หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 512
บทที่ 512
ทั้งคู่ดื่มน้ำแกงเงียบๆ พอเห็นเฉียวเจาล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาซับมุมปาก เจียงหย่วนเฉายื่นชารสอ่อนถ้วยหนึ่งส่งให้
พอได้ดื่มน้ำชาร้อนๆ ส่งควันกรุ่นลงสู่ท้อง พากระแสไออุ่นผะผ่าวแผ่ซ่านไปทั่วกายช่วยขับไล่ความอ่อนล้าและหนาวเหน็บ
เจียงหย่วนเฉาอยากจะเอ่ยปากพูดหลายครั้งหลายคราแต่ก็ฝืนข่มใจไว้
เขาจะใจเร็วด่วนได้ไม่ได้ เมื่อครู่เขาตักน้ำแกงให้นาง นางก็ตักให้เขาชามหนึ่ง เห็นได้ว่านางมิใช่คนใจร้ายใจดำดุจเก่า
เขามีเวลาวัดความอดทนกับนางถมเถไป ไม่ต้องกลัวว่านางจะไม่พูด
เมื่อเจียงหย่วนเฉาสงบเสงี่ยมอย่างหาได้ยากเช่นนี้ ฝ่ายเฉียวเจาย่อมชอบใจ นางกุมถ้วยน้ำชาด้วยสองมือ ดื่มยังไม่หมดก็พลันได้ยินเสียงร้องอุทานของเจียงเฮ่อดังมาจากลานเรือน
“เจ้าเป็นใคร รีบออกไปเสีย!”
“ข้ามาตามหาคน” สุ้มเสียงทุ้มต่ำแหบแห้งของบุรุษลอยแว่วมา
มือของเฉียวเจากระตุกทีหนึ่งจนถ้วยน้ำชาเกือบหลุดมือหล่นลงพื้น จิตใจที่เขม็งเกลียวอยู่ตลอดผ่อนคลายลงในพริบตา
เขามาแล้ว
เจียงหย่วนเฉาหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย “กวนจวินโหว?”
เสียงพูดนั่นมิใช่เสียงของกวนจวินโหว แต่เป็นเสียงของหนึ่งในสองพี่น้องที่พบกันโดยบังเอิญในโรงเตี๊ยม เสียงของคนที่เป็นพี่ชาย
ในเมื่อคนที่เป็นน้องชายคือคุณหนูหลี พี่ชายผู้นั้นก็คือกวนจวินโหวเป็นธรรมดา
“ที่เรือนข้านี้ไม่มีคนที่เจ้าตามหาอยู่…” เจียงเฮ่อกล่าวไม่ทันจบประโยคก็ส่งเสียงร้องโหยหวนขึ้น ตามมาด้วยเสียงดังตึ้ง
เจียงหย่วนเฉามองผ่านประตูของโถงกินอาหารที่เปิดอ้าออก เห็นเจียงเฮ่อถูกบุรุษร่างสูงใหญ่เหวี่ยงกระเด็นไปอย่างง่ายดาย
เขาหันหน้ากลับมามองเฉียวเจาแวบหนึ่ง
นางถอยหลังหนึ่งก้าวตามสัญชาตญาณ สายตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
ชั่วอึดใจนั้นชายหนุ่มรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจเหมือนโดนเข็มทิ่มแทง
บุรุษร่างสูงขายาวก้าวเข้ามา ทอดสายตาข้ามตัวเจียงหย่วนเฉามองไปที่เฉียวเจา จิตใจที่หวาดหวั่นว้าวุ่นถึงสงบลงได้ เขาคลายยิ้มอย่างอ่อนระโหย
เฉียวเจายกมุมปากโค้งขึ้นเช่นกัน
“ท่านโหวมาโดยมิได้รับเชิญ จะไม่กล่าวทักทายสักคำหรือ” เจียงหย่วนเฉาเพียงรู้สึกว่ารอยยิ้มของทั้งคู่บาดตาเป็นพิเศษ แต่เขาเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ
ชั่วขณะที่เซ่าหมิงยวนเห็นเฉียวเจาเผยโฉมที่แท้จริง เขาก็กระจ่างแจ้งแล้วว่าเจียงหย่วนเฉาล่วงรู้ฐานะของเขากับนาง นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องเขม็งที่อีกฝ่าย
“ใต้เท้าเจียงเชิญคุณหนูหลีมาเป็นแขกหรือ”
บุรุษสองคนมีความสูงไล่เลี่ยกัน ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันโดยไม่กะพริบตา ยามสายตาสองคู่ปะทะกันกลางอากาศราวกับมีสะเก็ดไฟปะทุขึ้น
ภายในโถงตกอยู่ในความเงียบชวนให้อึดอัดนานครู่หนึ่ง
