หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 460
บทที่ 460
เซี่ยเซิงเซียวได้ยินคำว่า ‘ท่านแม่ทัพ’ ก็อึ้งงันไปเล็กน้อย
เฉียวเจากล่าวยิ้มๆ “คุณหนูเซี่ยไปพบคนอื่นๆ บนเรือพวกข้าด้วยกันเถอะ”
“เวลานี้จะเหมาะสมหรือ” เซี่ยเซิงเซียวเอ่ยถาม
“แน่นอน บนเรือมีสตรีเพิ่มขึ้นมาตั้งหลายคน ควรจะจัดแจงอย่างไรยังต้องหารือกับคุณหนูเซี่ยนะ”
นางฟังแล้วพยักหน้า
เซี่ยเซิงเซียวเดินอยู่ข้างๆ มองดูเด็กสาวที่ร่างสูงพ้นไหล่ตนมานิดเดียวแล้วลอบถอนใจ
ในกาลก่อนนางคิดเสมอว่าตนเองไม่ใช่หญิงสาวธรรมดา สักวันหนึ่งจะต้องปกป้องแผ่นดินได้เฉกเดียวกับบุรุษ บัดนี้ดูไปแล้วสตรีที่ไม่สามัญมีอยู่ถมเถไป ดังเช่นคุณหนูหลีด้านข้างผู้นี้ ทั้งที่อายุน้อยกว่านางกลับมีความสุขุมคัมภีรภาพแฝงอยู่ในตัว
เซี่ยเซิงเซียวเริ่มใจลอยอีกแล้ว ลักษณะท่าทางเฉกนี้นางเคยเห็นจากตัวอาชูมาก่อน
อาชูก็เป็นอย่างนี้ คล้ายว่าพบกับเรื่องอะไรก็ตามล้วนไม่เคยแตกตื่นลนลาน
เฉียวเจาหยุดเดินแล้วหันหน้าไปเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “คุณหนูเซี่ย ถึงแล้ว”
เซี่ยเซิงเซียวก้าวเท้าตามเฉียวเจาเข้าไป นางมองปราดไปเห็นเซ่าหมิงยวนก็นิ่งขึงไป
เขาพยักหน้าทักทาย “คุณหนูเซี่ย”
ครั้นเห็นเซ่าหมิงยวนรู้จักกับหญิงสาวที่ช่วยเหลือไว้ ฉือชั่นกับหยางโฮ่วเฉิงอดสบตากันแวบหนึ่งไม่ได้
เฉียวเจายกมุมปากโค้งขึ้น
เจ้าคนผู้นี้เสแสร้งได้แนบเนียนนัก ทั้งที่มองไม่เห็นยังรู้จักกล่าวทักทายก่อน
“ที่แท้เป็นท่านโหวนั่นเอง” พอเห็นว่าเป็นเซ่าหมิงยวน เซี่ยเซิงเซียวก็รู้สึกโล่งอก แต่ขณะเดียวกันในใจก็พิพักพิพ่วนอยู่บ้าง
ไฉนเป็นกวนจวินโหวได้เล่า
นางได้ยินได้ฟังวีรกรรมของกวนจวินโหวมาไม่น้อย นางเลื่อมใสบุรุษผู้นี้ทว่าไม่ชื่นชอบเขา
กับบุรุษที่สังหารสหายรักของนางเองกับมือ นางบังเกิดความรู้สึกดีๆ ด้วยไม่ได้จริงๆ
“เมื่อครู่ข้าลองถามคุณหนูเซี่ยดูแล้ว พวกนางคือสตรีที่หูต้าขายให้ชาววอโค่วกลุ่มนั้น”
“หูต้า?” เซี่ยเซิงเซียวได้ยินชื่อนี้แล้วสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เฉียวเจาเอ่ยอธิบาย “ก่อนหน้านี้ไม่นานพวกข้าพบเรือลำหนึ่ง คนบนเรือล้วนตายหมด เหลือรอดมาแค่คนเดียว พวกข้าช่วยเขาไว้แล้วถึงรู้ว่าพวกเขาเป็นพ่อค้าทาสที่ค้าขายกับชาววอโค่ว เพราะตกลงกันไม่ได้เลยโดนชาววอโค่วสังหารจนเกลี้ยง”
ฉือชั่นมองเฉียวเจาอย่างฉงนใจ เหตุใดหลีซานถึงอธิบายเรื่องนี้กับคนที่ช่วยเอาไว้อย่างใจเย็นนะ
“หูต้าผู้นั้นอยู่ที่ใดหรือ” เซี่ยเซิงเซียวถามเสียงกระด้าง
เฉียวเจาแย้มยิ้ม “คุณหนูเซี่ยอยากคิดบัญชีกับหูต้าหรือ รออีกประเดี๋ยวก็ไม่สาย”
