หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 485
บทที่ 485
เฉียวเจาคิดไม่ถึงว่าหมอเทวดาหลี่จะกล่าวเช่นนี้ นางอดงุนงงไม่ได้ “ท่านปู่หลี่ ท่านบอกว่ามีปัญหาเล็กน้อยหมายถึงอะไรเจ้าคะ”
“พวกเซ่าหมิงยวนไปที่เกาะหมิงเฟิงซุ่มตัวอยู่ในป่าทึบทั้งคืน ข้าเป็นห่วงว่าพวกเขาจะเป็นไข้ป่า”
เฉียวเจาใจหล่นดังตุบ
“ตอนนั้นที่ข้าโดนคลื่นซัดลอยไปถึงเกาะที่เป็นแหล่งของชาววอโค่ว หัวหน้าของพวกเขากับคนส่วนหนึ่งก็เป็นไข้ป่านี่เอง ต้นตอมาจากยุงชนิดหนึ่งบนเกาะ ชาววอโค่วพวกนั้นเลยโยกย้ายมาที่เกาะหมิงเฟิงตามคำแนะนำของข้า และอาจนำยุงชนิดนั้นติดมาด้วยอย่างช่วยไม่ได้ แล้วพวกยุงแพร่พันธุ์ได้เร็วจนน่ากลัว หลายเดือนที่ผ่านมานี้เป็นไปได้มากว่าจะกลายเป็นภัยคุกคามได้แล้ว” หมอเทวดากล่าวไขความกระจ่าง
เฉียวเจาฟังแล้วตระหนกตกใจ
หมอเทวดาหลี่มองนางอย่างพินิจ “ถ้าหากพิษไข้ป่าเข้าสู่ร่างกายพวกเขาแล้ว อาการจะกำเริบเมื่อไรนั้นแต่ละคนล้วนไม่เหมือนกัน ถ้าเกิดกำเริบตอนอยู่ที่ฝูตงจะทำฉันใด”
เฉียวเจาตอบคำถามของชายชราไม่ได้ นางคลี่ยิ้มสะกดความกังวลใจไว้ “ที่ท่านเป็นห่วงก็ถูกเจ้าค่ะ ข้าจะไปหารือกับพวกเขาสักหน่อย”
หมอเทวดาหลี่ชายตามองนางพลางถาม “พวกเขาจะลักลอบเข้าฝูตงไปช่วยคน แล้วแม่เด็กน้อยผอมแห้งแรงน้อยจนปลิวลมผู้หนึ่งอย่างเจ้าจะร่วมวงตามไปด้วยเหตุใดกัน”
“พิษไอเย็นในตัวเขายังขับออกไม่หมดเจ้าค่ะ อีกทั้งไม่รู้ว่าต้องรั้งอยู่ในฝูตงนานเพียงใด ข้าเลยต้องตามไป”
“เพื่อเจ้าหนุ่มผู้นั้น?” หมอเทวดาหลี่ไม่พอใจอยู่บ้าง
“แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเขาทั้งหมดเสียทีเดียว ข้าจำหน้าผู้ตรวจการฝูตงได้คลับคล้ายคลับคลา พอคนเติบใหญ่ถึงวัยหนึ่งถึงผ่านไปหลายปีรูปโฉมจะเปลี่ยนแปลงไปไม่มาก ด้วยเหตุนี้ข้าตามไปด้วยจะลดโอกาสผิดพลาดได้มากขึ้นบ้างเจ้าค่ะ” เฉียวเจาตอบอย่างตรงไปตรงมา
หมอเทวดาหลี่มองเฉียวเจาเป็นนานถึงกล่าวทอดถอนใจ “เจ้าน่ะมีความคิดเป็นของตนเองแต่เด็ก ท่านปู่หลี่ห้ามเจ้าไม่ได้ หากเจ้ายืนกรานจะไปล่ะก็ สองสามวันนี้ก็ตั้งใจฝึกปรือศาสตร์พิสดารนั่นกับข้า ถึงจะรู้เพียงงูๆ ปลาๆ ไม่แน่ว่าอาจใช้เป็นประโยชน์ได้”
“ขอบคุณท่านปู่หลี่มากเจ้าค่ะ” เมื่อเห็นหมอเทวดาหลี่มิได้คัดค้านหัวชนฝา เฉียวเจาลอบโล่งอกเล็กน้อย
ประหยัดคำพูดหว่านล้อมไปได้บ้างย่อมต้องดีแน่นอน เพราะไม่ว่าอย่างไรนางต้องเดินทางไปฝูตงให้ได้
