หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 52
ฮูหยินทั้งหลายในโถงพยายามรักษาท่วงท่าสง่างามเยือกเย็นไว้สุดกำลัง ทว่าใบหูกางผึ่งรับฟังความเคลื่อนไหวด้านนอก
ข้างฝ่ายพวกคุณหนูวัยเยาว์อดรนทนไม่ไหวแต่แรก แอบย่องออกไปเงียบๆ
บนระเบียงยาวเบียดเสียดแออัดขึ้นเรื่อยๆ
ทุกคนเห็นภิกษุต้อนรับสาวเท้ามาอย่างไม่เร็วไม่ช้า มีภิกษุณีวัยกลางคนตามมาข้างๆ แล้วยิ่งสนใจใคร่รู้มากขึ้น
ภิกษุต้อนรับก้าวเข้าห้องโถงเดินแล้วไปตรงหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง
หญิงชราตวัดสายตามองหลานสาวแวบหนึ่ง เห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าเรียบเฉย จิตใจที่ว้าวุ่นวิตกอยู่ตลอดของนางก็สงบลงทันที
ซือฟู่…
นางเพิ่งอ้าปากพูด ภิกษุต้อนรับก็เบี่ยงกายไปด้านข้างแล้วกล่าวแนะนำ ฮูหยินผู้เฒ่า ศิษย์พี่ท่านนี้เป็นคนข้างกายของอู๋เหมยซือไท่ ท่านซือไท่มีคำสั่งให้ศิษย์พี่พาคุณหนูสามกลับมาโดยเฉพาะ
จิ้งซีประนมมือคารวะฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง ข้าคือจิ้งซี
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งรีบแสดงคำนับ
สายตาตกใจแกมเคลือบแคลงของทุกคนในโถงล้วนจับไปที่ตัวจิ้งซี
ภิกษุณีข้างกายอู๋เหมยซือไท่เป็นคนส่งคุณหนูสามสกุลหลีกลับมา นี่หมายความว่าอะไรกัน
ที่แท้หลีซานคัดลอกพระธรรมเล่มนั้นจริงๆ ?!
สวรรค์! ตกลงว่าลายมือของหลีซานงามสักเพียงใดกันแน่ ถึงทำให้อู๋เหมยซือไท่เรียกตัวไปพบอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซ้ำยังให้คนสนิทพามาส่งด้วยตนเอง
ทุกคนต่างคันยุบยิบในใจด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพียงนึกชังที่ไม่อาจได้เห็นสมุดคัมภีร์เล่มนั้น
จิ้งซีอ้าปากกล่าวขึ้นท่ามกลางบรรยากาศเฉกนี้ ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านซือไท่ชมชอบตัวอักษรของสีกาน้อยเป็นอันมาก ท่านเชิญสีกาน้อยให้มาที่อารามซูอิ่งในวันหน้าเพื่อคัดลอกพระธรรมทุกเจ็ดวัน ไม่ทราบว่ามีข้อติดขัดประการใดหรือไม่
แคว้นต้าเหลียงไม่ยึดถือประเพณีโบราณอย่างเคร่งครัดนัก สตรีจะออกนอกเรือนไม่นับเป็นเรื่องลำบากยากเย็นอันใด ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงว่าเป็นอู๋เหมยซือไท่ของอารามซูอิ่งเชิญมาคัดลอกพระธรรม
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งแทบมิได้ลังเลใจ นางเอ่ยตอบทันทีว่า ตัวอักษรของหลานเจาถูกตาของท่านซือไท่ได้เป็นบุญวาสนาของนาง ย่อมจะไม่มีข้อติดขัดอะไรเป็นธรรมดา
สายตาของฮูหยินผู้เฒ่าเจียงด้านข้างที่มองไปทางเฉียวเจาแปรเปลี่ยนไปโดยพลัน
