หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 464
บทที่ 464
หยางโฮ่วเฉิงลูบๆ จมูก ความคิดในหัวเขาตามไม่ทันอยู่สักหน่อย คุณหนูหลีก็ไม่พูดรวดเดียวให้จบ!
“ร้ายแรงถึงเพียงนี้?” เซี่ยเซิงเซียวกัดริมฝีปาก นางมองไปทางหน้าประตูอย่างห้ามใจไม่อยู่
แม้ว่านางจะอยู่ร่วมกับหญิงสาวเหล่านี้เป็นเวลาไม่นาน แต่เพราะประสบผ่านช่วงเวลาสิ้นหวังที่สุดมาด้วยกัน กว่าจะหนีเอาชีวิตรอดมาได้อย่างไม่ง่ายดาย กลับมีคนกำลังเดินสู่ความตายต่อหน้าต่อตา หากบอกว่าในใจไม่เป็นทุกข์คงเป็นคำเท็จ
หญิงสาวหลายคนต่างเผยสีหน้าหวาดหวั่นพรั่นพรึงออกมา
“ข้าขอตรวจดูให้แน่ใจอีกที”
“คุณหนูหลี เช่นนี้ท่านยิ่งเข้าไปไม่ได้นะ อันตรายเกินไป” หยางโฮ่วเฉิงร้องห้าม
ฉือชั่นมองไปทางเซ่าหมิงยวน
เซ่าหมิงยวนออกคำสั่งโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง “เยี่ยลั่ว ตีศีรษะแม่นางในห้องผู้นั้นให้สลบ”
“น้อมรับคำสั่งขอรับ” เยี่ยลั่วถีบประตูเปิดอย่างฉับไว เขาไม่รอให้สตรีคลุ้มคลั่งปรี่เข้าใส่ก็ใช้สันมือสับต้นคอนางทีเดียวจนหมดสติไป
บรรดาหญิงสาวพากันยกมือปิดปากมององครักษ์น้อยสีหน้าเฉยเมยอย่างหวาดกลัว พลางถอยกรูดๆ อย่างพร้อมเพรียงกัน
“ท่านแม่ทัพ เรียบร้อยแล้วขอรับ”
เซ่าหมิงยวนพยักหน้าแล้วหันไปพูดกำชับทางที่เฉียวเจายืนอยู่ “ระวังตัวด้วย”
ทั้งที่รู้ว่าเขามองไม่เห็น นางยังคงส่งยิ้มน้อยๆ ให้ “ข้าจะระวังให้ดี”
นางเดินเข้าไปก็ชี้มือบอกให้เยี่ยลั่วอุ้มสตรีที่สลบอยู่ไปวางบนเตียง จากนั้นก้มตัวลงตรวจอาการของอีกฝ่าย
ผ่านไปนานครู่หนึ่งเฉียวเจายืดตัวขึ้น ก้าวเท้าเดินออกจากห้อง
“เป็นอย่างไรบ้าง” เซี่ยเซิงเซียวเอ่ยถามขึ้น
เฉียวเจาส่ายหน้า “น่าเสียดาย เป็นพิษสุนัขบ้าจริงๆ”
“รักษานางไม่ได้แล้วจริงๆ หรือ”
“สมุนไพรที่นำมากับเรือมีไม่ครบถ้วน ข้าได้แต่ต้มยาหมุนเวียนเลือดลมช่วยทะลวงปราณร้อนให้นางดื่มสองสามเทียบ คงดีที่สุดเท่าที่ทำได้แล้ว” หญิงสาววัยงามสะพรั่งผู้หนึ่งเพิ่งรอดจากถ้ำเสือไม่ทันไรก็ต้องมาเป็นโรคเช่นนี้จนมีชีวิตอีกได้ไม่นาน จิตใจของเฉียวเจาหนักอึ้งอยู่บ้างดุจเดียวกัน นางไล่สายตามองทุกคนอย่างช้าๆ สุดท้ายหยุดอยู่ที่ตัวหญิงสาวพวกนั้น
“หลังจากนางโดนสุนัขบ้ากัดบาดเจ็บ ในช่วงระหว่างที่อยู่ด้วยกันพวกท่านโดนนางข่วนหรือกัดเป็นแผลหรือไม่”
“ไม่มีๆ” อาจเพราะหวั่นกลัวว่าเป็นโรคเดียวกันจะถูกพวกเฉียวเจารังเกียจเดียดฉันท์ พวกนางจึงแย่งกันพูดตอบ
เฉียวเจามองไปทางเซี่ยเซิงเซียว ในสถานการณ์เช่นนี้ต่อให้มีบางคนโดนสตรีในห้องกัดเป็นแผล เกรงว่าคงไม่มีทางยอมรับ
เซี่ยเซิงเซียวพยักหน้าให้นางอย่างเข้าใจความหมาย
