หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 579
บทที่ 579
“หนอนกู่เชื่อมใจแม่ลูก?” สีหน้าของหลีกวงซูแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย แววโทสะจุดวาบขึ้นในดวงตาเขาก่อนเลือนหายไปอย่างฉับไว
เฉียวเจามองเห็นกับตาแล้วชักเอะใจ ดูท่านอารองกลับไม่มีท่าทางตกตะลึงเท่าไรนัก เพราะควบคุมอารมณ์ได้ดีหรือว่ามีนัยอื่นแอบแฝงอยู่กันแน่
“ท่านย่า หนอนกู่เชื่อมใจแม่ลูกนี้ แม่หนอนจะอยู่ในร่างกายมารดา ส่วนลูกหนอนจะอยู่ในร่างกายบุตร เมื่อเป็นเช่นนี้อารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของมารดาสามารถส่งผลต่อสภาพร่างกายของบุตรได้เจ้าค่ะ”
ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งละม้ายฉาบด้วยน้ำค้างแข็ง นางเน้นเสียงพูดช้าๆ ทีละคำ “หรือก็คือเฮ่าเกอเอ๋อร์มาถึงเรือนชิงซงแล้วไม่สบายทันที มีต้นเหตุมาจากหนอนกู่เชื่อมใจแม่ลูก?”
เฉียวเจาผงกศีรษะ
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งตบโต๊ะดังปัง “มิน่าพอนางมาแล้วเฮ่าเกอเอ๋อร์ก็ดีขึ้นทันตาเห็น พอนางกลับไปก็อาการทรุดลง ที่แท้เป็นเช่นนี้!”
“หงซง จัดการให้ปิงอี๋เหนียงฟื้นขึ้นมาสิ!”
สาวใช้อาวุโสที่สามารถรับใช้ข้างกายหญิงชราได้ล้วนเป็นคนฉลาดหัวไว หงซงเข้าใจความหมายของคำว่า ‘จัดการ’ ของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งทันที เดินเข้าไปตบหน้าปิงเหนียงทีหนึ่ง อีกฝ่ายก็ลืมตาพรึ่บ
หงซงยอบกายเล็กน้อย “ปิงอี๋เหนียง ข้าล่วงเกินแล้วเจ้าค่ะ”
อี๋เหนียงจอมมารยาสาไถยผู้นี้ยั่วโทสะของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งแล้ว น่าเสียดายที่นางเรี่ยวแรงน้อยเลยตบเบาเกินไป
หลีกวงซูอึกๆ อักๆ อยู่ด้านข้าง
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งจ้องมองปิงเหนียงด้วยแววตาคมกริบดุจใบมีด
นางคุกเข่าลงเงียบๆ สีหน้ายังแฝงความงุนงงเอาไว้
“ปิงอี๋เหนียง พวกข้าเห็นกับตาว่ามีหนอนกู่เชื่อมใจแม่ลูกคลานออกมาจากปลายนิ้วของเจ้า ตอนนี้เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่”
“หนอนกู่เชื่อมใจแม่ลูก?” ปิงเหนียงพูดทวนคำนี้ด้วยท่าทางงงงัน
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งพูดเยาะๆ “ว่าอย่างไร ตอนนี้เจ้ายังจะปฏิเสธอีกหรือ จิตใจของเจ้าโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งนัก เพื่อมิให้ข้าเลี้ยงดูเฮ่าเกอเอ๋อร์ ถึงกับวางพิษกู่ให้บุตรตนเองได้!”
“ไม่ได้เป็นเช่นนี้เจ้าคะ ท่านเข้าใจผิดแล้ว…”
“เข้าใจผิด? เรื่องที่มีคนตั้งมากมายเห็นกับตายังจะเข้าใจผิดหรือ” หญิงชราคร้านจะพูดกับนางให้มากความ เพียงหันไปมองหลีกวงซู “เจ้ารอง ในจวนพวกเราล้วนเป็นสุจริตชนคนธรรมดา ไม่กล้าให้นางปีศาจเยี่ยงนี้อยู่ที่นี่แล้ว ข้าตัดสินใจไล่นางออกไป เจ้ามีข้อข้องใจหรือไม่”
“ข้า…”
ปิงเหนียงโขกศีรษะกะทันหัน “ท่านพี่ ท่านทราบดีว่าข้าไม่ใช่คนใจดำอำมหิตอย่างนั้น หนอนกู่เชื่อมใจแม่ลูกนี้ถูกใส่ไว้ในตัวเฮ่าเกอเอ๋อร์ตั้งแต่เขาคลอดออกมาแล้ว เรื่องเช่นนี้ในหลิ่งหนานก็ทำกันอย่างแพร่หลายนะเจ้าคะ…”
หลีกวงซูรีบเอ่ยอธิบาย “ท่านแม่ ชีวิตความเป็นอยู่ในหลิ่งหนานลำบากยากแค้น จะเลี้ยงเด็กจนโตได้เป็นเรื่องยาก จึงนิยมใส่หนอนนี้ในตัวทารกแรกคลอดจริงๆ”
“มันมีเหตุผลอะไรกัน” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งฟังแล้วรู้สึกว่าไร้สาระสิ้นดี
“เพราะทันทีที่ใส่หนอนกู่เชื่อมใจแม่ลูกไว้ในตัวแล้ว มารดาจะรับรู้ถึงอารมณ์และร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกได้เฉียบไวมาก เมื่อเป็นอย่างนี้ต่อให้ทารกพูดไม่เป็น คนเป็นมารดาจะสังเกตได้ทันท่วงทีว่าลูกเจ็บป่วยหรือไม่ ส่วนหนอนกู่ชนิดนี้จะตายไปเองเมื่อเด็กเติบใหญ่ขึ้นจนมีอายุห้าขวบโดยไม่ก่อผลเสียใดๆ ต่อเด็กแม้แต่เล็กน้อยขอรับ”
“เจ้ากลับรู้ดีนัก”
หลีกวงซูหลุบตาลง “จะอย่างไรข้าก็อยู่ในหลิ่งหนานมานานหลายปีขอรับ”
“นี่หมายความว่าปิงอี๋เหนียงไม่เพียงไม่มีความผิด ยังหวังดีต่อเฮ่าเกอเอ๋อร์ด้วย?”
