หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 44
เมื่อแน่ใจแล้วว่าหลานสาวมีฝีมือในเชิงเขียนอักษร ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งอารมณ์ดีเหลือหลาย นางยิ่งรู้สึกว่ายกแท่นฝนหมึกให้อย่างไม่สูญเปล่า
เจาเจา เจ้าคัดลอกพระธรรมได้ดียิ่ง พรุ่งนี้ท่านย่าจะนำไปที่วัดต้าฝูด้วย ดูทีว่าพระพุทธองค์ต้องรับรู้ถึงความตั้งใจจริงของเจ้าได้
หลังฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกลับไป ปิงลวี่ขมวดคิ้วเอ่ย คุณหนู ไฉนข้ารู้สึกว่าพรุ่งนี้ฮูหยินผู้เฒ่าตั้งใจจะให้ท่านอยู่กับเรือนนะเจ้าคะ
คุณหนูรีบบอกทีว่าข้าตีความหมายผิดแล้ว
เฉียวเจานั่งรับแดดบนม้านั่งที่อาจูยกมาให้ ได้ยินคำนี้แล้วกล่าวเอื่อยๆ เจ้ารู้สึกได้ไม่ผิด
หัวไหล่ทั้งคู่ของปิงลวี่คู้ลง
ทุกคราพอถึงวันประสูติของพุทธองค์ สตรีในครอบครัวผู้สูงศักดิ์ร่ำรวยในเมืองหลวงล้วนไปชมพิธีที่วัดต้าฝู แล้วเหล่าคุณหนูที่ติดตามฮูหยินทั้งหลายไปที่นั่นก็จะได้เที่ยวเล่นในวัด นั่นเป็นเรื่องที่สนุกสนานอย่างที่สุด คุณหนูไปไม่ได้จะน่าเสียดายปานใด
คุณหนู ปีก่อนท่านไม่ได้ไปเพราะล้มป่วย ปีนี้ยังไปไม่ได้อีก น่าเสียดายเหลือเกิน
เฉียวเจาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แสงแดดแทงลอดช่องว่างระหว่างใบต้นทับทิมลงมากระทบดวงหน้าขาวกระจ่างใสของนางแลดูอ่อนโยนสงบนิ่ง
สายตาของเด็กสาวซึ่งจับอยู่ด้านบนกำแพงตรงลานเรือนเลื่อนขึ้นเล็กน้อยมองทอดออกไปยังที่ไกล นางกล่าวเนิบๆ ได้ไปสิ
ปิงลวี่ทำหน้าฉงนยิ่ง
อาจูเห็นผู้เป็นนายวางหน้านิ่งเฉยเลยพูดอธิบายขึ้นอย่างอดใจไม่อยู่ คุณหนูเขียนอักษรได้ดี คัมภีร์พระธรรมที่คัดลอกก็ต้องเข้าตาพวกภิกษุชั้นผู้ใหญ่แน่ เมื่อพวกเขาส่งคัมภีร์พระธรรมลายมือคุณหนูไปที่อารามซูอิ่ง ไม่แน่ว่าซือไท่* ท่านนั้นอาจอยากพบคุณหนูของพวกเราก็เป็นได้
ปิงลวี่ฟังแล้วทำเสียงฮึเบาๆ อย่านึกว่าเจ้าได้ฟังคนอื่นพูดซุบซิบนินทาไม่กี่คำก็นึกว่ารู้อะไรๆ ไปหมดเสียทุกอย่างนะ ข้าจะบอกให้ ซือไท่ในอารามซูอิ่งท่านนั้นไม่ยอมพบคนนอกมานานหลายปีแล้ว อย่างมากก็แค่คุณหนูเรือนใดคัดลอกพระธรรมได้ดีก็จะมีเสียงชมเชยสองสามคำโจษขานกันออกไปเท่านั้น
นางจะให้พบ
เป็นไปได้อย่างไรกัน… โธ่เอ๊ย คุณหนูเจ้าคะ! ปิงลวี่มีสีหน้าอึดอัดเหมือนทำอะไรไม่ถูก
เฉียวเจาแย้มยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ นางกล่าวยืนยันว่า นางจะให้พบแน่