เฉียวเจาถึงถอนหายใจอย่างโล่งอก นางกล่าวปลอบหญิงสาวทั้งหลาย “เป็นเช่นนั้นก็ดี นับจากวันนี้ทุกคนอย่าเข้าใกล้ที่นี่เด็ดขาด ต้องการอะไรล้วนบอกต่อคุณหนูเซี่ยได้ นางจะมาบอกต่อพวกข้าอีกทีเอง”
“ขอบคุณคุณหนูมากๆ”
“ข้าไปเตรียมยาก่อน” เฉียวเจามองเซ่าหมิงยวนแวบหนึ่ง “พี่เซ่า พวกท่านไปรอข้าในโถงก่อน ข้าเตรียมยาเสร็จแล้วจะไปที่นั่น”
นี่คือมีเรื่องจะหารือแล้ว
พวกเซ่าหมิงยวนสามคนกลับไปรอในโถงรับแขกครู่หนึ่ง เฉียวเจาก็พาเซี่ยเซิงเซียวเดินเข้ามา
“ต้มเสร็จเร็วเพียงนี้เลยหรือ” หยางโฮ่วเฉิงเอ่ยถามตามปากพาไป
เซ่าหมิงยวนขมวดคิ้ว เร็วอะไรกัน เขารู้สึกว่ารอมาตั้งนานแล้ว
เฉียวเจากล่าวอธิบาย “อาจูเฝ้าอยู่เจ้าค่ะ”
ฉือชั่นเอานิ้วเคาะพื้นโต๊ะพลางเอ่ยถาม “หลีซาน เจ้ามีเรื่องอะไรอยากพูดหรือ”
“คุณหนูเซี่ยนั่งสิ” เฉียวเจาเลือกนั่งตรงที่ว่างหนึ่งตามสบาย “ข้าอยากพูดเรื่องพิษสุนัขบ้ากับพวกท่าน”
“แม่นางผู้นั้นยังมีทางรักษาหรือ” หยางโฮ่วเฉิงทำตาปริบๆ
เฉียวเจาถอนใจ “หมดทางรักษาแล้วเจ้าค่ะ”
หยางโฮ่วเฉิงทำหน้าฉงน “แล้วยังมีอะไรน่าพูดอีกเล่า”
ฉือชั่นปรายหางตามองเขา “เจ้าไม่อ้าปากพูด ไม่มีใครว่าเจ้าเป็นใบ้หรอกนะ”
“ข้าไม่อยากเป็นฉากกั้นห้อง” หยางโฮ่วเฉิงพูดเสียงอุบอิบ
ทีสองสหายรักยังคุยเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของชายหญิงต่อหน้าเขาได้ เขาจะขอพูดเป็นเรื่องเป็นราวบ้างไม่ได้หรือไร
เป็นฉากกั้นห้องหมายความว่าอะไร เฉียวเจาหันไปมองฉือชั่นอย่างไม่เข้าใจ
ฉือชั่นหยักยิ้มด้วยสีหน้าเป็นปกติ “ไม่ต้องสนใจเขา สงสัยจะโดนสุนัขบ้ากัดเหมือนกัน”
หยางโฮ่วเฉิงโกรธจัด “ใครโดนสุนัขบ้ากัด ถ้าจะโดนก็โดนเจ้ากัดต่างหาก”
ฉือชั่นแค่นเสียงเยาะ “พวกหนังหนาอย่างเจ้า ข้ากัดเข้าด้วยหรือ”
เซี่ยเซิงเซียวที่นั่งอยู่ด้านข้างไม่พูดไม่จากระตุกมุมปากน้อยๆ
พอเห็นว่าทั้งคู่กำลังจะทะเลาะกัน เซ่าหมิงยวนก็กุมขมับ “เลิกก่อกวนได้แล้ว จะกัดเข้าไม่เข้าประเดี๋ยวพวกเจ้าค่อยพิสูจน์กันภายหลังได้ ตอนนี้ฟังเจาเจาพูดเรื่องงานก่อนได้หรือไม่”
พวกเขาสองคนถลึงตาใส่กันแล้วถึงได้รามือ
แม่นางเฉียวคิดคำนึงในใจ ยังดีว่าบุรุษที่ข้าชมชอบเป็นปกติกว่า
เซี่ยเซิงเซียวเลิกคิ้วขึ้น
เจาเจา? กวนจวินโหวเรียกคุณหนูหลีอย่างนี้ต่อหน้าทุกคน?
คำเรียกขานสนิทสนมเฉกนี้ไม่รู้สึกว่าเสียมารยาทไปบ้างหรือ
เฉียวเจากล่าวต่อ “เกาะหมิงเฟิงมีสุนัขบ้าปรากฏขึ้น ถ้าชาววอโค่วพวกนั้นไม่ตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหานี้ เป็นไปได้มากว่ายังมีคนถูกกัดอีก”
หยางโฮ่วเฉิงตาเป็นประกาย “เช่นนี้ก็แสดงว่าพวกเราสามารถสยบศัตรูโดยไม่ต้องสู้รบแล้ว?”
