หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 444
บทที่ 444
“เช่นใดหรือ”
“ก็เช่นนี้น่ะสิขอรับ” เฉินกวงชี้ผ้าเช็ดหน้าที่เปื้อนเลือด เขาพูดอย่างกลัดกลุ้มหนักอก “ถ้าเกิดมีลูกแล้วจะทำประการใดเล่าขอรับ”
เซ่าหมิงยวนยกมือชี้ไปที่หน้าประตู “ไสหัวออกไป”
“ท่านแม่ทัพ ท่านไม่เชื่อไม่ได้นะขอรับ ข้าได้ยินพี่น้องแท้ๆ เคยบอกว่าพวกท่านทำอย่างนี้จะมีลูกจริงๆ”
อันที่จริงมีลูกก็ไม่เลว ดีที่สุดคือบุตรชาย เช่นนั้นเขาสอนวรยุทธ์ให้ได้
“หุบปาก!” เซ่าหมิงยวนร้องตวาดอย่างเหลืออด “นี่เป็นเลือดของข้า”
“ที่แท้บุรุษก็เลือดออกด้วยหรือนี่” เฉินกวงตกใจยกใหญ่ เรื่องนี้ไม่เห็นมีใครบอกเขาเลยนะ!
“ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ทันที”
เซ่าหมิงยวนพูดจบแล้วรู้สึกถึงรสหวานปนคาวที่เพิ่งฝืนสะกดเอาไว้พุ่งกลับขึ้นมาอีกครา เขาอ้าปากกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่งอย่างห้ามไม่อยู่แล้วล้มลงกะทันหัน
เฉินกวงรับตัวผู้เป็นนายไว้ได้ทันท่วงที เขาตะโกนเรียก “เยี่ยลั่วๆ เจ้าเข้ามาเร็วเข้า!”
เยี่ยลั่วถลันเข้ามาเห็นเหตุการณ์ในห้องก็หน้าถอดสีไปถนัดตา “เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
“อย่าเพิ่งถามให้มากความ รีบไปเชิญคุณหนูหลีมา”
เยี่ยลั่วพุ่งฉิวหายลับไปทางหน้าประตูดุจลูกธนูหลุดจากแล่ง
ด้านเฉียวเจากลับถึงห้องแล้วผลัดอาภรณ์เสร็จก็นั่งเหม่ออยู่ที่เก้าอี้ นางกล่าวถ้อยคำพวกนั้นทำให้เขาเสียใจแล้วใช่หรือไม่ แต่ถ้าไม่ทำอย่างนี้นางควรจะใช้วิธีใดถึงทำให้เขาวางมือได้
“คุณหนูหลี เกิดเรื่องกับท่านแม่ทัพแล้วขอรับ” เสียงร้อนรนของเยี่ยลั่วดังมาจากนอกประตู
เฉียวเจาลุกพรวดขึ้นยืน แต่เพราะรีบร้อนลุกขึ้นเป็นเหตุให้เก้าอี้เอียงล้มลง เคราะห์ดีอาจูตาไวมือไวจับไว้ได้ถึงไม่เกิดเสียงดังโครมคราม
นางผลักประตูและไปที่ห้องของเซ่าหมิงยวนอย่างเร่งร้อน เห็นบุรุษที่นอนอยู่บนเตียงหน้าซีดขาวราวกระดาษแล้วในใจตึงเครียดไปในฉับพลัน
“แม่ทัพเซ่าหมดสติได้อย่างไร” เฉียวเจาก้าวฉับๆ ไปนั่งลงตรงข้างเตียง ยื่นมือไปแตะบนข้อมือเขา
“ข้าก็ไม่ทราบขอรับ ท่านแม่ทัพพูดคุยกับข้าไม่กี่คำก็กระอักเลือดหมดสติไปเลย” เฉินกวงพิศดูสีหน้าของนางพลางถามหยั่งเชิง “คุณหนูสาม อาการของท่านแม่ทัพเป็นเพราะท่านใช่หรือไม่ขอรับ”
นอกจากคุณหนูหลี ไม่มีใครอื่นอีกที่จะมีอำนาจต่อจิตใจของท่านแม่ทัพได้เฉกนี้
ตอนอยู่แดนเหนือมีอยู่ครั้งหนึ่งเพื่อรอจังหวะโจมตีที่เหมาะสมที่สุด ท่านแม่ทัพปล่อยให้ชาวต๋าจื่อด่าทอด้วยวาจาหยาบคายถึงสองวันก็ยังไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว ไหนเลยจะเป็นเช่นตอนนี้ที่บทจะกระอักเลือดก็กระอักเลือด
เฉียวเจานิ่งอึ้งพูดไม่ออกกับคำถามของเฉินกวง
