หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 602
บทที่ 602
“หากเป็นคนในล่ะก็ ยิ่งสลับซับซ้อนขึ้น เจียงถังมีบุตรชายบุญธรรมสิบสามคน แต่ละคนล้วนเป็นมังกรในหมู่คน เพื่อตำแหน่งผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินแล้ว จะมีเรื่องใดที่ทำออกมาไม่ได้อีก พี่น้องสายเลือดเดียวกันในครอบครัวชาวบ้านสามัญชนยังตีกันแทบเป็นแทบตายเพื่อหมูตัวเดียวตอนแยกเรือนได้เลยนะ” ฉือชั่นกล่าวเยาะๆ
“นี่แสดงว่าเจียงสือซานเป็นผู้บริสุทธิ์หรือ ถึงอย่างไรตราบใดที่เจียงถังกับบุตรสาวไม่ตาย เขาต้องได้ขึ้นสู่ตำแหน่งไม่ช้าก็เร็ว” จูเยี่ยนพูดต่อท้าย
ฉือชั่นยิ้มอย่างเย้ยหยัน “นั่นก็บอกได้ยาก บางทีหากเจียงถังอาจพบว่าเจียงสือซานไม่เหมาะสมจะเป็นผู้สืบทอดเล่า เจียงสือซานเลยชิงลงมือก่อน...”
“ไม่มีทางเป็นคนนอก” เฉียวเจาเอ่ยปากขึ้นดึงความสนใจของพวกเขามาได้ทันควัน
“เจียงถังตายอยู่ในเรือน ขณะนี้ยังไม่รู้สาเหตุที่จบชีวิตกะทันหัน แต่ดูจากที่เจียงสืออีเอาตัวถิงเฉวียนไป น่าจะมิใช่อาการป่วยกำเริบเฉียบพลันธรรมดาๆ ถ้าเจียงถังถูกคนสังหาร ไม่ว่าคนของเว่ยอู๋เสียหรือว่าคนของหลันซานหมายเล็ดลอดเข้าไปสังหารคนในจวนสกุลเจียงก็หาใช่เรื่องง่ายดายปานนั้น อย่าลืมว่าคุณหนูเจียงเพิ่งตายไป กององครักษ์จินหลินต้องเสริมกำลังป้องกันจวนผู้บัญชาการอย่างแน่นอน”
ฉือชั่นพยักหน้า “ไม่ผิด กององครักษ์จินหลินล่วงเกินคนนับไม่ถ้วน องครักษ์คุ้มกันจวนท่านผู้บัญชาการเจียงไม่เคยหละหลวมไปกว่าวังหลวง หาไม่แล้วหัวหน้าของพวกเขาคงตายไปกี่ครั้งกี่หนแล้วก็สุดรู้”
“ดังนั้นเป็นไปได้มากที่สุดว่าคุณหนูเจียงกับเจียงถังมีอันเป็นไปติดๆ กันน่าจะเป็นฝีมือของคนในกันเอง ถึงแม้มีคนนอกพัวพันด้วยอยู่ในเงามืด แต่ผู้ลงมือจริงๆ ยังคงเป็นคนทรยศ” เฉียวเจากล่าวอย่างพินิจพิเคราะห์
หยางโฮ่วเฉิงลูบหน้าตนเอง “เช่นนั้นพวกเขาอยู่ดีไม่ว่าดีเอาตัวถิงเฉวียนไปทำอะไร”
“ใครจะเต็มใจยอมรับว่าตนเองเป็นคนผิดเล่า” ฉือชั่นย้อนถาม
หยางโฮ่วเฉิงเตะเก้าอี้ทีหนึ่ง “อย่างนี้ก็รับเคราะห์โดยใช่เหตุน่ะสิ!”