“ฉงซาน การสยบศัตรูได้โดยไม่ต้องสู้รบมิได้ใช้กับสถานการณ์นี้นะ” เซ่าหมิงยวนกระแอมกระไอเบาๆ ทีหนึ่งแล้วเอ่ยเตือน
เฉียวเจาส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “สภาพการณ์บนเกาะหมิงเฟิงในยามนี้ยังบอกได้ยากมาก หากมีคนถูกกัดบาดเจ็บแล้วอาการกำเริบอย่างรวดเร็ว เช่นนั้นเวลานี้น่าจะเกิดความวุ่นวายโกลาหลขึ้นแล้ว แต่ถ้ายังไม่กำเริบ บนเกาะน่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ที่ข้าพูดเรื่องนี้กับพวกท่านเพียงอยากเตือนว่ารอพวกเราไปถึงที่นั่น ให้ระวังอย่าแตะโดนตัวคนบนเกาะ และหากใครโดนพวกสัตว์กัดเป็นแผลจะต้องบอกกล่าวให้ข้ารู้เป็นอันดับแรก”
ฉือชั่นเลิกคิ้วสูง “ถ้าเกิดเคราะห์ร้ายโดนกัดเป็นแผลแล้วบอกกล่าวให้เจ้ารู้จะมีประโยชน์ใดหรือ”
“เพิ่งโดนกัดแล้วได้ดื่มยาล่ะก็ จะช่วยยับยั้งมิให้อาการกำเริบได้” เฉียวเจากล่าวอธิบาย
“ตกลง พวกข้าจะจดจำไว้แน่นอน” เซ่าหมิงยวนกล่าว
เฉียวเจามองไปทางเขา “พวกข้า?”
ประโยคนี้ฟังดูมีนัยบางอย่างแฝงอยู่
“เจาเจา ถึงตอนนั้นพวกเจ้ารอพวกข้าอยู่บนเรือลำนี้ ส่วนข้าจะพาองครักษ์ประจำตัวนั่งเรือของชาววอโค่วลำนั้นไปขึ้นเกาะ โจมตีพวกนั้นแบบไม่ให้ตั้งตัวติด” เซ่าหมิงยวนเอ่ยไขความกระจ่าง
นางละล้าละลังเล็กน้อยก่อนพยักหน้า “ได้”
เรื่องนี้นางอาจเป็นกำลังหนุนให้ไม่ได้ แต่อย่างน้อยอย่าไปเป็นตัวถ่วงของเขา
“ถิงเฉวียน มิน่าเจ้าถึงส่งองครักษ์ไปเก็บกวาดเรือของชาววอโค่ว ที่แท้วางแผนไว้แต่แรกแล้ว” หยางโฮ่วเฉิงถอนใจเฮือกหนึ่งแล้วเริ่มตื่นเต้นคึกคักไปด้วย
“ข้าตามเจ้าไปขึ้นเกาะด้วยได้หรือไม่”
เมื่อเห็นสหายรักขมวดคิ้ว หยางโฮ่วเฉิงรีบกล่าวต่อ “ถิงเฉวียน ดีชั่วข้าก็เป็นบุรุษหนุ่มเต็มตัวที่มีวรยุทธ์พอตัว เจ้าจะยืนบังอยู่ข้างหน้าให้พวกข้าหลบซ่อนเหมือนพวกสตรีไปเสียทุกเรื่องอยู่ร่ำไปไม่ได้กระมัง”
ฉือชั่นฟังแล้วทำหน้าบึ้งอย่างสุดระงับ เจ้าคนบัดซบผู้นี้พูดจาไม่เข้าหู หลบหลังถิงเฉวียนก็เป็นสตรีแล้วหรือ เขานี่ล่ะเต็มใจยืนอยู่ข้างหลังถิงเฉวียน มีอะไรหรือไม่
ฉือชั่นไม่ทันอาละวาด เซี่ยเซิงเซียวก็เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าขรึมๆ “คุณชายหยางมีอคติต่อสตรีหรือ”
“เอ๊ะ? ไม่มีนะ” หยางโฮ่วเฉิงจับต้นชนปลายไม่ถูก เขาไม่คุ้นเคยกับแม่นางผู้นี้สักหน่อย นางชวนเขาคุยด้วยเหตุใดกัน
“ในเมื่อไม่มี เพราะอะไรต้องพูดว่าพวกสตรีต้องหลบอยู่หลังบุรุษด้วย” เซี่ยเซิงเซียวยิ่งมองยิ่งเห็นหยางโฮ่วเฉิงขัดนัยน์ตา นางฝืนข่มอารมณ์โกรธไว้เอ่ยกับเซ่าหมิงยวน “ท่านโหว ข้าก็อยากขึ้นเกาะไปพร้อมกับท่านด้วย”
คราวที่แล้วขึ้นเกาะไปในฐานะสินค้า เป็นความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวงเลยทีเดียว หนนี้นางจะคิดบัญชีนี้กับพวกชาววอโค่วให้เต็มที่
เซ่าหมิงยวนยังไม่ทันปริปาก หยางโฮ่วเฉิงก็กล่าวขึ้น “คุณหนูเซี่ย ท่านรออยู่บนเรือกับคุณหนูหลีจะดีกว่านะ”
อย่าสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นอีกเลยได้หรือไม่