เจียงหย่วนเฉาเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน เขาพูดกลั้วเสียงหัวเราะเบาๆ ขึ้นว่า “อยู่ต่างถิ่นได้พบกับสหายเก่า หรือว่าไม่สมควรเลี้ยงอาหารเล่า”
เซ่าหมิงยวนหยักยิ้ม เขามองไปทางเฉียวเจา ถามไถ่เสียงอ่อนโยนว่า “กินเสร็จแล้วใช่หรือไม่”
นางผงกศีรษะตอบ
เซ่าหมิงยวนสาวเท้าเข้าไปจูงมือนาง “ในเมื่อกินเสร็จแล้ว พวกข้าก็ไม่รบกวนใต้เท้าเจียงแล้ว”
สายตาของเจียงหย่วนเฉาจับอยู่ที่สองมือซึ่งกุมประสานกันของคนทั้งสอง รอยยิ้มก็ปึ่งชาไป
เขาเห็นคนคู่นี้ในท่าทางอย่างนี้แล้วไม่ชมชอบเลย
นี่กวนจวินโหวท้าทายเขาอยู่ใช่หรือไม่
เจียงหย่วนเฉาฉงนใจอย่างยิ่ง เพราะเขาเฝ้าดูจนเห็นกวนจวินโหวกับคุณหนูหลีแยกกันกับตา และแน่ใจว่าอีกฝ่ายจากไปไกลแล้วถึงตามคุณหนูหลีมา แล้วกวนจวินโหวตามมาถึงที่นี่ได้เช่นไร
“ท่านโหวจะพาคุณหนูหลีไปคนเดียวหรือ” เขาถามยิ้มๆ
“ไม่ใช่แน่นอน คนที่ใต้เท้าเจียงเชิญมาพร้อมกัน ข้าต้องพาไปด้วยกันอยู่แล้ว”
“เกรงว่าจะเป็นไปตามประสงค์ของท่านโหวมิได้แล้ว พวกเขาบาดเจ็บอยู่ ข้ารับรองได้ไม่ทั่วถึง”
ดวงตาของเซ่าหมิงยวนทอประกายเข้มขึ้น เขาถามด้วยสีหน้าเป็นปกติ “ใต้เท้าเจียงพาข้าไปดูได้หรือไม่”
เจียงหย่วนเฉาเหยียดปากยิ้ม “ย่อมต้องได้เป็นธรรมดา”
เซ่าหมิงยวนจูงมือเฉียวเจาเดินตามเขาไปดูเฉินกวงกับผู้ตรวจการสิง
เฉินกวงสลบไสลไม่ได้สติ ส่วนผู้ตรวจการสิงเหน็ดเหนื่อยมาทั้งคืน กอปรกับร่างกายอ่อนแอ ตอนนี้ยังนอนหลับสนิทอยู่เช่นเดียวกัน
เซ่าหมิงยวนมองเจียงหย่วนเฉานิ่งๆ “นี่ใต้เท้าเจียงหมายความว่าอะไร หรือว่าข้าทำสิ่งใดเป็นการล่วงเกิน”
“เปล่า แค่เข้าใจผิดกันเท่านั้น ข้าก็ได้รับคำสั่งให้ส่งผู้ตรวจการสิงเข้าเมืองหลวง”
เฉียวเจายิ้มเยาะในใจ
หากเจียงหย่วนเฉาซึ่งมาอีกทางหนึ่งมีจุดหมายปลายทางเดียวกับพวกนาง ก่อนที่นางพูดเป็นนัยว่าตนกับคุณหนูสกุลเฉียวมีความสัมพันธ์กันไม่ธรรมดา เหตุไฉนเขาจะลงมือสังหารนางอย่างโหดเหี้ยมด้วยเล่า
กระนั้นในเวลานี้นางย่อมไม่เปิดโปงคำเท็จของเขา คำพูดตามมารยาทพรรค์นี้หลอกลวงนางไม่ได้ ก็หลอกลวงเซ่าหมิงยวนไม่ได้เหมือนกัน
สถานการณ์ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายต่างไม่อยากฉีกหน้าแตกหัก ยังใส่หน้ากากเข้าหากันไว้ดุจเก่าเท่านั้นเอง
“ในเมื่อท่านโหวมาถึงแล้ว ข้าก็ขออำลาก่อน เรือนที่ข้าเช่าไว้หลังนี้จ่ายเงินไปแล้ว ท่านโหวพำนักได้ตามสบาย”
เซ่าหมิงยวนยกมือขวาง “ใต้เท้าเจียงจะรีบไปที่ใด”
สีหน้าของเจียงหย่วนเฉาขรึมลง “นี่ท่านโหวมีเจตนาใด”
เซ่าหมิงยวนยกยิ้ม “ในเมื่อต่างก็จะเข้าเมืองหลวง ทุกคนเดินทางไปพร้อมกันจะได้ช่วยเหลือดูแลกันและกันมิใช่หรือ”
“ไม่จำเป็น ข้ายังมีธุระต้องสะสาง”
เซ่าหมิงยวนยืนปักหลักขวางหน้าเขาไว้ จะปล่อยให้เจียงหย่วนเฉาจากไปเช่นนี้ไม่ได้แน่นอน
ตอนนี้เจียงหย่วนเฉาวางท่าสุภาพมีมารยาท แต่พอก้าวขาออกไปแล้ว ถึงจะไม่นำกำลังผู้ใต้บังคับบัญชาโขยงหนึ่งมาหาเรื่องพวกเขา ขอเพียงปล่อยข่าวเล็ดลอดออกไปเพียงเล็กน้อย คนของสิงอู่หยางก็จะแห่กันมาเหมือนสุนัขป่าหิวโหยได้กลิ่นสาบเนื้อ
