หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 572
บทที่ 572
หลีกวงซูตะลึงลาน ทำปากขมุบขมิบแต่กล่าววาจาไม่ออกราวกับโดนคนชกหมัดหนึ่ง
สถานการณ์ในตอนนี้ถ้าเขาตอบว่าไม่มีเงินส่วนตัว ท่านแม่ก็จะขายบ่าวไพร่ที่เขาพากลับมา แต่ถ้าตอบว่ามีเงินส่วนตัว ท่านแม่ก็จะยึดเงินไปแล้วขายบ่าวไพร่ที่เขาพากลับมาอยู่ดี
รวมความว่าบ่าวไพร่ที่เขาพากลับมาต้องลงเอยด้วยการถูกขายอย่างหนีไม่พ้น
หลังจากรุดเดินทางติดๆ กันมาหลายวัน อีกทั้งเป็นเดือนสิบสองที่อากาศหนาวเหน็บเป็นเหตุให้ลำบากเหน็ดเหนื่อยมากพอดู ยามนี้หลีกวงซูเพียงรู้สึกปวดศีรษะแทบแตก เขาเอ่ยอย่างปลงตก “สุดแท้แต่ท่านแม่ตัดสินใจเถอะขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งมองบุตรชายคนรองอย่างผิดหวัง นางพยักหน้ากับหรงมามา
หรงมามาหมุนกายออกไปหาคนค้าทาส
“เจ้ารอง เจ้าเดินทางตรากตรำมาก็คงจะอ่อนล้าแล้ว ลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ ไว้กินข้าวพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัวแล้วค่อยว่ากันถึงเรื่องอื่น”
หลีกวงซูเห็นมารดาไม่เอ่ยถึงเรื่องของเฮ่าเกอเอ๋อร์อีกก็ลอบระบายลมหายใจเฮือกหนึ่ง เขาลุกขึ้นเอ่ยบอก “ท่านแม่ ข้าไปเยี่ยมคารวะท่านป้าสะใภ้ที่จวนตะวันออกก่อนนะขอรับ”
เมื่อเทียบกันแล้วกลับมาถึงก็ไปเยี่ยมคารวะจวนตะวันออกทันทีหรือว่าล้างหน้าล้างตากินอาหารเสร็จแล้วค่อยไปนั้น ในสายตาของท่านเซียงจวินกับญาติผู้พี่ย่อมไม่เหมือนกัน
ญาติผู้พี่รั้งตำแหน่งรองเสนาบดีกรมอาญาเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของราชสำนัก ผูกมิตรกับเขาไว้ย่อมมีประโยชน์โพดผลเป็นธรรมดา
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเหลือบเปลือกตาขึ้น “ไปเถอะ”
นางเป็นคนเข้าใจเหตุผลดี มิไยว่าท่านเซียงจวินจวนตะวันออกจะน่ารำคาญปานใด ธรรมเนียมมารยาทที่พึงมีย่อมงดเว้นไม่ได้ เพียงคิดไม่ถึงว่าบุตรชายคนรองจะใจร้อนเพียงนี้เท่านั้นเอง
หลีกวงซูประสานมือคำนับมารดาอีกคำรบหนึ่งแล้วตั้งท่าจะออกไป
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งคล้ายฉุกคิดขึ้นได้ นางเอ่ยเตือน “จริงสิ ตาของท่านเซียงจวินมองไม่เห็นแล้วนะ”
หลีกวงซูชะงักฝีเท้ากึก
หญิงชรายังกล่าวต่อท้ายอีกคำหนึ่งอย่างไม่เร็วไม่ช้า “ส่วนญาติผู้พี่ของเจ้าโดนลดตำแหน่งสองขั้นเพราะทำคดีบกพร่อง กำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่ เจ้าไปแล้วพูดจาระวังสักหน่อย”
หลีกวงซูตัวเซวูบเกือบล้มหน้าคะมำ
เพราะอะไรเรื่องสำคัญอย่างนี้ไม่บอกแต่แรก!