พิษไอเย็นของเซ่าหมิงยวนบรรเทาลงมากแล้ว ไม่มีทางกระตุ้นให้เกิดอาการกระอักเลือดอีก สภาพของเขาในตอนนี้มีต้นเหตุจากศีรษะได้รับบาดเจ็บ ส่วนตัวกระตุ้นกลับเป็นคำพูดพวกนั้นของนาง
หญิงสาวเพ่งมองบุรุษที่หลับตาอยู่อย่างเงียบๆ เขาทุ่มเทใจให้นางถึงเพียงนี้จริงๆ หรือ
“คุณหนูสาม ท่านแม่ทัพคงไม่เป็นไรกระมังขอรับ”
“ข้าจะฝังเข็มให้เขา รอเขาฟื้นแล้วค่อยดูอาการอีกที”
บาดแผลบริเวณศีรษะมีความซับซ้อนยุ่งยากที่สุด ต่อให้ท่านปู่หลี่ยังอยู่ก็สุดปัญญาจะคาดคะเนอาการหลังจากคนป่วยได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะได้อย่างแม่นยำ
ท่านปู่หลี่เคยเล่าเรื่องคนป่วยในลักษณะนี้ให้นางฟังหลายราย คนแรกพลัดตกจากม้าแล้วบาดเจ็บที่ศีรษะ หลังจากฟื้นขึ้นมากลายเป็นว่าหลงเหลือแต่ความทรงจำในวัยเด็ก
ยังมีคนป่วยอีกคนถูกรถม้าชนล้มลง ตอนเกิดเหตุไม่มีอาการผิดปกติอะไร ยังลุกขึ้นปัดๆ ก้นกลับเรือนได้เอง ผลปรากฏว่าสามวันต่อมากลับชักกระตุกจนเสียชีวิต
สำหรับบุตรชายคนเล็กของฉางชุนป๋อที่โดนหลีเจี่ยวตีศีรษะจนแตกแล้วกลายเป็นคนปัญญาอ่อนก็ยิ่งพบได้บ่อยๆ
เฉียวเจาถือเข็มเงินในมือแทงเข้าจุดชีพจรบนศีรษะของเซ่าหมิงยวนอย่างระมัดระวัง ในใจนางนึกตำหนิตนเองอยู่มาก
ยามอยู่กับนางบุรุษผู้นี้มักดูเก่งกาจไปเสียทุกอย่าง ทำให้นางเห็นว่าไม่มีวันเกิดอะไรขึ้นกับเขาไปโดยไม่รู้ตัว
ทว่าเขาจะแข็งแกร่งปานใดก็บาดเจ็บได้
“ถิงเฉวียนเป็นอย่างไรบ้าง” ความผิดปกติทางนี้ดึงความสนใจของฉือชั่นกับหยางโฮ่วเฉิงให้เข้ามาในที่สุด
“อาจจะเป็นอาการที่ตามมาหลังจากท้ายทอยโดนกระแทกบาดเจ็บ”
“ตอนนั้นก็ไม่เป็นอะไรไม่ใช่หรือ ไฉนจู่ๆ ก็ทรุดหนักลงได้เล่า” หยางโฮ่วเฉิงฉงนใจเหลือหลาย
ฉือชั่นเลื่อนสายตาลงไปหยุดที่ผ้าเช็ดหน้าซึ่งเซ่าหมิงยวนกำไว้ในมือแน่น
ผ้าเช็ดหน้าสีขาวเรียบมีรอยเลือดเป็นดวงๆ ตรงมุมผ้าปักลายลูกเป็ดตาสีเขียวไว้สองตัว
รูม่านตาของเขาหดแคบลง นี่เป็นผ้าเช็ดหน้าของหลีซาน
เขาเคยแอบสังเกตเห็นว่าถุงผ้าปักของหลีซานก็ปักลายลูกเป็ดดวงตาสีเขียวเช่นนี้ ดูแปลกตาน่าสนใจ
เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับสองคนนี้
เฉียวเจาฝังเข็มแล้วลุกขึ้นยืน “ข้าจะไปต้มยา พวกท่านดูแลเขาก่อนนะเจ้าคะ”
พอเห็นฉือชั่นกับหยางโฮ่วเฉิงพยักหน้า นางก็หลุบตาลงเดินลิ่วๆ ออกไป
ฉือชั่นมองเซ่าหมิงยวนที่สลบไสลไม่ได้สติอยู่แวบหนึ่งถึงไต่ถามเฉินกวง “เรื่องมันเป็นอย่างไร”
เฉินกวงเกาหัวแกรกๆ “ไม่ทราบขอรับ ก่อนหน้านี้ท่านแม่ทัพก็บอกว่าเวียนศีรษะแล้ว”
“ข้าหมายถึงระหว่างท่านแม่ทัพของเจ้ากับคุณหนูหลีเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
เฉินกวงมองไปทางเยี่ยลั่ว
เยี่ยลั่วตอบอย่างสั้นกระชับ “มีปากเสียงกันขอรับ”
ฉือชั่นขมวดคิ้วมุ่นพลางถอนใจเฮือก มิน่าถิงเฉวียนถึงกลายเป็นอย่างนี้ เขาเคยได้ลิ้มรสมาแล้ว เวลาแม่เด็กน้อยผู้นั้นปากร้ายขึ้นมาแทบไม่ต่างกับเอามีดแทงเข้ากลางอกเลยทีเดียว
เขาโดนแทงมาหลายครั้งหลายครา บัดนี้ถึงคราวสหายรักในที่สุด
ชาติก่อนพวกเขาคงจะติดค้างแม่เด็กน้อยใจร้ายนั่น ชาตินี้ถึงได้สิ้นท่าด้วยน้ำมือนางทีละคน
ฉือชั่นมองสหายรักที่หน้าซีดขาวราวกระดาษแล้วสาวเท้าก้าวใหญ่ออกไปข้างนอก
เฉียวเจาได้ยินเสียงฝีเท้าทว่ามิได้หันหน้าไป นางทำงานในมือง่วนพลางเอ่ยถาม “พี่ฉือมาด้วยเหตุใดเจ้าคะ”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นข้า”
“เสียงฝีเท้าของท่านกับพี่หยางรวมถึงพี่เซ่าล้วนไม่เหมือนกัน”
นานวันเข้านางก็แยกออกได้แล้ว
ฉือชั่นแลมองผืนน้ำสีเขียวมรกตไหวกระเพื่อมพลางทอดถอนใจ “หลีซาน เจ้าเป็นเด็กสาวที่ฉลาดที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเจอมา”
เฉียวเจาชะงักมือเล็กน้อยแต่มิได้ปริปาก
หลังจากเรื่องส่งยาขี้ผึ้งไปให้หนนั้น ฉือชั่นไม่ได้ปฏิบัติต่อนางเป็นพิเศษอีกเลย เขามากล่าวถ้อยคำนี้ในเวลานี้เพื่ออันใดเล่า
“หลีซาน เจ้าฉลาดถึงเพียงนี้ หรือดูไม่ออกว่าถิงเฉวียนจริงใจกับเจ้า”
เฉียวเจาช้อนตาขึ้นมองเขา นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะพูดเช่นนี้ออกมา
“เขาต่างกับข้า” ฉือชั่นพิงราวรั้วถอนใจเบาๆ “ข้านี่นะเคยได้รับอะไรต่อมิอะไรมามากมาย ต่อมาก็สูญเสียสิ่งต่างๆ ไปมากมายเช่นกัน ได้มาเสียไปบ่อยๆ เข้าก็ชาชินไปเอง ไม่ว่าจะสูญเสียอะไรไปก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเสพสุขกับชีวิตให้เต็มที่มิใช่หรือ”
คุณชายรูปงามยากหาผู้ใดเทียบเคียงได้แย้มปากเป็นรอยยิ้ม “แต่ถิงเฉวียนไม่เหมือนกัน เขาน่ะเป็นคนโชคร้าย ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยได้รับอะไรทั้งสิ้น ในจวนจิ้งอันโหวอันใหญ่โต นอกจากท่านโหวที่ปฏิบัติต่อเขาไม่เลวแล้ว น่าจะมีแต่เจ้าสุนัขสีดำที่เขาเลี้ยงไว้ตอนยังเป็นเด็กหนุ่มที่ดีกับเขา”
กล่าวถึงตรงนี้ฉือชั่นมองเด็กสาวนิ่งๆ พร้อมกับเอ่ยถาม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าต่อมาเจ้าสุนัขสีดำตัวนั้นเป็นอย่างไร”
ไม่รอให้เฉียวเจากล่าวตอบ เขาก็พูดต่อไปเองเรื่อยๆ “ฮูหยินของจิ้งอันโหวตอนนั้นซึ่งก็คือท่านแม่ของถิงเฉวียน ไม่รู้ว่าได้รับความตกใจเช่นไร สั่งให้คนตีมันจนขาดใจตาย ถิงเฉวียนกลับจากสำนักศึกษาไปถึงเรือน สุนัขตัวนั้นก็เหลือแค่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายพอดี นับแต่นั้นเป็นต้นมาถิงเฉวียนไม่เคยแสดงความรู้สึกรักชอบในสิ่งใดๆ อีกเลย”
เฉียวเจาฟังแล้วนิ่งงันไป ตรงกลางอกนางเจ็บแปลบปลาบ
ฉือชั่นอยากจะยกมือลูบเส้นผมของนางที่โดนลมตีจนหลุดรุ่ยร่าย แต่สุดท้ายก็ข่มใจไว้กล่าวทอดถอนใจ “บัดนี้เจ้าคนโชคร้ายนั่นกล้าแสดงความรู้สึกรักชอบออกมาอีกครั้งในที่สุดเสียที หลีซาน เจ้าดีต่อเขาสักหน่อยเถอะ”