ต่อให้มีคนเขียนอักษรได้ดีกว่า ขอแค่องค์หญิงใหญ่ท่านนั้นได้เห็นคัมภีร์พระธรรมที่นางคัดลอกก็ต้องให้นางพบสถานเดียว
สาวใช้น้อยปิงลวี่มีหลักประจำใจอยู่สองข้อ
ข้อแรก คำพูดของคุณหนูถูกต้องอย่างแน่นอน
ข้อที่สอง ถ้ารู้สึกว่าคำพูดของคุณหนูไม่ถูกต้อง เช่นนั้นจะต้องเป็นนางที่ยังเข้าใจไม่ถูกจุดอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้สาวใช้น้อยเริ่มวาดฝัน ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดียิ่งนัก ถึงเวลาพวกคุณหนูฮูหยินเหล่านั้นต้องเปลี่ยนความคิดที่มีต่อคุณหนูกันใหม่แล้ว อุ๊ย คุณหนูเจ้าคะ ท่านว่าตอนข้าตามท่านออกจากเรือนจะสวมเสื้อคลุมตัวนอกสีเขียวสดตัวนั้นดี หรือว่าสวมเสื้อกั๊กสีแดงลูกท้อปักลายดอกอิ๋งชุนตัวนั้นดีกว่าเจ้าคะ
พอเห็นท่าทางเริงร่าของสาวใช้ เฉียวเจาถึงกับนิ่งคิดอย่างจริงจังแล้วกล่าวแนะนำ เจ้าผิวขาว สวมเสื้อสีเขียวสดตัวนั้นได้ขึ้นมาก
ปิงลวี่ยกมือกุมสองแก้มอย่างห้ามไม่อยู่ คุณหนูบอกว่านางผิวขาว เมื่อก่อนคุณหนูไม่เคยชมนางตรงๆ เช่นนี้มาก่อนเลย
อาจูทนดูไม่ไหว เบือนหน้าไปทางอื่นอย่างเงียบๆ
แต่แล้วจู่ๆ ปิงลวี่ก็กังวลใจขึ้นมาอีก นางเตะใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้น แต่ว่าคัมภีร์พระธรรมที่คุณหนูคัดลอกเขียนชื่อไว้ไม่ได้สักหน่อย ถึงเวลานั้นคัมภีร์พระธรรมที่คุณหนูทุกคนในจวนคัดลอกไว้จะวางรวมไว้ในกล่องใบเดียวกันแล้วส่งไปที่นั่น เอ๊ะ! ถ้าเกิดคุณหนูโดนคนอื่นแย่งเอาหน้าไปจะทำอย่างไรเจ้าคะ
คุณหนูใหญ่ซ่อนเข็มในผ้าแพร คุณหนูรองทนเห็นคนอื่นเก่งกว่าไม่ได้ ส่วนคุณหนูคนอื่นๆ ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคนดี ปิงลวี่ยิ่งคิดยิ่งไม่วางใจ
แย่งเอาหน้า? เฉียวเจาอึ้งงันไปเล็กน้อย เห็นชัดว่านางคิดไม่ถึงว่าต่อหน้าผู้อาวุโสทั้งหลายจะเกิดเรื่องไร้ยางอายเยี่ยงนี้ได้
ปิงลวี่พยักหน้าแรงๆ ใช่เจ้าค่ะ พรุ่งนี้คุณหนูก็ตามไปมิได้ ถ้าเกิดมีคนฉวยโอกาสที่คุณหนูไม่อยู่ที่นั่น สวมรอยแทนล่ะเจ้าคะ
เฉียวเจาลองตรึกตรองตามลำดับความคิดของปิงลวี่แล้วหยักยิ้มพริ้มพราย ไปค้นเสื้อสีเขียวสดของเจ้าออกมาเถอะ อย่างไรคนอื่นก็แย่งเอาไปไม่ได้
มักมีคนที่ไม่กระจ่างแจ้งว่าในโลกนี้มีบางสิ่งบางอย่างที่ยื้อแย่งกันไม่ได้ ถ้าใครหมายหักเอาด้วยกำลัง เช่นนั้นก็ต้องเคราะห์ร้ายแล้ว
เมื่อได้ยินผู้เป็นนายบอกเช่นนี้ ปิงลวี่วางใจได้ทันควัน นางขานรับเสียงใสแล้วหมุนกายออกไปรื้อหาชุดงามๆ ในเรือนทันที