เซี่ยเซิงเซียวสงบอารมณ์ลงได้ “เป็นข้าใจร้อนเอง หากหูต้าผู้นั้นหมดประโยชน์ต่อทุกท่านแล้วโปรดมอบเขาให้ข้าด้วย”
นางจะชักชวนหญิงสาวที่เคราะห์ร้ายพวกนั้นเอามีดแทงร่างเจ้าเดรัจฉานนั่นคนละที เพื่อให้พวกนางหลุดพ้นจากฝันร้ายและมีชีวิตอยู่ต่อไปหลังจากนี้อย่างกล้าหาญ
“ไม่มีปัญหา” เฉียวเจาตอบตกลง
“คุณหนูเซี่ย พวกท่านหนีเอาตัวรอดจากถ้ำเสือมาได้คงต้องฟันฝ่าอุปสรรคความลำบากไม่น้อย ตอนนี้ไปจัดการธุระส่วนตัวก่อนเถอะ รอถึงเวลากินอาหารแล้วจะมีคนยกอาหารไปให้พวกท่าน” เซ่าหมิงยวนเอ่ยปากบอก
เซี่ยเซิงเซียวเหลือบตามองเขาแล้วย่อเข่าแสดงคำนับ “ขอบคุณท่านโหวมากที่ให้ความช่วยเหลือ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
เฉียวเจากล่าวต่อขึ้น “ข้าส่งคุณหนูเซี่ยกลับไปนะ”
เห็นนางลับร่างไปทางหน้าประตู ฉือชั่นกล่าวรำพึงขึ้น “ที่แท้หลีซานมีอัธยาศัยดีปานนี้เชียวหรือ”
ถึงเซ่าหมิงยวนจะมองไม่เห็น แต่ดวงตาจับจ้องไปทางหน้าประตู เขาลูบๆ ปลายคางอย่างจนปัญญา
เขาเรียกเจาเจามาเพื่อจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับเกาะหมิงเฟิงที่ถามได้ความจากปากชาววอโค่วที่จับเป็นมาได้ให้นางฟัง ดังนั้นถึงหาข้ออ้างให้คุณหนูเซี่ยออกไป
คิดไม่ถึงว่าอุตส่าห์ทำให้คุณหนูเซี่ยปลีกตัวไปได้แล้ว เจาเจายังตามนางไปอีก
แม่ทัพหนุ่มชักคับอกคับใจ เขาคิดคำนึงอย่างงุ่นง่านชอบกล เพราะอะไรถึงมีลางสังหรณ์ไม่ดีเหมือนภรรยาจะโดนคนล่อลวงไปนะ
สำหรับคุณหนูเซี่ยผู้นี้ เขาหาทางส่งไปที่อื่นโดยเร็วจะดีกว่า
ทั้งสามจับเจ่าเฝ้ารอนานพักหนึ่งก็ไม่เห็นเฉียวเจากลับมา หยางโฮ่วเฉิงลุกขึ้นกล่าวว่า “ข้าไปดูว่าข้าวปลาอาหารเสร็จแล้วหรือยัง วันนี้วุ่นวายกันมาทั้งวัน ทั้งเหนื่อยทั้งหิวแล้ว”
“ใจร้อนไปด้วยเหตุใด ข้าวปลาอาหารเสร็จแล้วย่อมมีคนมาเรียกเอง ถิงเฉวียน เจ้ารู้จักกับคุณหนูเซี่ยผู้นั้นหรือ” ฉือชั่นเอ่ยถาม
“มีโอกาสพบหน้ากันครั้งหนึ่ง คุณหนูเซี่ยเป็นบุตรสาวของสหายเก่าแก่ท่านหนึ่งของสกุลเฉียวที่อาศัยอยู่ในตำบลไป๋อวิ๋น ตอนนั้นข้าไปเยี่ยมคารวะที่จวนสกุลเซี่ย”
ฉือชั่นเลิกคิ้วสูง “ไปเยี่ยมคารวะสหายเก่าแก่ยังได้พบกับบุตรสาวของเขาด้วยหรือ”
ด้วยฐานะยศศักดิ์ของสหายรัก มีคนตั้งมากเท่าไรก็สุดรู้ต้องวิ่งวุ่นหาลู่ทางอยากเป็นทองแผ่นเดียวกันจนขาขวิด ชาติตระกูลของหลีซานก็ไม่สูงนัก อย่าเปิดช่องให้คนอื่นแทรกเข้ามาจะดีที่สุด
เซ่าหมิงยวนกลั้นหัวเราะไม่อยู่ “เจอกันโดยบังเอิญ สือซี ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงอะไร วางใจได้ ข้าไม่โง่งมปานนั้น”
ฉือชั่นกลอกตาขึ้น “เจ้าไม่โง่งมแล้วใครโง่งม”