หลีกวงซูไม่เปล่งเสียงพูดเป็นเชิงยอมรับตามคำกล่าวของมารดาโดยอ้อม
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเงื้อไม้เท้าฟาดใส่เขาทีหนึ่ง แค่นเสียงกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้เหตุใดปิงอี๋เหนียงไม่บอกแต่แรก หากมิใช่คุณหนูสามพบว่าเฮ่าเกอเอ๋อร์ไม่ได้ล้มป่วยแต่โดนพิษหนอนกู่ นางหมายจะฉีกหน้าข้าเพื่อเอาตัวเฮ่าเกอเอ๋อร์กลับไป หรือว่าคิดจะปักหลักอยู่ในเรือนชิงซงไม่ไปที่ใดแล้ว”
หลีกวงซูทนเจ็บไว้ไม่ได้หลบหลีก “ท่านแม่ ปิงเหนียงเป็นห่วงว่าท่านจะยอมรับไม่ได้มิใช่หรือ กลัวท่านตกใจ…”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งพูดเยาะๆ ตัดบทบุตรชาย “ขอบใจพวกเจ้านะที่เป็นห่วงเป็นใยข้าถึงเพียงนี้ น่าเสียดายที่ยายเฒ่าอย่างข้าไม่ได้เป็นคนใจเสาะ แต่ว่ามีจุดหนึ่งที่พวกเจ้าคาดเดาได้ถูกต้อง ข้าไม่สนใจว่าปิงอี๋เหนียงจะทำไปด้วยความหวังดีหรือมีเจตนาร้าย ข้าก็ไม่อาจยอมรับได้ที่จะมีคนที่วางพิษกู่เป็นอยู่ในจวนสกุลหลีจนเป็นเหตุให้ครอบครัวไม่มีวันอยู่อย่างสงบสุข”
“ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าวางพิษกู่ไม่เป็น หนอนกู่เชื่อมใจแม่ลูกนี้ก็จ่ายเงินว่าจ้างคนอื่นทำให้…”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเหลือบเปลือกตาขึ้นอย่างรำคาญใจ “เจ้าบอกว่าทำไม่เป็น ข้าก็จะเชื่อหรือ”
พอเห็นมารดาเฒ่ายืนกรานจะขับไล่ปิงเหนียงออกไป หลีกวงซูปวดเศียรเวียนเกล้าเต็มที “ท่านแม่ จะอย่างไรปิงเหนียงก็เป็นมารดาบังเกิดเกล้าของเฮ่าเกอเอ๋อร์ อีกทั้งเดินทางไกลนับพันลี้จากหลิ่งหนานติดตามบุตรชายมาที่นี่ ท่านไล่นางไปจะมิใช่เป็นการบีบคั้นนางให้ตายหรือขอรับ”
“บีบคั้นนางให้ตาย? ข้าว่าเจ้าหักใจไม่ได้กระมัง” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเหลืออด เงื้อไม้เท้าตีเขาอีกทีหนึ่ง “นางเป็นบุตรสาวของรองนายอำเภอกเฬวรากมิใช่รึ ไม่ได้เป็นคนร่อนเร่พเนจรเสียหน่อย ข้าเองก็มิใช่คนใจร้ายจะขายนางไปในที่ที่สกปรกโสมมพรรค์นั้น ข้าใช้เงินส่วนตัวเป็นค่าเดินทางส่งนางกลับหลิ่งหนานเอง”
หลีกวงซูคุกเข่าดังตุบแล้วกล่าวอ้อนวอน “ท่านแม่ ท่านให้ปิงเหนียงอยู่ที่นี่เถอะ วันหน้าให้นางเก็บตัวอยู่ในเรือนฝั่งซ้ายของเรือนจินหรงห้ามออกไปที่ใด ไม่ได้หรือขอรับ”
เมื่อเห็นบุตรชายยังหน้ามืดตามัว ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งก็แทบสิ้นแรงใจ นางกล่าวเสียงเย็นเยียบ “ถ้าเจ้าไม่ตอบตกลงส่งนางกลับไป วันนี้ข้าก็จะไปดื่มชาที่ที่ว่าการสำนักตรวจการ ไต่ถามผู้ตรวจการพวกนั้นดูว่าพวกเขายังมีหน้าที่จัดการขุนนางที่ยกอนุเหนือภรรยาเอก และไม่กตัญญูต่อมารดาอยู่อีกหรือไม่”