นางเป็นสตรีเชื้อพระวงศ์ คนอื่นอาจไม่ล่วงรู้ แต่นางกระจ่างแจ้งดี อู๋เหมยซือไท่ท่านนั้นเคยเป็นองค์หญิงใหญ่ เป็นคนถือยศถือศักดิ์ เย่อหยิ่งทะนงตนปานใด
ตัวอักษรของหลานเจาถูกตาต้องใจนางได้หรือนี่
จริงอยู่ว่าคัมภีร์พระธรรมเล่มนั้นของหลานเจาจะคัดลอกได้สวยงาม ไม่แน่ว่าทอดสายตาไปทั้งเมืองหลวงแล้วยังคงเป็นที่หนึ่ง ทว่าในครั้งนั้นองค์หญิงใหญ่ท่านนั้นก็มีชื่อเสียงในเชิงตัวอักษรมากพอดูเชียวนะ
บางทีคนเรามักเปลี่ยนไปเรื่อยๆ กระมัง ดังเช่นเด็กสาวที่เยือกเย็นเป็นปกติเบื้องหน้าผู้นี้
ตามหลักแล้วจวนสกุลหลีมีสตรีเก่งกาจสามารถผู้หนึ่งเช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การยินดี แต่เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเจียงคิดไปถึงเรื่องขายหน้าก่อนหน้านี้ก็ดีใจไม่ออก ยิ่งกว่านั้นชื่อเสียงของหลีซานมีมลทินแล้ว ถึงสร้างกิตติศัพท์เป็นสตรีผู้มีความสามารถได้ลือลั่นกว่านี้แล้วจะมีอันใด ตระกูลที่เคร่งครัดธรรมเนียมยังคงไม่รับคนเช่นนี้เป็นสะใภ้อยู่ดี
หากชื่อเสียงนี้ตกเป็นของคุณหนูคนหนึ่งคนใดในสกุลหลีก็คงจะดี…
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงนึกเสียดายเป็นคำรบที่สอง
ข้าขออำลาก่อน สีกาน้อย อีกเจ็ดวันพบกัน
เมื่อจิ้งซีไปแล้ว ทั่วทั้งวัดต้าฝูก็ครึกครื้นขึ้นมา
นี่ช่างน่าอัศจรรย์โดยแท้ ลายมือของเด็กสาวผู้หนึ่งถึงกับเป็นที่ชมชอบถูกใจของอู๋เหมยซือไท่ซึ่งเคยเป็นยอดสตรีอันดับหนึ่งในใต้หล้าและเป็นองค์หญิงสูงศักดิ์ ถึงขั้นเชิญนางมาคัดลอกพระธรรมเป็นพิเศษ
อย่าลืมว่าอารามซูอิ่งไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไป ตลอดหลายปีมานี้คนที่เคยเข้าไปที่นั่นล้วนแล้วแต่เป็นสตรีสูงศักดิ์ที่สุดเพียงไม่กี่คน
ไทเฮานับถือพุทธ แต่สองปีมานี้เสด็จมาที่อารามซูอิ่งน้อยลง ถึงกระนั้นยังคงไปมาหาสู่กันไม่เคยขาดตอน ว่ากันว่าเมื่อไม่นานมานี้องค์หญิงเก้าเพิ่งมาขอพรให้ไทเฮาที่นี่
คนที่อยู่ที่นี่ถ้าไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ก็เป็นสตรีในตระกูลขุนนาง ความปรารถนาที่จะเข้าไปใกล้ชิดใจกลางอำนาจนั้นแทบจะฝังลึกลงกระดูก ไม่เช่นนั้นถ้าเป็นแค่นักบวชผู้สละฐานันดรศักดิ์องค์หญิงซึ่งไร้อำนาจใดๆ ผู้หนึ่ง จะทำให้พวกนางใส่ใจถึงเพียงนี้ได้เช่นไร
ฮูหยินผู้เฒ่า ไม่ทราบว่าคุณหนูสามเป็นศิษย์อาจารย์ท่านใดหรือ พวกฮูหยินที่รุมล้อมฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งพากันเอ่ยถาม
ในใจฮูหยินผู้เฒ่าเจียงเคืองขุ่นเหลือจะกล่าว นี่เป็นครั้งแรกที่คนในงานพบปะสังสรรค์ผละจากนางไปห้อมล้อมพูดคุยกับเติ้งซื่อ