ตอนนั้นตบแต่งภรรยาเข้าเรือนแล้วด้วยซ้ำ กลับเขียนสารจนเต็มกล่องแต่นางไม่ได้รับสักฉบับ นี่ไม่เรียกว่าโง่งมแล้วอันใดเรียกว่าโง่งม
“ถิงเฉวียน พวกเราตกลงกันไว้แล้วนะ หลีซานอยู่กับเจ้าได้ไม่มีปัญหา แต่เจ้าต้องจัดการให้นางกับมารดาของเจ้าอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขจะเป็นการดีที่สุด สกุลเดิมของนางไม่อาจเป็นที่พึ่งให้ได้อย่างสกุลเฉียวนะ อย่าให้สตรีในวัยงามสะพรั่งไปอยู่กับเจ้าแล้ว เพียงไม่นานก็…”
เขาอาจจะเต็มใจถอนตัวเพื่อส่งเสริมคนทั้งคู่ให้สมหวัง แต่เงื่อนไขคือเซ่าหมิงยวนต้องทำให้หญิงสาวที่เขารักอยู่ดีมีสุข ถ้าหลีซานโดนนางปีศาจเฒ่าในจวนจิ้งอันโหวผู้นั้นทรมานจนตาย พวกเขาสองคนคงต้องตัดความสัมพันธ์ฉันพี่น้องกันแล้ว
เซ่าหมิงยวนเจ็บปวดหัวใจ เขากล่าวด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน “สือซี ไม่ต้องให้เจ้าเตือนสติ ข้าไม่มีทางกระทำผิดพลาดซ้ำรอยเดิมอีก”
“ได้อย่างนั้นก็ดี” ฉือชั่นพูดเรียบๆ
หยางโฮ่วเฉิงฟังสองสหายรักพูดโต้ตอบกันแล้วขยุ้มผมด้วยความอึดอัดใจ
เพราะอะไรเจ้าสองคนนี้พูดคุยเรื่องพรรค์นี้ต่อหน้าเขาโดยไม่หลบเลี่ยงอ้อมค้อมสักนิดเช่นนี้ หรือเห็นเขาเป็นฉากกั้นห้องใช่หรือไม่
ชะรอยว่าความคิดนี้จะทำให้หยางซื่อจื่อไม่ค่อยสบอารมณ์ เขาจึงสอดปากถามขึ้นอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือว่า “ถิงเฉวียน จู่ๆ ข้านึกถึงปัญหาหนึ่งขึ้นได้”
“ปัญหาอะไร”
“ถ้าคุณหนูหลีแต่งงานกับเจ้า ดูเหมือนจะเป็นภรรยาคนที่สองนะ”
รอยยิ้มตรงมุมปากเซ่าหมิงยวนนิ่งค้างไป
ฉือชั่นยกมือตบศีรษะหยางโฮ่วเฉิงทีหนึ่งทันที “เจ้าโง่งมใช่หรือไม่”
เขากุมศีรษะอย่างคับข้องหมองใจเป็นอันมาก “ข้าทำอะไรเล่า”
ก็ถกปัญหากันอยู่มิใช่หรือ ทีสองสหายรักปล่อยให้เขานั่งเก้ออยู่ด้านข้างเหมือนเป็นฉากกั้นห้องยังทำได้ เขาจะเข้าร่วมถกปัญหาบ้างไม่ได้หรือไร
“เจ้ายกปัญหาเช่นนี้มาถาม ไม่ปัญญาอ่อนแล้วเป็นอะไร”
“นี่สมควรเป็นปัญหาสำคัญยิ่งกระมัง พวกสตรีต้องถือสาแน่” หยางโฮ่วเฉิงว่าไปตามเนื้อผ้า
ฉือชั่นตวัดสายตามองเซ่าหมิงยวน “อย่าไปฟังหยางเอ้อร์พูดจาเหลวไหล หลีซานไม่ใช่คนที่ถือสาเรื่องพวกนี้”
ต่อให้เป็นสตรีทั่วไปก็ไม่ถือสา ถ้าได้เป็นภรรยาคนที่สองของกวนจวินโหว เห็นทีว่าคงมีหญิงสาวที่ยินยอมพร้อมใจเข้าแถวรอตั้งแต่หน้าจวนกวนจวินโหวไปถึงนอกประตูเมืองเลยทีเดียว
ในยามนี้เองเฉินกวงก็เข้ามารายงาน “ท่านแม่ทัพ คุณหนูหลีบอกว่านางจะช่วยจัดห้องหับให้พวกคุณหนูเซี่ย รอเสร็จงานแล้วค่อยมาหาท่านขอรับ”
เซ่าหมิงยวนลุกขึ้นยืน “แยกย้ายกันก่อนเถอะ”
เจาเจาน่าจะไปหาเขาที่ห้อง ฉะนั้นเขากลับห้องดีกว่า