“รีบไปสิ รีบไปรีบกลับ ทุกคนยังรอกินข้าวพร้อมกับเจ้านะ”
ถ้ารู้แต่แรก ข้าจะคิดลากสองขาที่คุกเข่าจนปวดเมื่อยไปที่นั่นทำอะไร
เหตุใดถึงรู้สึกไม่วายว่าโดนท่านแม่กลั่นแกล้ง…
พอนายท่านรองสกุลหลีเดินออกไปทั้งน้ำตา ภายในโถงเงียบเชียบลง
ครู่หนึ่งฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งพลันอ้าปากบอก “หลานเยียน หลานฉาน หมู่นี้พี่เจี่ยวของพวกเจ้าอารมณ์ไม่ค่อยแจ่มใส พวกเจ้าไปดูนางเถอะ”
คุณหนูสี่หลีเยียนกับคุณหนูหกหลีฉานสบตากัน
“ไปเถอะ” หลิวซื่อตบหลังมือของบุตรสาวทั้งสองเบาๆ หากทำได้ไหนเลยนางจะเต็มใจให้บุตรสาวสองคนเห็นเรื่องน่ากลัดกลุ้มพรรค์นี้
หลีเยียนจูงมือน้องสาวย่อเข่าคำนับพวกผู้อาวุโสแล้วถอยออกไป
เฉียวเจาเห็นดังนั้นก็สืบเท้าขึ้นหน้าก้าวหนึ่งพูดขอตัวออกไป
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งมองนางอย่างพินิจพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงชอบกล “หลานเจา เจ้าหมั้นหมายแล้ว อีกหน่อยก็เป็นผู้ใหญ่ ไม่ต้องหลบเลี่ยงเรื่องพวกนี้อีก”
หลานสาวผู้นี้ทำให้นางทั้งประหลาดใจทั้งยินดีมากที่สุด หลังจากไปตกระกำลำบากมาคราหนึ่งแล้วราวกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่ ถึงต้องเลี้ยงดูจนเป็นหญิงทึนทึกอยู่ในเรือนชั่วชีวิต นางยังรู้สึกว่าเป็นความโชคดีของสกุลหลี ไม่นึกไม่ฝันว่ายังจะได้แต่งงานเข้าตระกูลชั้นนี้
นางอาบน้ำร้อนมาก่อน เห็นกวนจวินโหวสำแดงอำนาจบารมีที่หน้าประตูจวนสกุลหลีครั้งนั้นแล้วมีหรือจะยังไม่กระจ่างแจ้งอีกว่าเขามีหลานเจาอยู่ในหัวใจจริงๆ
หลังจากการแต่งงานนี้ถูกกำหนดแน่นอนแล้ว ใช่ว่านางไม่เคยได้ยินคำพูดเหน็บแนมแดกดันลับหลังพวกนั้นที่ว่ากวนจวินโหวสังหารภรรยากับมือได้เป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิต ภายภาคหน้าตบแต่งภรรยาใหม่แล้วอยากทอดทิ้งก็ทอดทิ้งตามชอบใจ
นางฟังแล้วได้แต่ยิ้มเยาะ
ในเวลาอย่างนั้นผู้บัญชาการกองทัพผู้หนึ่งไม่ตัดสินใจยิงธนูสังหารตัวประกันอย่างเฉียบขาด หรือจะให้แสดงฉากสามีภรรยารักกันลึกซึ้งต่อหน้าทหารทั้งสองฝ่าย ค่อยให้ทุกคนได้ดูภรรยาของตนโดนเปลื้องอาภรณ์ย่ำยีจนตาย?