อาจารย์? เอ่อ…หลานเจาของพวกข้ามิได้เชิญอาจารย์มาสอน แค่ตามพี่น้องในเรือนไปเล่าเรียนเท่านั้นเอง แต่บิดามารดาของนางเอาใจใส่นางมาก ซื้อหาแบบคัดอักษรล้ำค่าราคาแพงพวกนั้นมาให้นางคัดเขียนไม่น้อย
ทุกคนฟังแล้วลอบกลอกตาขึ้น
ถ้าฝึกเขียนตามแบบคัดลอกแล้วจะบุญพาวาสนาส่งปานนี้ นั่นต่างหากถึงแปลกพิสดาร
เมื่อเห็นทุกคนไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งก็ฉีกยิ้มกล่าว ดูทีว่าหลานเจาจะมีพรสวรรค์ในเชิงเขียนอักษรวาดภาพผิดจากผู้อื่นกระมัง
ของที่ติดตัวมาแต่กำเนิด คนอื่นมิอาจริษยาได้
ทุกคน … ชมตนเองเช่นนี้ได้ด้วยหรือ
ตู้เฟยเสวี่ยที่แอบย่องเข้ามาในโถงตั้งแต่เมื่อไรก็สุดรู้ทนไม่ไหวแล้ว นางพูดเสียงดังกังวาน ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ ข้าเคยเห็นตัวอักษรของน้องเจา ดูเหมือนว่าจะด้อยกว่าพี่เจี่ยวของข้าอยู่บ้างนะ
หลีเจี่ยวรีบปรามนาง
ตู้เฟยเสวี่ยเป็นบุตรสาวโทนของกู้ชางป๋อ ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความเกเรเอาแต่ใจอยู่ในวงสมาคมนี้เช่นกัน
แต่บุตรสาวของผู้สูงศักดิ์ต่างจากบุตรสาวในตระกูลบัณฑิต คนที่มีนิสัยเย่อหยิ่งถือใจตนเป็นใหญ่มิใช่หาพบได้ยาก ดูได้จากฮูหยินเหล่านี้ที่ล้วนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา กระทั่งจูซื่อมารดาของตู้เฟยเสวี่ยก็แค่ขึงตาใส่บุตรสาวโดยมิได้ออกปากว่ากล่าวตำหนิ
เปรียบกับเด็กสาวที่เสียมารยาทแล้ว พวกนางสนใจใคร่รู้เรื่องลายมือของคุณหนูสามสกุลหลีมากกว่า
พอได้ยินคนนอกกังขาในฝีมือของหลานสาว ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งก็ไม่พอใจทันใด แต่อีกฝ่ายเป็นสาวผู้หนึ่ง จะปะทะคารมกันย่อมไม่เป็นการดี หญิงชราจึงยิ้มน้อยๆ พูดตอบ คุณหนูตู้ไม่เคยได้ยินคำว่า ‘ซ่อนคม’ หรือ หลานเจาของข้าอายุยังน้อย ไม่อยากโดดเด่นข้ามหน้าข้ามตาพี่สาวทั้งหลาย
คำว่า ‘พี่สาวทั้งหลาย’ นี้มิได้หมายรวมแค่พวกคุณหนูในจวนสกุลหลี พวกฮูหยินที่อยู่ในโถงได้ยินแล้วจึงมุมปากกระตุกริกพร้อมกัน
น่าโมโหนัก ช่างโอหังเหลือเกิน
ไม่เห็นหัวคนที่สั่งสอนชี้แนะทักษะการดีดพิณ เดินหมาก วาดภาพ และเขียนอักษรอย่างเข้มงวดให้แก่บุตรสาวเกินไปแล้วกระมัง
ครานี้หากตัวอักษรของหลีซานไม่อาจทำให้พวกนางยอมศิโรราบทั้งกายใจล่ะก็ วันนี้พวกนางจะอยู่ที่วัดต้าฝูไม่ไปที่ใดแล้ว
ภิกษุต้อนรับที่ถูกเบียดไปเข้ามุมทำหน้าตาเหลอหลา โอดครวญอยู่ในใจว่า อยู่ที่นี่ไม่ได้นะ ที่นี่เป็นอารามพระ ท่านเจ้าอาวาสได้ตีข้าขาหักแน่!