“จริงสิ ข้าตั้งชื่อให้ศาสตร์พิสดารนั่นได้แล้ว” หมอเทวดาหลี่ทำหน้าภาคภูมิใจ “ข้าจะให้มันมีชื่อว่า ‘สะกดจิต’ แม่หนูเจาเห็นว่าชื่อนี้เหมาะเจาะหรือไม่”
“สะกดจิต?” เฉียวเจาพึมพำทวนคำนี้แล้วพยักหน้า “เหมาะเจาะที่สุดเจ้าค่ะ”
“ฮ่าๆๆ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องถูกใจชื่อนี้เหมือนกัน ไปเถอะ รีบๆ ไปหารือกับเจ้าหนุ่มนั่นให้เสร็จแล้วมาตั้งใจฝึกโดยไว”
ตอนเฉียวเจาไปถึงที่ห้องของเซ่าหมิงยวนอย่างเร่งร้อน พวกฉือชั่นอยู่ด้วยพอดี นางจึงบอกกล่าวถึงความกังวลใจของหมอเทวดาหลี่ให้ทุกคนรู้
เซ่าหมิงยวนฟังแล้วขมวดคิ้ว
หยางโฮ่วเฉิงงุนงงไปทันที “ไข้ป่า? มันคืออะไรกัน”
ฉือชั่นมองเขาด้วยหางตา “มีเวลาว่างก็อ่านหนังสือตำราให้มากขึ้น”
หยางโฮ่วเฉิงเกาท้ายทอย “แต่ตอนนี้ข้าไม่รู้สึกว่ามีตรงที่ใดผิดปกตินะ”
“ไข้ป่าแบ่งได้หลายประเภท เวลาที่แอบแฝงอยู่ในตัวคนจะต่างกันไปบ้าง สิบวันหรือนานเป็นเดือนถึงกำเริบก็ล้วนเป็นไปได้” เฉียวเจากล่าวอธิบาย
เซ่าหมิงยวนมองนาง “พูดอีกนัยหนึ่งคือหากพวกข้าติดพิษไข้ป่ามาแล้ว เป็นไปได้มากว่าจะกำเริบตอนอยู่ในเขตฝูตงหรือ”
เฉียวเจาพยักหน้าช้าๆ “มีความเป็นไปได้นี้อยู่”
“รักษาได้หรือไม่” เซ่าหมิงยวนเอ่ยถาม
“ต้องรอให้กำเริบขึ้นมาถึงจะลงมือรักษาอาการป่วยตามชนิดของไข้ป่า” เฉียวเจาคลายยิ้ม “เรื่องนี้กลับไม่ต้องเป็นกังวล ขอแค่พิษไข้ป่าไม่แทรกซึมเข้าสมอง ข้ากับท่านปู่หลี่มีวิธีรักษาได้หมด”
ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปนานก่อนกล่าว “ยังคงไปฝูตงตามเดิม แต่ต้องเปลี่ยนแผนเล็กน้อย”
ทุกคนต่างมองไปที่เขา
เซ่าหมิงยวนมองเฉียวเจานิ่งๆ “ข้ากับเจาเจาจะไปกันสองคนพร้อมกับเฉินกวง”
ถ้อยคำนี้ดังขึ้นคนอื่นพากันตกใจไปตามๆ กัน ยกเว้นเฉียวเจาที่สังหรณ์ใจแต่แรก
“พวกเจ้าไปกันแค่สามคน? เช่นนั้นจะได้อย่างไร หรือว่าแม้แต่องครักษ์พวกนั้นเจ้าก็ไม่พาไปด้วย” ฉือชั่นทำหน้าเครียดถามขึ้น
ตามแผนการเดิมองครักษ์พวกนั้นจะปลอมตัวเป็นชาวบ้านติดตามอยู่ใกล้ๆ พวกเซ่าหมิงยวนในที่ลับ ในยามคับขันก็จะเป็นกำลังเสริมที่ดีที่สุด หากองครักษ์พวกนั้นไม่ไป แต่เซ่าหมิงยวนมุ่งหน้าไปฝูตงกันเองสามคน จะเสี่ยงอันตรายเกินไป
เซ่าหมิงยวนหัวเราะ “นอกจากเฉินกวงแล้ว องครักษ์พวกนั้นล้วนขึ้นไปที่เกาะหมิงเฟิง พาพวกเขาไปด้วยแล้วเกิดไข้ป่ากำเริบกลับไม่เป็นการดี พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง คนน้อยก็มีวิธีการแบบคนน้อย”
“แล้วถ้าเจ้าเป็นไข้ป่าเล่า” หยางโฮ่วเฉิงถามอย่างปากไวใจเร็ว
ฉือชั่นเตะเขาทีหนึ่ง “ปากเสีย!”