ยามนี้จึงเหลือแค่เฉียวเจากับอาจู
เฉียวเจาคลายยิ้ม อาจู นวดขมับให้ข้าที
เจ้าค่ะ อาจูก้าวเข้าไป ท่าทางของนางนุ่มนวลชำนิชำนาญ ไม่มีอาการงุ่มง่ามลุกลนเฉกเมื่อแรกเริ่มฝึกอีกแล้ว
ถึงได้บอกว่าความสามารถที่ร่ำเรียนติดตัวไว้ถึงพึ่งพาได้มากที่สุดกระมัง เฉียวเจาลืมตาขึ้นกะทันหัน มองอาจูที่อยู่เหนือศีรษะยิ้มๆ
อาจูนิ่งงันไปชั่วประเดี๋ยวแล้วยิ้มอย่างนอบน้อม เจ้าค่ะ
ดังนั้นนางไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงคุณหนูโดยใช่เหตุ คุณหนูบอกว่าแย่งไปไม่ได้ก็ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน
ใบต้นทับทิมสะบัดไหวเบาๆ ตามแรงลม แสงแดดคล้ายจะอบอุ่นมากขึ้น เฉียวเจาหลับตาลงสูดลมหายใจเข้าออกยาวๆ อาจูผ่อนแรงมือให้เบาลงอย่างไร้สุ้มเสียง
เช้าวันรุ่งขึ้นท้องฟ้ายังไม่สว่างเต็มที่ ทั่วทั้งจวนก็ตกอยู่ในบรรยากาศครึกครื้นตื่นเต้น
พี่สะใภ้ใหญ่ วันนี้เจาเจายังไม่ต้องคารวะยามเช้าอีกหรือ ฮูหยินผู้เฒ่ารักนางจริงๆ ไม่เหมือนเยียนเอ๋อร์กับฉานเอ๋อร์ สองคนนั้นถูกข้าปลุกขึ้นมาตั้งแต่ก่อนฟ้าสาง จนตอนนี้พวกนางยังลืมตาไม่ขึ้นเลยนะ
ระหว่างทางเหอซื่อพบกับนายหญิงรองหลิวซื่อที่กำลังจะไปคารวะผู้อาวุโสที่เรือนชิงซง ได้ยินนางเอ่ยขึ้นก็โกรธแทบควันออกหู
นึกว่านางโง่งมจนฟังไม่ออกจริงๆ หรืออย่างไร นี่มิใช่จะหัวเราะเยาะที่บุตรสาวนางถูกกักบริเวณทบทวนความผิดของตนเอง เลยออกจากเรือนไม่ได้อยู่หรือ
เหอซื่อเลื่อนสายตาไปหยุดอยู่ที่คุณหนูสี่หลีเยียนกับคุณหนูหกหลีฉานข้างกายหลิวซื่อแล้วแย้มปากยิ้ม เยียนเอ๋อร์กับฉานเอ๋อร์นอนเก่งจริงๆ เหมือนแมวที่ข้าเลี้ยงไว้ตอนก่อนออกเรือน น้องสะใภ้ไม่เคยเห็นมันหรอก เจ้าแมวตัวนั้นนอนตั้งแต่เช้ายันค่ำ ตัวอ้วนเผละไปทั้งตัว
หลีเยียนกับหลีฉานที่โดนลูกหลงอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ถึงกับพูดอะไรไม่ออก …
คุณหนูสี่หลีเยียนค่อนว่าในใจ เคยเตือนท่านแม่แล้วแท้ๆ ว่าอย่าลดตัวไปต่อปากต่อคำกับคนปัญญาทึบอย่างท่านป้าสะใภ้ใหญ่ เฮ้อ…
ข้างฝ่ายคุณหนูหกหลีฉานทำปากยื่นกระทืบเท้าทันที ท่านแม่…
คนทั้งกลุ่มเข้าไปในโถงเรือนคารวะฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง เหอซื่อมองปราดเดียวก็เห็นหลีเจี่ยวคุณหนูใหญ่อยู่ตรงซ้ายมือของหญิงชรา
นางกลอกตาขึ้นอย่างสุดระงับพลางนึกในใจ นางเด็กตัวดีมาแต่เช้าเชียวนะ!
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกวาดสายตามองรอบหนึ่ง เห็นหลิวซื่อกับพวกบุตรสาวแต่งองค์ทรงเครื่องพร้อมสรรพ ขณะที่เหอซื่อยังสวมชุดอยู่กับเรือน นางอดขมวดคิ้วไม่ได้ เหอซื่อ ไฉนยังไม่ผลัดอาภรณ์อีก
ฮูหยินผู้เฒ่า ปีนี้เจาเจาไม่ได้ไป ข้าขออยู่จวนเป็นเพื่อนนางดีกว่าเจ้าค่ะ เหอซื่อกล่าวอธิบาย
หลิวซื่ออ้าปากพูดอย่างอดใจไม่อยู่ พี่สะใภ้ ปีที่แล้วท่านไม่ได้ไปเพราะเจาเจาล้มป่วยก็ว่าอะไรไม่ได้ แต่เหตุใดปีนี้ก็ไม่ไปอีกแล้วเล่า เฮ้อ…เจาเจาโดนลงโทษออกจากเรือนไม่ได้ อันที่จริงฮูหยินผู้เฒ่าก็สงสารนางเช่นกัน
ฉะนั้นเจ้าทำโกรธเคืองไม่ยอมไปเท่ากับเป็นการกล่าวโทษฮูหยินผู้เฒ่าอย่างโจ่งแจ้งเยี่ยงนี้ ดีจริงๆ หรือ
ไม่คิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งจะพยักหน้าหงึกหงัก เผยสีหน้าเห็นพ้องด้วยเต็มที่
หลานเจามีฝีมือเขียนอักษรดีอย่างนั้น พาไปอวดใครๆ ไม่ได้ช่างน่าเสียดายจริงๆ
หลิวซื่อคิดในใจ วันนี้ท่านผู้เฒ่าโดนผีเข้าแล้วกระมัง
ครั้นเห็นเวลาไม่เช้าแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งจึงเอ่ยปากบอกว่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้เจ้าก็อยู่เรือนเถอะ ในจวนก็ต้องมีคนดูแลสั่งการได้สักคนพอดี
นางกล่าวจบแล้วหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนใจพูดขึ้น เจ้าไม่ต้องวุ่นวายใจกับงานอะไรหรอก คอยอยู่เป็นเพื่อนเจาเจาให้ดีๆ เถอะ พักก่อนนางเพิ่งประสบกับความลำบากมามาก
หากให้เหอซื่อดูแลสั่งการ นางคงต้องใจคอไม่ดีไปทั้งวันเป็นแน่
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งนำขบวนคนของจวนตะวันตกไปสมทบกับพวกฮูหยินผู้เฒ่าเจียงของจวนตะวันออกที่ปากตรอกซิ่งจื่อ จากนั้นต่างฝ่ายต่างขึ้นรถม้ามุ่งหน้าสู่วัดต้าฝู
* ซือไท่ เป็นคำเรียกนักบวชมีอาวุโสในเชิงยกย่อง