“ท่านแม่!” หลีกวงซูอ้าปากค้าง
นี่เป็นมารดาบังเกิดเกล้าจริงๆ หรือ เรื่องเล็กน้อยเท่านี้ถึงกับจะทำลายอนาคตของบุตรชาย
ทอดสายตามองไปทั่วทั้งเมืองหลวง บุรุษที่โปรดปรานอนุมากกว่ามีอยู่เกลื่อนกล่นดุจดวงดาวบนฟ้า แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีมารดาคนใดฟ้องร้องบุตรชายด้วยเรื่องนี้
ในจังหวะนี้เองสุ้มเสียงนุ่มเบาของสตรีดังขึ้น “ท่านพี่ ท่านส่งข้ากลับไปเถอะ แค่ว่าขอให้เห็นแก่เฮ่าเกอเอ๋อร์ อย่าทิ้งข้าไว้ในเมืองหลวง ท่านก็จัดคนสองสามคนส่งข้ากลับไปที่หลิ่งหนานเถอะ ข้าเคยบอกมานานแล้วว่าที่นั่นต่างหากคือเรือนข้า…”
“ปิงเหนียง…”
ปิงเหนียงโขกศีรษะแรงๆ ทีหนึ่งไม่ลุกขึ้นอยู่นาน “ท่านพี่ไม่ต้องพูดอีกแล้ว หากเป็นเพราะข้าทำให้ท่านกลายเป็นคนอกตัญญู เช่นนั้นถึงข้าตายไปก็ไม่น่าเสียดาย ท่านได้โปรดตอบตกลงเถอะเจ้าค่ะ”
หลีกวงซูนิ่งเงียบไปนานก่อนกล่าวทอดถอนใจ “ได้ ข้ารับปากเจ้า”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งลอบถอนหายใจโล่งอก ไม่ถึงคราวจำเป็นจริงๆ นางย่อมไม่อยากทำลายอนาคตของบุตรชายเป็นแน่ เพียงว่าปิงเหนียงสตรีผู้นี้มิไยจะมีเหตุผลยิ่งใหญ่เลิศลอยอันใด นางก็ยืนยันในความคิดหนึ่งที่ว่า ‘เอาไว้ไม่ได้’
“ท่านแม่ ท่านอย่าโมโหเลย ข้ายอมส่งปิงเหนียงกลับไปแล้ว แต่ว่าตอนนี้ใกล้จะขึ้นปีใหม่ อากาศหนาวเย็นมาก รอเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิข้าก็จะส่งนางกลับไปได้หรือไม่ขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งนิ่งเงียบไป นางเห็นแวววิงวอนแกมแน่วแน่ในดวงตาของบุตรชาย
“ท่านแม่ ท่านก็ให้ปิงเหนียงได้อยู่ในเรือนเดียวกับเฮ่าเกอเอ๋อร์ฉลองวันตรุษเป็นครั้งสุดท้ายเถอะ ข้ารับรองว่าจะไม่ให้นางย่างเท้าออกนอกเรือนจินหรงสักก้าวเดียว”
หญิงชราถอนใจยาวๆ เฮือกหนึ่ง “ได้ จำคำของเจ้าไว้ พอถึงฤดูใบไม้ผลิก็ส่งคนกลับไปทันที”
“ขอบคุณท่านแม่มากขอรับ” หลีกวงซูระบายลมหายใจ
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งทำหน้าตึงกวาดตามองปิงเหนียงแวบหนึ่ง “อีกอย่างในห้องของปิงเหนียงห้ามไม่ให้มีสิ่งของใดๆ ก็ตามที่นำกลับมาจากหลิ่งหนาน ใครจะรู้ว่ายังเอาพวกของพิลึกพิลั่นติดตัวมาอีกบ้างหรือไม่”
พอสั่งกำชับจบนางโบกมือบอกให้ทุกคนแยกย้ายกันได้แล้ว หญิงชรากุมเตาพกไว้ในมือ เพียงรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายใจ
หลิวซื่อก้าวออกนอกประตูเรือนชิงซงก็ส่งเสียงเรียกเฉียวเจาไว้ นางกล่าวอย่างขึงขัง “คุณหนูสาม ท่านอาสะใภ้รองขอขอบคุณเจ้าด้วยนะ”