พอหยางโฮ่วเฉิงรู้ว่าร่วมเดินทางไปฝูตงไม่ได้ ก็ไม่ต่างอันใดกับโดนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ส่งผลให้เขาหงุดหงิดหัวเสียไปหมด ได้ยินคำนี้ก็แค่นเสียงพูด “ถิงเฉวียนก็เป็นคนเหมือนกัน เป็นคนก็ไม่มีทางไม่เจ็บป่วย นี่ข้าพูดเรื่องจริงนะ”
“ฉงซานกล่าวไม่ผิด ข้ามีโอกาสติดไข้ป่าจริงๆ แต่ว่า…” เซ่าหมิงยวนหยักยิ้มมองเฉียวเจาแวบหนึ่ง “ข้าเป็นคนเดียว เจาเจาดูแลได้ไหว ถ้ากำเริบจริงๆ พวกข้าหาที่ซ่อนสักแห่งรักษาตัวก็เป็นอันสิ้นเรื่อง”
ครั้นทุกอย่างกำหนดได้ลงตัวแล้ว ต่อจากนั้นเฉียวเจาเกลี้ยกล่อมให้เซี่ยเซิงเซียวไปพร้อมกับทุกคนก่อน จากนั้นปรุงยาต้มให้จิ้งเหนียงดื่ม ส่วนเวลาที่เหลือส่วนใหญ่ก็จะตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนศาสตร์สะกดจิตกับหมอเทวดาหลี่ด้วยความกระหายใฝ่รู้
ไม่นานนักทุกคนก็เดินทางถึงท่าปากทะเล
ตลอดช่วงที่ล่องเรือกลางทะเลเสบียงอย่างอื่นยังมีเพียงพอ แต่พวกผักผลไม้สดและน้ำดื่มจำเป็นต้องจัดหาเพิ่มเติม มาตรว่าตอนมาถึงที่นี่คราวก่อนจะไม่น่าอภิรมย์เป็นอันมาก ทุกคนยังคงเหยียบย่างเข้าสู่เมืองเล็กๆ แห่งนี้อีกคราหนึ่ง
เมื่อถือความปลอดภัยเป็นที่ตั้ง สตรีพวกนั้นจึงรออยู่บนเรือ มีเพียงหญิงสาวคนที่ต้องการกลับเรือนนางนั้นที่ให้องครักษ์คนหนึ่งคุ้มกันลงเรือแล้วมุ่งหน้าไปทางตำบลไป๋อวี๋อย่างเงียบๆ
ชาวบ้านยังจดจำพวกเฉียวเจาได้แม่นยำอย่างเห็นได้ชัด สายตาที่มองพวกนางเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
“มารดามันเถอะ น่าโมโหนัก เจ้าคนขี้ขลาดตาขาวพวกนี้เจอพวกชาววอโค่วแทบอยากเข้าไปเลียแข้งเลียขาใจจะขาด พอเจอพวกเราที่ช่วยฆ่าชาววอโค่วให้กลับทำท่าเหมือนระแวงโจรผู้ร้ายกระนั้น!” หยางโฮ่วเฉิงสบถด่าอย่างห้ามไม่อยู่
เฉียวเจากล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “นี่เป็นเรื่องปกติมาก เพราะในใจพวกเขาแจ่มแจ้งดีว่าชาววอโค่วชักดาบฟันใส่พวกเขาได้โดยไม่ลังเลรีรอ แต่พวกเราไม่ทำ”
“ดังนั้นถึงบอกว่าคนเราล้วนใฝ่ต่ำ” ฉือชั่นกล่าวเสียงเย็นๆ
“ไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้ พวกเราเติมเสบียงแล้วจากไปทันที”
ฉือชั่นมองไปทางเซ่าหมิงยวน “พวกเราไปซื้อหาเสบียง ถ้าคนพวกนั้นเล่นไม่ซื่อจะทำอย่างไร”
เซ่าหมิงยวนยกยิ้ม “พวกเราไม่ต้องออกหน้าเอง ระหว่างที่พวกเรากินอาหารอยู่ที่นี่ พวกองครักษ์ของข้าน่าจะจัดการเรียบร้อยแล้ว”
ทุกคนถึงวางใจได้ เดินเข้าร้านสุราร้านเดิมอีกครั้งหนึ่ง
เสี่ยวเอ้อร์ในร้านเห็นว่าเป็นคนกลุ่มนี้อีกแล้ว ดวงตาทั้งคู่ก็เบิกกว้างแทบถลนออกมา เขาตะลึงงันไปครู่หนึ่งถึงกล่าวพร้อมรอยยิ้มฝืดๆ “ลูกค้า…ลูกค้าทุกท่านมาอีกแล้วหรือ”
“ใช่ พวกข้ามาอีกแล้ว ไม่ต้องพูดมาก ยกสุราอาหารดีๆ มารับรองพวกข้า ประเดี๋ยวจะตกรางวัลให้เจ้า” หยางโฮ่วเฉิงทำหน้ารำคาญใจ
เสี่ยวเอ้อร์ทำคอย่น “ลูกค้าทั้งหลายเชิญข้างใน เชิญข้างในขอรับ”
อาหารส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วถูกนำมาวางบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว เซ่าหมิงยวนเห็นเสี่ยวเอ้อร์ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขาจึงบอกเสียงเรียบ “พ่อหนุ่มออกไปเถอะ พวกข้าไม่คุ้นเคยที่มีคนรอรับใช้อยู่ด้านข้าง”