หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 600
บทที่ 600
กององครักษ์จินหลินเริ่มตกอยู่ในบรรยากาศคลุมเครือแปลกๆ
ท่านสิบสามซึ่งเดิมทีเป็นคนสำคัญอันดับสองรองจากท่านผู้บัญชาการใหญ่เท่านั้น แต่พอคุณหนูเจียงตายลง ท่านผู้บัญชาการใหญ่ให้ท่านห้ากับท่านสิบเอ็ดดูแลงานในมือท่านสิบสามชั่วคราว ดูไปแล้วมีนัยจะดึงอำนาจจากมือท่านสิบสามแล้ว
ไม่ว่าคนภายนอกจะคิดอย่างไร เจียงหย่วนเฉายังคงช่วยเจียงถังจัดการเรื่องงานศพของเจียงซือหร่านอย่างเงียบๆ
ตามหลักแล้วนางยังไม่ออกเรือน ตามธรรมเนียมจะไม่จัดพิธีศพใหญ่โตให้แก่เด็กสาวผู้หนึ่ง แต่เจียงถังไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เขาเลือกสรรหีบศพชั้นดี จัดโถงตั้งศพที่ใหญ่ที่สุดรับรองผู้มาเซ่นไหว้จากทุกกลุ่มทุกสายในเมืองหลวงอย่างเอิกเกริกยิ่งใหญ่
ด้วยเหตุนี้จึงมีคนมากมายต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าป้ายวิญญาณของคุณหนูเจียงเขียนว่า ‘ภรรยาของเจียงหย่วนเฉา รองผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลิน’
กระนั้นพวกเขาไม่กล้าแสดงออกทางสีหน้าแม้แต่น้อย หากแต่สายตาที่มองไปทางเจียงหย่วนเฉากลับทอแววเห็นอกเห็นใจหลายส่วน
ทั้งที่เป็นเพียงคู่หมั้นคู่หมาย แต่เช่นนี้คุณหนูเจียงก็จะกลายเป็นภรรยาผู้ล่วงลับของรองผู้บัญชาการหนุ่มผู้นี้
สิ่งสำคัญที่สุดคือด้วยนิสัยใจคอของเจียงถังซึ่งรักบุตรสาวเท่าชีวิต เกรงว่าบุตรเขยผู้นี้อาจไม่ได้ตบแต่งภรรยาใหม่ก็เป็นได้
เฮ้อ…ได้ดิบได้ดีแต่วัยหนุ่มแล้วจะมีอันใด มีพ่อตาบุญหนักศักดิ์ใหญ่ผู้หนึ่งข่มไว้ เห็นทีว่าเจียงหย่วนเฉาคงได้แต่ครองตัวเป็นม่ายอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวแล้ว
เจียงหย่วนเฉาในชุดสีขาวทนรับสายตาพินิจพิจารณาด้วยความรู้สึกต่างๆ กันไปจากผู้คนด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
หากถามว่าเขาเสียใจภายหลังหรือไม่
เขาไม่มีอะไรต้องเสียใจภายหลัง ตอนที่ตอบตกลงหมั้นหมายกับน้องสาวบุญธรรมตามความประสงค์ของท่านพ่อบุญธรรมเป็นทางเลือกของเขาเอง ดังนั้นเมื่อตอนนี้พลิกผันกลายเป็นอย่างนี้ มันคือราคาที่เขาพึงจ่าย
หวังเพียงว่าท่านพ่อบุญธรรมจะทนผ่านด่านนี้ไปให้ได้จึงจะดี อย่าก่อคลื่นลมใดๆ อีกเลย
ทว่าความหวังของเจียงหย่วนเฉาคงดับวูบลงเป็นแน่แท้แล้ว เมื่อพิธีศพของเจียงซือหร่านเพิ่งเสร็จสิ้นลง เจียงสืออีก็จับหลีกวงเหวินเข้าไปขังในคุกของกององครักษ์จินหลิน
เหตุผลที่หมู่คนทุกชนชั้นตั้งแต่เชื้อพระวงศ์ ขุนนางบุ๋นบู๊ ไปจนถึงชาวบ้านสามัญชนได้ยินชื่อกององครักษ์จินหลินก็อกสั่นขวัญผวา เป็นเพราะว่าพวกเขามีอำนาจจับกุม สอบสวน ลงทัณฑ์ และประหารชีวิตโดยไม่จำเป็นต้องผ่านการไต่สวนของสามตุลาการ
กล่าวได้ว่าใครก็ตามถูกองครักษ์จินหลินจับเข้าคุก พวกเขาพูดคำเดียวก็ชี้เป็นชี้ตายได้แล้ว
เหตุผลที่จับหลีกวงเหวินเข้าคุกนั้นง่ายมาก แค่ว่าเพราะนายท่านใหญ่สกุลหลีปากไม่มีหูรูดเท่านั้น ในกาลก่อนเขาตำหนิติเตียนราชสำนักก็ไม่มีคนถือสาหาความ แต่ตอนนี้กลับถูกกององครักษ์จินหลินสงสัยว่ามีใจคิดคดทรยศ
ผู้มีสายตาเฉียบแหลมล้วนอ่านออกว่ากององครักษ์จินหลินต้องการเล่นงานคน ก็ไม่รู้ว่าเหตุอันใดท่านผู้บัญชาการเจียงถึงลงดาบสกุลหลีหลังบุตรสาวตายไป
คนอื่นอาจไม่รู้ แต่ในใจเฉียวเจากลับรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
