หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 515
บทที่ 515
ห้าวันต่อมาเฉินกวงลงจากเตียงเดินเหินได้แล้ว
“ท่านโหวจะออกเดินทางตอนนี้แล้วหรือ” เจียงหย่วนเฉายืนอยู่ในลานเรือน เขาตวัดสายตาผ่านเฉียวเจาไปมองเซ่าหมิงยวนด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
เซ่าหมิงยวนเลิกคิ้วโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ “ยังต้องรบกวนใต้เท้าเจียงตามไปส่งพวกข้าสักระยะด้วย”
เจียงหย่วนเฉามองเฉียวเจาเป็นเชิงถามนาง แต่ก็เหมือนพูดกับเซ่าหมิงยวน “ข้ามีโอกาสเลือกด้วยหรือ”
หลายวันมานี้เขารู้สึกปวดท้องบิดเป็นระยะ นับว่าได้ลิ้มรสชาติของผงไส้ขาดเจ็ดทิวาแล้ว เพื่อรักษาชีวิตไว้เลยจำยอมให้อีกฝ่ายชี้นิ้วบงการตามชอบใจ
“เรือเตรียมไว้แล้ว ในเมื่อท่านโหวจะไปก็รีบไปแต่เช้า”
“ใต้เท้าเจียงเตรียมการได้พร้อมพรักยิ่ง ขอบคุณมาก”
อากาศเย็นลงโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว แมกไม้ริมน้ำแลดูแห้งแล้งโรยรา กลุ่มของเฉียวเจาขึ้นเรือไปจากสถานที่ที่มาอยู่พำนักเป็นเวลาสั้นๆ
ขบวนเดินทางมุ่งหน้าสู่ทิศเหนือ แทบจะทุกๆ ไม่กี่ลี้จะมีเรือของทางการคอยสกัดตรวจค้นตลอดทาง แต่ก็ปล่อยผ่านทุกครั้งเพราะเจียงหย่วนเฉาสำแดงฐานะองครักษ์จินหลิน
เขาอดยิ้มเยาะไม่ได้ “นี่ท่านโหวใช้ข้าเป็นยันต์คุ้มกายหรือไร”
เซ่าหมิงยวนยืนพิงราวรั้วเรือ มองดูผิวน้ำส่องประกายระยิบระยับพลางยิ้มน้อยๆ “ผู้มีความสามารถย่อมมีความรับผิดชอบมาก”
“นี่ท่านโหวยอมรับว่าตนเองไร้ความสามารถหรือ” เจียงหย่วนเฉากล่าวประชดประชันกลับ
เซ่าหมิงยวนเผยรอยยิ้มจางๆ “ข้าไม่เคยเอาชนะคะคานกับใครด้วยคารม”
เจียงหย่วนเฉาเบือนหน้ามองไปทางท้องน้ำที่ราวกับโรยด้วยกากเพชรสีทองพร้อมเปล่งเสียงหัวร่อกะทันหัน “ข้าสนใจใคร่รู้อย่างมากจริงๆ ว่าท่านโหวกระทำการใหญ่สะท้านฟ้าสะเทือนดินอะไรไว้กันแน่ ถึงสร้างความขวัญหนีดีฝ่อไปทั่วทั้งฝูตงจนต้องตรวจค้นเรือที่ผ่านไปผ่านมาอย่างเข้มงวดเพียงนี้”
เซ่าหมิงยวนดึงสายตากลับมามองเขา “ข้าเองก็สนใจใคร่รู้อย่างมากว่าท่านผู้บัญชาการเจียงมีเรื่องสำคัญใดกันถึงสั่งให้ใต้เท้าเจียงแฝงกายเข้ามาในฝูตงอย่างลับๆ”
เจียงหย่วนเฉารู้ว่าคงถามไม่ได้ความใด เขาชำเลืองเห็นเฉียวเจามาทางนี้ก็ไม่กล่าววาจาต่อ
“กินอาหารได้แล้ว” เฉียวเจาเดินมาบอก
“เย็นนี้มีอะไรกินหรือ” เซ่าหมิงยวนถามยิ้มๆ
“ตกปลาได้หลายตัวเลยทำปลาผัดต้นหอมกับน้ำแกงปลา”
ทั้งสองเดินพูดคุยยิ้มหัวกันเข้าไปข้างใน ส่วนเจียงหย่วนเฉายืนอยู่ที่เดิมตามลำพัง
เฉียวเจาออกเดินไปหลายก้าวแล้วหันหลังกลับมา “ใต้เท้าเจียงยืนเฉยอยู่ด้วยเหตุใดกัน”
เขามองนางนิ่งๆ พร้อมกับชี้ตรงท้องของตนเอง “ตรงนี้เจ็บ ไม่อยากกิน”
นางนิ่งเงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนจะก้าวขาเดินไปหาเขา หยิบขวดกระเบื้องเล็กๆ ใบหนึ่งส่งให้ “ไม่ใช่ยาถอนพิษ แต่บรรเทาปวดได้”