เฉินกวงบาดเจ็บสาหัส ส่วนผู้ตรวจการสิงร่างกายอ่อนแอ เจาเจาก็เป็นสตรีตัวเล็กๆ บอบบาง ถึงตอนนั้นอาศัยกำลังเขาคนเดียวคงสุดปัญญาจะต้านทานได้ไหว
“ข้าหวังว่าใต้เท้าเจียงจะรั้งอยู่ที่นี่ได้ อย่างน้อยก่อนที่พวกข้าจะไปจากที่นี่ ท่านจะอยู่เป็นเพื่อนพวกข้า ดังเช่นที่ท่านกล่าวไว้เมื่อครู่นี้ อยู่ต่างถิ่นได้พบกับสหายเก่า อย่างไรก็ต้องสังสรรค์กันให้เต็มที่”
เจียงหย่วนเฉาหุบยิ้มมองเซ่าหมิงยวนอย่างเย็นชา นานครู่ใหญ่ถึงเอ่ยถาม “หากข้าบอกว่าไม่เล่า”
เซ่าหมิงยวนไม่แยแส เขาพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ “ถ้าอย่างนั้นใต้เท้าเจียงก็ลองดูได้”
เจียงหย่วนเฉาลอบกำมือเป็นหมัดจนเห็นเส้นเลือดที่หลังมือปูดโปน
นี่กวนจวินโหวแน่ใจว่าข้ามิใช่คู่ต่อสู้ของตนหรือ ออกจะมั่นใจในตนเองเกินไปแล้ว!
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะลองดู” เจียงหย่วนเฉามองเฉียวเจาแวบหนึ่งก่อนจะจู่โจมใส่เซ่าหมิงยวนทันที
เซ่าหมิงยวนปล่อยมือของเฉียวเจา เบี่ยงกายหลบการโจมตีแล้วต่อสู้กับเขาอุตลุด
เฉียวเจาถอยหลังหลายก้าวเปิดที่ว่างให้พวกเขาอย่างใจเย็น นางเชื่อมั่นในวรยุทธ์ของเซ่าหมิงยวน
แต่ว่า…พอคิดถึงดวงตาที่แดงก่ำคู่นั้น เฉียวเจาก็ชักเป็นห่วงอีก เขาดูท่าทางเหนื่อยล้าเต็มที น่าจะไม่ได้นอนหลับพักผ่อนเลย
เวลาสั้นๆ ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา เซ่าหมิงยวนกับเจียงหย่วนเฉาก็ประมือกันไปเกินร้อยกระบวนท่าแล้ว
เจียงถังมีฐานะเป็นผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินและคนสนิทของฮ่องเต้หมิงคัง เรื่องฝีมือยุทธ์จัดอยู่ในอันดับหนึ่งอันดับสองของราชสำนัก เจียงหย่วนเฉาได้รับการถ่ายทอดวิชาจากเขาโดยตรงย่อมไม่อ่อนด้อยเป็นธรรมดา
ขณะที่เซ่าหมิงยวนนั้นพูดได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ล้นเหลือ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางกลายเป็นวีรบุรุษหนุ่มน้อยนามกระเดื่องทั่วหล้าด้วยวัยเพียงสิบสี่
ในการต่อสู้ยกนี้ทั้งสองล้วนทุ่มสุดฝีมือ ฝ่ายเจียงหย่วนเฉารู้สึกว่าเกินกำลังมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่รู้เพราะเหตุใด เขาไม่อยากให้เด็กสาวตรงหน้าเห็นเขาในสภาพผู้แพ้อย่างมาก ถึงแม้เขารู้ว่ามันเป็นผลลัพธ์ที่นางปรารถนาจะได้เห็น
เจียงหย่วนเฉาผิวปากเป็นเสียงแหลมดังกังวานยาวๆ ไม่นานนักก็มีชายหนุ่มสีหน้าเฉยเมยยืนอยู่ในลานเรือนจนเต็ม
เซ่าหมิงยวนใช้มือหนึ่งคว้าหมับที่หัวไหล่เขา กล่าวพร้อมรอยยิ้มบางๆ อย่างไม่อนาทรร้อนใจกับคนที่ปรากฏตัวขึ้นกะทันหันพวกนั้น “ใต้เท้าเจียงมีสมัครพรรคพวกมากดังคาด”
เจียงหย่วนเฉายักคิ้วถามยิ้มๆ “หรือว่าท่านโหวคิดจะเอาชีวิตข้า”
สีหน้าของเซ่าหมิงยวนสงบนิ่ง ทว่าในดวงตาคล้ายพายุอารมณ์กำลังตั้งเค้า แววอำมหิตผุดขึ้นรางๆ
เฉียวเจาเห็นดังนั้นก็รีบเปล่งเสียงเรียก “ถิงเฉวียน…”