นางคุกเข่าโขกศีรษะให้ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งและเหอซื่อ “ท่านย่า ท่านแม่ ล้วนเป็นเพราะข้าคนเดียว ท่านพ่อถึงพลอยเดือดร้อนโดนจับไปที่กององครักษ์จินหลิน”
เหอซื่อซึ่งครรภ์ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ร่ำไห้จนตาบวมเป่ง นางลุกขึ้นไปดึงบุตรสาวด้วยท่าทางอุ้ยอ้าย “เจาเจา เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน ท่านพ่อโดนองครักษ์จินหลินจับไป ไฉนเป็นความผิดของเจ้าได้เล่า”
“ข้าเป็นคนก่อปัญหาขึ้นจริงๆ เจ้าค่ะ วันเกิดข้าวันนั้นข้าพบกับคุณหนูเจียงที่ร้านไป่เว่ยโดยบังเอิญแล้วเกิดเรื่องหมางใจกันบ้าง ท่านผู้บัญชาการใหญ่ต้องล่วงรู้เรื่องนี้เป็นแน่ถึงไม่พึงพอใจ”
“ถ้าอย่างนั้นเขาก็พาลใส่คนอื่นน่ะสิ” เหอซื่อกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ
หลิวซื่อประคองเหอซื่อพลางพูดกล่อม “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านนั่งลงเร็วเข้า ถึงแม้พี่ใหญ่จะโดนท่านผู้บัญชาการใหญ่น่ารังเกียจผู้นั้นจับตัวไปแล้ว แต่ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ยังมีคุณหนูสามของพวกเราอยู่ทั้งคนนะ”
“เอ๊ะ?” เหอซื่อฟังคำกล่าวของหลิวซื่อแล้วอึ้งไป
หลิวซื่อกลับไม่รู้สึกว่ามีตรงที่ใดไม่ถูกต้อง นางเงยหน้าขึ้นยิ้มกับฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านว่าจริงหรือไม่เจ้าคะ”
“อ้อ…ใช่” มุมปากของหญิงชรากระตุกริก
ในเวลานี้นางยังจะพูดอะไรได้เล่า จะให้พูดว่าถึงอย่างไรหลานเจาเป็นเด็กสาวผู้หนึ่ง จะฝากความหวังเรื่องช่วยเจ้าใหญ่ออกมาไว้กับหลานเจาไม่ได้
หากเป็นเช่นนี้เหอซื่อตกใจจนคลอดก่อนกำหนดจะทำฉันใด
“เจาเจา เจ้าไปหารือกับกวนจวินโหวดูว่าเขามีหนทางใดบ้าง”
หลานเจากับกวนจวินโหวหมั้นหมายกันแล้วก็เป็นคนครอบครัวเดียวกัน ในสายตาของผู้คนทั้งคู่ถือว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดแนบแน่น ในเวลาอย่างนี้ไปขอความช่วยเหลือจากเขามิใช่เรื่องน่าอับอายอะไร
“เจ้าค่ะ” เฉียวเจาลุกขึ้นยืนแล้วส่งคนถือสารไปให้เซ่าหมิงยวน ส่วนตนเองไปรออยู่ที่เรือนด้านข้างของสกุลหลี
รอเฉียวเจาไปแล้วสีหน้าของหลิวซื่อผ่อนคลายมากขึ้น นางกล่าวยิ้มๆ “ฮูหยินผู้เฒ่า พี่สะใภ้ใหญ่ พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงจริงๆ พวกท่านคอยดูเถอะ ท่านผู้บัญชาการใหญ่น่ารังเกียจผู้นั้นจับตัวพี่ใหญ่ไป สุดท้ายคนที่เคราะห์ร้ายเป็นใครก็ยังไม่แน่”
นางเฝ้าดูอยู่ด้านข้างมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ทุกครั้งคนที่ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับคุณหนูสามล้วนต้องเคราะห์ร้ายในท้ายที่สุด
เหอซื่อเป็นคนปล่อยวางอะไรๆ ได้ง่าย พอฟังหลิวซื่อกล่าวเช่นนี้ นางก็เม้มปากยิ้มอย่างชอบใจ “จริงของเจ้า ทุกครั้งที่เจอเรื่องยุ่งยาก เจาเจามักมีหนทางเสมอ”
“ก็ใช่น่ะสิ ดังนั้นพี่สะใภ้ใหญ่สบายใจเถอะ”
เมื่อมองดูลูกสะใภ้สองคนสบตากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งแอบกลอกตาขึ้น
เฮ้อ…ข้ายังจะพูดอะไรได้อีก
เฉียวเจารออยู่ในเรือนด้านข้างนานครู่หนึ่งถึงได้พบกับเซ่าหมิงยวน
“ฮ่องเต้ทรงเก็บตัวบำเพ็ญตบะอีกแล้ว” หลังเห็นหน้าเฉียวเจาเซ่าหมิงยวนกล่าวประโยคนี้เป็นอย่างแรก ใบหน้าเขายังแฝงรอยอ่อนล้าไว้
เฉียวเจาเข้าใจทันที นางเอ่ยถาม “เจียงถังไม่พบท่าน?”