หากเป็นเช่นนี้นางคงรู้สึกว่าบุรุษผู้นี้เป็นพวกสติเลอะเลือนไม่รู้จักแยกแยะ
นางถูกใจกวนจวินโหวหลานเขยผู้นี้อย่างมาก แต่นางพึงพอใจในสายตาของหลานเจายิ่งกว่า
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่งถึงส่งเสียงไอเบาๆ ก่อนกล่าว “เจ้าใหญ่ เจ้าก็ออกไปเถอะ”
หลีกวงเหวินซึ่งถูกมารดาออกปากไล่ก็บังเกิดความคับอกคับใจระลอกหนึ่ง
เมื่อครู่ท่านแม่ยังบอกว่าบุตรสาวเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วไม่ต้องหลบเลี่ยงเรื่องพวกนี้อีก แต่เหตุใดชั่วครู่เดียวกลับออกปากไล่เขาเล่า
เขาก็เป็นผู้ใหญ่แล้วเหมือนกัน!
เมื่อในโถงไม่มีบุรุษฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งยกมือตบหลังฝ่ามือหลิวซื่อเบาๆ “สะใภ้รอง เป็นเจ้ารองที่ผิดต่อเจ้า ข้าขอขมาเจ้าแทนเขาด้วยนะ”
“ฮูหยินผู้เฒ่า ข้ารับไว้ไม่ไหวหรอกเจ้าค่ะ…” หลิวซื่อซึ่งวางท่าดุร้ายก้าวร้าวดุจเม่นพองขนอยู่ตลอดหลั่งน้ำตานองหน้ากะทันหัน
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งถอนใจยาวเหยียดเฮือกหนึ่ง “ไม่ว่าอย่างไรข้าคิดว่าพวกเจ้ายังคงต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันต่อไปจริงหรือไม่”
หลิวซื่อขยำผ้าเช็ดหน้าพร้อมกับพยักหน้า
บุตรสาวคนโตของนางใกล้จะถึงวัยหาคู่ครองรอมร่อ บุตรสาวคนเล็กก็มิใช่เด็กแล้ว ไม่อยู่ด้วยกันแล้วจะให้หย่าร้างหรือไร
หากหย่าร้างกันจริงๆ บุตรสาวสองคนต้องอยู่ที่จวนสกุลหลีแน่นอน ตอนนี้ท่านพ่อในสกุลเดิมของนางก็ล่วงลับไปแล้ว หรือจะให้นางบากหน้าไปพึ่งพาอาศัยพี่ชายกับพี่สะใภ้ต้องคอยดูสีหน้าคนอื่น หรือว่าแต่งงานใหม่กับบุรุษสูงวัย ดีไม่ดีอาจบัดซบยิ่งกว่าหลีกวงซูไม่ว่า เห็นหน้าตาแล้วยังต้องหงุดหงิดใจอีก!
นางคงเสียสติไปแล้วถึงละทิ้งชีวิตที่มั่นคงในขณะนี้ไปเดินเส้นทางสายนั้น
“ในเมื่อต้องอยู่ด้วยกันต่อไป เจ้าก็รับฟังข้าสักคำ เอาตัวเฮ่าเกอร์เอ๋อร์มาเลี้ยง เขายังอายุน้อยจำความอะไรไม่ได้ ขอเพียงเจ้าดีต่อเขาจากใจจริง วันหน้าต่อให้มารดาแท้ๆ ของเขายังอยู่แล้วจะมีอันใด เขาต้องใกล้ชิดกับเจ้าอยู่ดี”
ใบหน้าของหลิวซื่อซีดเผือดลงทีละน้อย นางกัดริมฝีปากแทบห้อเลือด
เลี้ยงเด็กผู้นั้น? ข้าจะทำใจได้เช่นไร! ข้าข่มใจไม่เล่นงานเด็กผู้นั้นได้ก็บุญโขแล้ว
“บุตรสาวที่ออกเรือนไปแล้วจะไม่ได้ส่วนแบ่งในทรัพย์สินของตระกูลบิดา เจ้าทำใจได้หรือถ้าวันหน้าเจ้ารองยกทรัพย์สมบัติให้เฮ่าเกอเอ๋อร์แล้วเขาเอาไปประเคนให้มารดาตนเองภายหลัง แล้วเจ้าทำใจได้หรือถ้าวันหน้าหลังจากหลานเยียนกับหลานฉานออกเรือนแล้วไม่มีสกุลเดิมช่วยหนุนหลังสักน้อยนิดเพราะเฮ่าเกอเอ๋อร์ไม่ใกล้ชิดกับแม่ใหญ่และพี่สาว” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งย้อนถาม
หลิวซื่อหน้าซีดตอบคำถามนี้ไม่ออก นางทำได้เพียงส่ายหน้า
นางรู้ว่าถ้อยคำของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเป็นเหตุเป็นผลทุกคำ ซ้ำยังหวังดีต่อนางด้วยน้ำใสใจจริง หาได้ยืนอยู่ในมุมของมารดาสามีไม่ แต่จะทำอย่างไรได้เล่า นางสุดปัญญาจะมองหน้าเด็กผู้นั้นซ้ำอีกครา ถึงแม้เด็กเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่พอเห็นเด็กผู้นั้นมีเค้าประพิมพ์ประพายหลีกวงซู นางก็ชิงชังจนกระอักเลือด
ห้าปีมานี้นางคิดถึงบุรุษผู้นั้นจับจิตจับใจทุกค่ำคืน แต่เขากลับนอนกกกอดอนุโฉมงามอยู่บนเตียง
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งคาดไม่ถึงว่าหลิวซื่อจะเป็นคนทิฐิแรงปานนี้ นางนวดๆ ขมับอย่างอ่อนล้า กล่าวเตือนสติด้วยความปรารถนาดี “สะใภ้รอง ข้าอายุมากแล้ว ช้าเร็ววันนั้นก็ต้องมาถึง ถึงเวลาพอแยกเรือนกันเจ้ายังคงต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไปนะ”
ถ้าสามารถทำตามใจได้ ใครเล่าจะยินยอมกล้ำกลืนฝืนทน
กระนั้นโลกเราไม่ยุติธรรมต่อสตรีเช่นนี้เอง ต่อให้ยามนางมีชีวิตอยู่ให้ความยุติธรรมกับลูกสะใภ้ได้ แต่รอเมื่อนางหลับตาลงชั่วนิรันดร์ ถึงน้องชายซึ่งแยกเรือนไปแล้วจะหลงใหลอนุ คนเป็นพี่ชายก็ไม่อาจเข้าไปก้าวก่ายได้
อย่าเอ่ยถึงเลยว่าการยกอนุเหนือภรรยาเอกเป็นความผิด เรื่องธรรมเนียมประเพณีนี้มีใครบ้างไม่เข้าใจ ทว่าพอเรือนใหญ่ปิดประตูสนิท ตราบเท่าที่ไม่ได้กระทำถึงขั้นเป็นที่เดือดดาลของทั้งมนุษย์ทั้งเทพเซียน ภายในเรือนจะเป็นอย่างไรกันแน่นั้น ไหนเลยคนนอกจะล่วงรู้ได้เล่า เรือนหลังจะหนาวเหน็บหรืออบอุ่นมีเพียงพวกสตรีเท่านั้นที่รู้
“ถึงเวลาจะเอาตัวเฮ่าเกอเอ๋อร์มาได้หรือไม่ยังบอกไม่ได้ ต่อให้เอาตัวมาได้ แต่พอเด็กโตเกินไปจะเลี้ยงก็ไม่สนิทใจแล้ว”
ใบหน้าของหลิวซื่อฉายอารมณ์สับสนปรวนแปร นางกัดริมฝีปากแน่น ทว่าจิตใจเริ่มโอนเอนอย่างเห็นได้ชัด
เพลานี้เองเฉียวเจาเอ่ยปากขึ้นอย่างฉงนใจ “ท่านย่า เหตุใดต้องให้ท่านอาสะใภ้รองเลี้ยงเฮ่าเกอเอ๋อร์ให้ได้ด้วยเจ้าคะ ท่านอาสะใภ้รองจะมีลูกเองสักคนไม่ได้หรือ”