พวกฮูหยินส่งสายตาให้จูซื่อฮูหยินของกู้ชางป๋อถี่ๆ
ชั่วขณะนี้จูซื่อบังเกิดความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก นางไม่เคยได้รับความสำคัญจากคนนอกเพราะบุตรสาวเฉกนี้มาก่อน แล้วเหตุผลกลับเป็นเพราะอยากให้ผู้เป็นมารดาเช่นนางบุ้ยใบ้ให้บุตรสาวรุกต่อไป
จูซื่อขัดแย้งในใจชั่วประเดี๋ยวเดียวก็โอนอ่อนอย่างรวดเร็ว ช่างเถิด ใครใช้ให้นางก็อยากเห็นลายมือของหลีซานจนแทบอดใจรอไม่ไหวเหมือนกันเล่า
เฟยเสวี่ย อย่าเหลวไหล ที่เจ้าเคยเห็นเมื่อก่อนไม่อาจใช้เป็นตัวตัดสินระดับฝีมือของคุณหนูสาม แล้วจะตั้งข้อกังขาผู้อื่นเพราะเหตุนี้ได้เช่นไร ยังไม่ขอขมาต่อท่านฮูหยินผู้เฒ่าอีก
ครั้นได้ยินมารดาพูดเช่นนี้ ตู้เฟยเสวี่ยไม่ยอมจำนนทันที ทว่านางยังจำได้ว่ายามอยู่ต่อหน้าฮูหยินทั้งหลายจะดื้อดึงเอาแต่ใจเกินไปไม่ได้ นางแสดงคารวะต่อฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งแล้วกล่าวต่อว่า เป็นเฟยเสวี่ยใจร้อนเองเจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าโปรดอภัยให้ด้วย แต่ข้าเพียงแค่อยากเห็นตัวอักษรของน้องหลีซาน…
นางหยุดเว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนตบมือทีหนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ เช่นนี้ดีหรือไม่ ท่านให้น้องหลีซานเขียนอักษรแผ่นหนึ่งให้พวกข้าได้เปิดหูเปิดตา ดูสิว่าตัวอักษรที่ถูกตาต้องใจอู๋เหมยซือไท่ได้นั้นดีสักปานใดกันแน่
เฉียวเจาที่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอยู่ตลอดชายตามองจูซื่อปราดหนึ่ง
เห็นทีว่าฮูหยินท่านนี้ก็คืออาหญิงของพี่จูกระมัง
นางกลอกตาเล็กน้อยมองเด็กสาวข้างกายฮูหยินอีกท่านหนึ่ง
เด็กสาวผู้นั้นผิวขาวราวหิมะ แลดูสงบเยือกเย็นจากภายในสู่ภายนอก
ตอนเดินผ่านระเบียงยาวก่อนหน้านี้ เฉียวเจาได้ยินตู้เฟยเสวี่ยเรียกนางว่า จูเหยียน ก็ค้นพบชื่อนี้จากความทรงจำในอึดใจเดียว
นี่คือน้องสาวแท้ๆ ของพี่จู
จูเหยียนดูคล้ายรับรู้ถึงสายตาของนาง พลันช้อนตาขึ้นส่งยิ้มน้อยๆ ให้