เจียงถังจับท่านพ่อของนางเข้าคุกก็บ่งชัดแล้วว่าไม่ยี่หระต่อความสัมพันธ์ของนางกับกวนจวินโหว และไม่ตั้งใจจะไว้หน้าเซ่าหมิงยวน
เมื่อผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินไม่คิดให้เกียรติใคร เช่นนั้นเซ่าหมิงยวนจำต้องเข้าทางฮ่องเต้ถึงจะมั่นใจได้เต็มที่ว่าจะช่วยท่านพ่อของนางออกมาได้
“ข้าไม่ได้เจอหน้าเขา”
“เกรงว่าเขาไม่แยแสแล้ว” เฉียวเจายิ้มฝืดๆ “ถิงเฉวียน ในกาลก่อนท่านเคยสนใจใคร่รู้ใช่หรือไม่ว่าเหตุใดเจียงถังถึงปฏิบัติต่อข้าเป็นพิเศษ”
เซ่าหมิงยวนผงกศีรษะน้อยๆ
“เพราะข้าถอนพิษของโอสถทิพย์ให้เขาได้ เจียงถังเป็นคนสนิทของฮ่องเต้เลยมีโอกาสได้รับพระราชทานโอสถทิพย์อยู่บ่อยครั้ง เผอิญว่าร่างกายของเขามีท่าทีตอบสนองกับพิษของมันได้ง่ายมาก พอสะสมนานวันเข้าถึงมองจากภายนอกไม่เป็นไร แท้จริงแล้วเกิดอาการเจ็บป่วยรุมเร้าแต่แรก เป็นเพราะข้าถอนพิษในกายเขาได้ เขาถึงเกรงอกเกรงใจข้ามากพอดู”
มิเช่นนั้นคนที่รักบุตรสาวเท่าชีวิตอย่างเจียงถัง มีหรือจะทำสีหน้าดีๆ กับคนที่บุตรสาวไม่ชมชอบ
“เป็นเช่นนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เขาจับตัวท่านพ่อตาไว้โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง มีความเป็นไปได้เพียงสองทางเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เขาหาคนอื่นถอนพิษให้เขาได้ ก็คือ…เขาโยนความเป็นความตายทิ้งไปแล้ว”
เฉียวเจามุ่นคิ้ว “ดูจากท่าทีของเขาในขณะนี้เป็นแบบหลังอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงการเป็นปรปักษ์กับท่านด้วย แต่ก่อนเขาตั้งหน้าตั้งตาปูทางในอนาคตให้บุตรสาว จึงเจตนาผูกสัมพันธ์กับคนสำคัญๆ แต่พอเจียงซือหร่านตายไป เขาอยู่ในฐานะคนสนิทอันดับหนึ่งของฮ่องเต้ ไม่จำเป็นต้องให้ตนทนคับข้องหมองใจแม้แต่กระผีกเดียวแล้ว”
ตราบเท่าที่ฮ่องเต้หมิงคังมีพระชนม์ชีพอยู่ เจียงถังสามารถวางอำนาจโดยไม่ต้องเกรงผู้ใดไปได้เรื่อยๆ ไม่ว่าเป็นกวนจวินโหวหรือสมุหราชเลขาธิการหลัน หรือแม้กระทั่งท่านอ๋องทั้งสองพระองค์ก็จนปัญญาจะทำอะไรเขาได้
“คุณหนูเจียงเป็นจุดอ่อนเพียงจุดเดียวของเจียงถัง แล้วหลังจากที่เจียงถังเหลือตัวคนเดียวก็ไม่มีสิ่งใดต้านทานเขาได้แล้ว” เฉียวเจากล่าวทอดถอนใจ
เซ่าหมิงยวนยื่นมือไปกุมมือเย็นเฉียบของนางไว้ “ให้เวลาข้าอีกสองวัน ขอเพียงฮ่องเต้เสด็จออกมา ข้าจะไปที่วังหลวงเข้าเฝ้าทันที ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องช่วยท่านพ่อตาออกมาให้ได้!”
เจอกับคนที่คลุ้มคลั่งไปแล้ว เฉียวเจาก็จนด้วยเกล้าเช่นกัน จึงได้แต่พยักหน้าเงียบๆ
ทว่าฮ่องเต้หมิงคังยังไม่ทันเสด็จออกจากการจำศีล ก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว