัวไปให้ชาววอโค่ว แล้วพวกพ้องของข้าก็ตัดสินใจแล้ว”

คนที่ต่อกรชาววอโค่วได้มีแต่เซ่าหมิงยวน นอกจากตัวเขาเองเต็มใจ ผู้อื่นอาศัยอะไรขอให้เขาอยู่ต่อ

เฉียวเจาก้าวผ่านชายชราเดินไปอยู่ข้างกายเขา

เซ่าหมิงยวนยิ้มน้อยๆ “ไปเถอะ”

ท่ามกลางเสียงวิงวอนดังระงมของพวกชาวบ้าน กลุ่มของเฉียวเจามาถึงท่าเรือแล้วลงเรือแล่นออกไปยังท้องทะเลกว้างใหญ่ทีละน้อย

“รู้สึกว่าข้าใจร้ายหรือไม่” เซ่าหมิงยวนซึ่งยืนพิงราวรั้วอยู่เอ่ยถามเฉียวเจา

เขาไม่แยแสว่าคนอื่นจะคิดเช่นไร แต่กลับใส่ใจความคิดเห็นของคนตรงหน้าเพียงผู้เดียว

ชายหนุ่มชำระกายผลัดอาภรณ์เป็นชุดสีน้ำเงินใกล้เคียงกับน้ำทะเลอย่างมาก ใต้แสงสนธยาแววตาเขาเป็นประกายพราวระยับดุจผืนห้วงสมุทรที่หยั่งความลึกไม่ถึง

“ไม่หรอก” เด็กสาวเปล่งเสียงพูดสองคำนี้อย่างปราศจากความลังเลใดๆ จนเหนือความคาดหมายของเซ่าหมิงยวน

ชั่วขณะนั้นจิตใจที่ลอบหวาดหวั่นกังวลของเขาก็สงบลง

เขารู้ว่าสตรีผู้นี้ถือดีเกินกว่าจะพูดโกหก นางบอกว่าไม่ก็คือไม่

“อุ้มชูมิอาจเรียกใช้ เอ็นดูมิอาจสั่งการ ผิดวินัยไม่ลงทัณฑ์ เปรียบดั่งบุตรบังเกิดเกล้า นี่คือทหารที่ใช้ทำศึกมิได้” เฉียวเจามองบุรุษตรงหน้าพลางคลี่ยิ้ม “คนใจอ่อนไม่พึงคุมทัพ ข้าเชื่อว่าท่านนำทัพมานานย่อมต้องตัดสินใจได้ถูกต้องที่สุด”

เซ่าหมิงยวนเพ่งมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยสายตาแรงกล้า

จบกัน ข้าอยากจูบเจาเจาอีกแล้วจะทำอย่างไรดี

ชายหนุ่มพบว่ายิ่งอยู่ใกล้ชิดเจาเจามากขึ้นความสามารถในการควบคุมตัวของเขายิ่งถดถอยลง เขาชักเป็นห่วงว่าจะอดทนถึงวันแต่งงานไม่ไหว

สตรีผู้นี้คือสมบัติที่สวรรค์ประทานแก่เขา ให้เขารู้สึกว่าความทุกข์ยากลำบากที่เคยได้รับในอดีตเหล่านั้นคุ้มค่าแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ประสบพบเจอมาล้วนแล้วแต่เพื่อรอเวลานี้ เวลาที่เขากลายเป็นบุรุษซึ่งยืนหยัดท้าฟ้าดินไม่ต้องดูสีหน้าผู้ใด ให้เขามีความสุขุมหนักแน่นยามได้พานพบกับนาง

เฉียวเจาถอยหลังก้าวหนึ่งอย่างตื่นตัวระวังภัย เขาทำสายตาอย่างนี้คิดจะทำอะไรกันแน่

ครั้งนี้เซ่าหมิงยวนไม่ได้อาศัยความหน้าหนาทำเรื่องเหลวไหล เขาพิงราวรั้วทอดสายตามองท่าปากทะเลที่ไกลออกไปเรื่อยๆ พลางพูดเสียงเบา “ชาววอโค่วพวกนั้นน่าจะเป็นโจรเร่ร่อนที่ทำการใหญ่ไม่ได้ คงไม่มีสมัครพรรคพวกแน่”

ไม่ว่าจะทำเรื่องใดๆ เขามักเตรียมการอย่างรัดกุมจนเป็นนิสัย ถึงแม้เขาไม่เคยมาที่ชายทะเลแดนใต้ แต่สืบเรื่องราวต่างๆ ไว้ก่อนแล้ว

แถบชายทะเลมีชาววอโค่วออกอาละวาด แต่ที่รวมตัวกันเป็นกองโจรมีอยู่ไม่มาก ส่วนใหญ่มักเป็นนักรบในแคว้นตงอิ๋ง* ที่หมดทางไปถึงมาหาเลี้ยงชีพที่ต้าเหลียง

โจรเร่ร่อนที่ปรากฏตัวไม่หยุดหย่อนและเชี่ยวชาญการต่อสู้จนน่ากลัวเหล่านี้อาจสร้างความเดือดร้อนทุกข์เข็ญให้กับชาวบ้านแถบนี้อย่างสาหัสสากรรจ์ แต่ปกติพวกเขาจะอยู่เป็นกลุ่มราวสิบถึงยี่สิบคน ทั้งยังมีกลุ่มเล็กๆ เพียงเจ็ดแปดคนเท่านั้น ฉะนั้นเรื่องการล้างแค้นที่คนพวกนั้นวิตกกังวลจึงไม่ใคร่จะเป็นไปได้

“เจาเจา ข้ามีปัญหาอยากถามเจ้า”

* ตงอิ๋ง เป็นชื่อโบราณของประเทศญี่ปุ่น

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 439"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์