เจียงหย่วนเฉากำขวดกระเบื้องที่ยังหลงเหลือไออุ่นจากกายเด็กสาวติดอยู่ไว้ในมือ กล่าวทอดถอนใจเบาๆ “ขอบคุณท่านมาก”
นางหลุบตาลง ท่าทีเฉยเมยห่างเหิน “ใต้เท้าเจียงไม่ต้องเกรงใจ”
เขาขยับปากอยากจะถามให้รู้เรื่อง ทว่าติดขัดที่หลายวันมานี้เจ้าคนขวางหูขวางตาผู้นั้นตามติดเฉียวเจาไม่ห่าง เขาจำต้องละความตั้งใจ เพียงสาวเท้าเดินตามไปเงียบๆ
อาหารเย็นเรียบง่ายมาก มีปลาผัดต้นหอมตัวหนึ่งกับน้ำแกงปลาชามใหญ่ แล้วก็ถั่วแขกดองสับละเอียดจานหนึ่ง
ในสภาพการณ์เช่นนี้จะเคร่งครัดธรรมเนียมมากนักไม่ได้ ทุกคนจึงนั่งล้อมวงกินอาหารด้วยกัน
เซ่าหมิงยวนบรรจงเลาะก้างในเนื้อปลาออกแล้วค่อยคีบใส่ชามเฉียวเจา
นางคลี่ยิ้มพลางตักน้ำแกงปลาให้เขาชามหนึ่ง
เจียงหย่วนเฉาพลันรู้สึกว่าอาหารไร้รสชาติเหมือนเคี้ยวเทียน เขาวางตะเกียบแล้วลุกออกไปยืนรับลมตรงราวรั้วเรือ
สายลมกลางแม่น้ำเย็นเฉียบทำให้สมองแจ่มใสขึ้น เจียงหย่วนเฉานึกถึงที่ตนลุกจากโต๊ะอาหารเมื่อครู่นี้แล้วยิ้มฝืดๆ อย่างสุดระงับ
ยามเผชิญหน้ากับนางดูเหมือนเขายิ่งมายิ่งควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
เรื่องที่รนหาความทุกข์ใส่ตัวพรรค์นี้ หากเป็นในกาลก่อนเขาคงนึกดูถูกเหยียดหยาม ใครจะรู้ว่าเขาเจียงหย่วนเฉาก็มีวันนี้เช่นกัน
“ใต้เท้า…” เจียงเฮ่อเดินเข้ามาเมื่อใดก็สุดรู้ เขาพิงราวรั้วเรือส่งเสียงเรียกอย่างระมัดระวัง
เจียงหย่วนเฉาหันหน้าไปมองเขา
เจียงเฮ่อยื่นหมั่นโถวลูกหนึ่งให้เขา “ใต้เท้า ท่านกินไม่อิ่มกระมัง นี่ยังอุ่นๆ อยู่ขอรับ”
เจียงหย่วนเฉาจ้องมองหมั่นโถวอวบๆ ขาวๆ ลูกนั้นครู่ใหญ่ก่อนจะยื่นมือรับไว้ ใช้มือฉีกทีละชิ้นเอาเข้าปาก
ท่าทางของเขาสุภาพเรียบร้อย ถึงกินหมั่นโถวลูกหนึ่งก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นอาหารชั้นเลิศ
เจียงเฮ่อถอนใจเฮือกหนึ่ง “ใต้เท้า ยามอยู่ต่างถิ่นท่านอย่าเลือกกินจะดีกว่า…”
ความซาบซึ้งใจที่เอ่อท้นขึ้นมาเพราะหมั่นโถวลูกหนึ่งสลายหายวับไปทันใด เจียงหย่วนเฉายกมือชี้ไปทางข้างใน
ไม่ต้องรอให้เขาบอกเจียงเฮ่อก็ทำหน้าม่อยพลางกล่าวว่า “ข้าทราบแล้ว ข้าจะไสหัวไปเดี๋ยวนี้เลยขอรับ”
เจียงหย่วนเฉารู้สึกโล่งหู เขาเพ่งมองสายน้ำอย่างเหม่อลอย ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงฝีเท้า
เขาหมุนกายขวับไปเห็นว่าเป็นเซ่าหมิงยวน แววลิงโลดที่ผุดขึ้นในดวงตาโดยไม่รู้ตัวเลือนหายไป เขากล่าวเอื่อยๆ “ท่านโหวกินเสร็จแล้วหรือ”
“ข้าไม่จู้จี้ กินง่ายมาก”
“เช่นนั้นท่านโหวจะมาคุยเล่นกับข้าหรือ” เจียงหย่วนเฉาเบนสายตาไปทางอื่น
เขามองหน้าเจ้าคนผู้นี้นานๆ ไม่ได้จริงๆ เห็นแล้วก็บังเกิดอารมณ์ชั่วแล่นอยากต่อยคน ทว่าเผอิญว่าสู้อีกฝ่ายยามนี้ไม่ได้ ช่างน่าคับใจดีแท้!
“อยากจะบอกกล่าวใต้เท้าเจียงสักคำว่าจะขอเอาเรือเทียบท่าครู่หนึ่ง”
“เอ๊ะ?” นัยน์ตาของเจียงหย่วนเฉาทอแววคาดไม่ถึงวูบหนึ่ง
เซ่าหมิงยวนตรงไปตรงมามาก “มีองครักษ์สองคนมาสมทบกับข้าที่นี่”
เจียงหย่วนเฉาจ้องมองเขาด้วยสายตาล้ำลึก “ท่านโหวกับองครักษ์ส่งข่าวคราวถึงกันได้ทุกเวลากลับน่าประหลาดใจนัก”
เซ่าหมิงยวนยกยิ้ม “ใต้เท้าเจียงมิได้เป็นเช่นนี้หรอกหรือ”
นายท้ายเรือเป็นคนของเจียงหย่วนเฉา เมื่อเขามีคำสั่งลงไปเรือก็เข้าจอดเทียบท่าตรงจุดที่เซ่าหมิงยวนบอกไว้อย่างรวดเร็ว
ย่ำค่ำริมฝั่งหนาวเย็นน้ำค้างแรง ชายหนุ่มสวมชุดสีดำสองคนเดินประคองกันลงเรือ แต่พิศดูดีๆ หนึ่งในนั้นก้มศีรษะงุดมองไม่เห็นหน้าตาถูกอีกคนหนึ่งหิ้วปีกไว้
“เยี่ยลั่ว เป็นเจ้าได้อย่างไร” เฉินกวงประหลาดใจยกใหญ่
เยี่ยลั่วขยิบตากับเฉินกวงโดยไม่ส่อพิรุธ เขาประคององครักษ์อีกคนไว้พลางกล่าว “ท่านแม่ทัพ เยี่ยเฟิงได้รับบาดเจ็บ ข้าพยุงเขาเข้าไปนอนพักก่อนนะขอรับ”
เจียงหย่วนเฉามองตามเยี่ยลั่วโดยไม่วางตาจวบจนเขาพยุงองครักษ์อีกคนเข้าไปข้างในตัวเรือถึงดึงสายตากลับพลางพูดด้วยรอยยิ้มเอื่อยๆ “เห็นทีท่านโหวไปกระทำการใหญ่ไว้ดังคาด”
ครั้นเห็นสีหน้าของเซ่าหมิงยวนสงบนิ่ง เขาพลันยกมุมปากขึ้น “จริงสิ สิงอู่หยางโดนลอบสังหารได้รับบาดเจ็บที่นอกประตูเมืองฝูซิง เป็นฝีมือของท่านโหวกระมัง”
เซ่าหมิงยวนสบตากับเขาด้วยท่าทางไม่ลดราวาศอกแม้แต่น้อย “ข่าวลือเรื่องโรคระบาดในเมืองฝูซิง เป็นใต้เท้าเจียงแพร่ออกไปกระมัง”
เจียงหย่วนเฉาหัวเราะขลุกขลัก ยามราตรีของต้นฤดูหนาว เสียงหัวร่อทุ้มต่ำของบุรุษฟังดูโดดเดี่ยววังเวงใจอยู่หลายส่วน “ชาวเมืองฝูซิงไม่ก่อจลาจลขึ้น มีหรือท่านโหวจะออกจากเมืองได้อย่างราบรื่นปานนั้น”
เซ่าหมิงยวนมองเขานิ่งๆ รอยยิ้มเยาะหยันผุดขึ้นตรงมุมปาก “พูดเช่นนี้ข้ายังต้องขอบคุณใต้เท้าเจียงที่ช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่สินะ”
เจียงหย่วนเฉาเอาสองมือจับราวรั้วเรือ ในดวงตาของเขาราวกับแต่งแต้มด้วยประกายดาวเย็นเยือกขณะกล่าวอย่างไม่เร็วไม่ช้า “ท่านโหวอยากขอบคุณจริงๆ ข้าจะรับไว้ก็ได้ เช่นนั้นขอให้คุณหนูหลีมอบยาถอนพิษให้ข้าโดยไวได้หรือไม่”
เซ่าหมิงยวนปฏิเสธอย่างเต็มปากเต็มคำ “เรื่องนี้เกรงว่าจะไม่ได้ มีแต่คุณหนูหลีตัดสินใจแทนข้าได้ ข้าตัดสินใจแทนนางไม่ได้”
มุมปากของเจียงหย่วนเฉากระตุกริก เขาทำหน้าบึ้งทันควัน
คนผู้นี้จงใจยั่วโทสะข้า!