เฉียวเจาเห็นพ้องอย่างเต็มที่ จะมิใช่รับเคราะห์โดยใช่เหตุหรอกหรือ ถิงเฉวียนเป็นเช่นนี้ ท่านพ่อของนางก็เช่นกัน
เฉียวเจาลุกขึ้นยืน “ข้าจะไปที่ที่ว่าการกององครักษ์จินหลิน”
ฉือชั่นห้ามนางไว้ “ไม่เกิดอะไรขึ้นกับถิงเฉวียนแน่ เจ้าทำใจสบายๆ รอคอยเท่านั้นเป็นพอ”
“ข้าจะไปเยี่ยมท่านพ่อข้า”
พวกฉือชั่นสบตากันแล้วตัดสินใจไปเป็นเพื่อนนาง
เฉียวเจาไม่ปฏิเสธ
เซ่าหมิงยวนยืนอยู่หน้าประตูคุกของกององครักษ์จินหลินมองเจียงสืออีอย่างเยือกเย็น “ท่านสิบเอ็ดตั้งใจจะรับรองข้าที่นี่หรือ”
เจียงสืออีเอ่ยเสียงเย็นๆ “ท่านโหวเข้าไปเถอะ”
เซ่าหมิงยวนยกยิ้มก้าวเท้าเดินเข้าไป
“รอประเดี๋ยว…” เจียงอู่รุดมาถึงอย่างเร่งร้อน สีหน้าของเขาฉายแววไม่พึงใจ “น้องสืออี เจ้าพาท่านโหวมาที่นี่ทำอะไร”
“สอบปากคำ” เจียงสืออีกล่าวด้วยสีหน้าปราศจากความรู้สึก
“สอบปากคำอะไรกัน มิใช่เชิญท่านโหวมาสอบถามเท่านั้นหรือ”
เซ่าหมิงยวนที่อยู่ด้านข้างมองดูพวกเขาโต้เถียงกัน ริมฝีปากเขาแย้มออกเป็นรอยยิ้ม
ดูทีว่าภายในกององครักษ์จินหลินยังไม่เห็นพ้องต้องกัน เรื่องนี้ชักน่าสนใจขึ้นทุกทีแล้ว
เซ่าหมิงยวนเอนหลังพิงกำแพงฟังพวกเขาโต้เถียงกันอย่างเอื่อยเฉื่อย
“หรือไม่ข้ากลับจวนก่อน รอท่านทั้งสองได้ข้อสรุปแล้วค่อยมาอีกที”
เจียงอู่กับเจียงสืออีนิ่งขึงไปพร้อมกัน
จังหวะนี้เององครักษ์จินหลินผู้หนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา “ท่านห้า ท่านสิบเอ็ด ท่าน…”
“เขาทำอะไรนะ” พอได้ยินเขาเอ่ยถึงเจียงหย่วนเฉา สีหน้าของเจียงอู่ฉายแววเคร่งเครียดขึ้น
“ท่านสิบสามนำพาพี่น้องบางส่วนจะออกจากจวนไปแล้วขอรับ”
เจียงอู่ได้ยินแล้วไม่คำนึงถึงทางเซ่าหมิงยวนอีก กล่าวคำหนึ่งอย่างสุภาพทิ้งท้ายไว้ก่อนก้าวขาเดินออกไปอย่างรีบร้อน
พริบตาเดียวเหลือเพียงเซ่าหมิงยวนกับเจียงสืออีสองคน
“ท่านโหวเชิญเถอะ”
เซ่าหมิงยวนเหลียวมองแวบหนึ่งแล้วย่างเท้าเดินเข้าไป
เจียงสืออีหมุนกายเดินไปทางข้างนอก
บรรยากาศในจวนสกุลเจียงปกคลุมไปด้วยความตึงเครียด
“น้องสือซานจะไปที่ใดหรือ”
“ข้าจะไปที่ใดจำเป็นต้องรายงานพี่อู่ด้วยหรือ” เจียงหย่วนเฉาถามเสียงเอื่อยๆ
“น้องสือซาน ท่านพ่อบุญธรรมจากไปกะทันหัน เดิมทีเจ้าก็น่าสงสัยมากที่สุดอยู่แล้ว เวลานี้ไม่อยู่ในจวนอย่างสงบเสงี่ยม หรือว่าคิดจะทำลายหลักฐาน”
เจียงหย่วนเฉายิ้มเนิบๆ “ข้าจำได้ว่าพี่อู่ยังไม่ใช่ผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินกระมัง นับกันตามตำแหน่ง ข้าคือรองผู้บัญชาการ ดูเหมือนพี่อู่ยังต้องแสดงคารวะต่อข้าด้วยซ้ำไป”
เจียงอู่แค่นหัวร่อ “ข้าไม่มีทางแสดงคารวะคนที่อาจจะเป็นฆาตกรสังหารท่านพ่อบุญธรรมและน้องบุญธรรมเป็นอันขาด เชื่อแน่ว่าพวกพี่น้องก็เป็นเช่นเดียวกัน”
รอยยิ้มตรงมุมปากเจียงหย่วนเฉาเลือนหายไปฉับพลัน “พี่อู่พูดจาอะไรต้องมีหลักฐานยืนยันกระมัง”
“หลักฐานยืนยัน?” เจียงอู่มองเจียงสืออีที่รุดมาถึงอย่างเร่งรีบปราดหนึ่งถึงกล่าวเสียงดังขึ้น “ไม่รู้ว่าหยกพกลายปลาคู่ของน้องสือซานที่น้องบุญธรรมกำไว้ในมือตอนใกล้ตายนับเป็นหลักฐานยืนยันได้หรือไม่”
เมื่อถ้อยคำนี้ดังขึ้นมีองครักษ์จินหลินไม่น้อยหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
“หยกพกลายปลาคู่ของข้าอยู่ในมือน้องบุญธรรม?”
“น้องสือซานไม่เชื่อคำพูดของข้าหรือ เช่นนั้นเจ้าถามน้องสืออีดูได้”
เจียงหย่วนเฉามองไปทางเจียงสืออี
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ข้าเป็นคนพบเอง ตอนนั้นข้าเห็นศพของน้องบุญธรรมแล้วก้มลงไปตรวจสอบก็พบหยกพกในมือนาง จากนั้นเอามันมอบให้ท่านพ่อบุญธรรม”
“ความหมายของพวกท่านคือข้าเป็นคนสังหารน้องบุญธรรมหรือ”
“ข้าไม่รู้ว่าใครเป็นคนสังหารน้องบุญธรรม ข้าเพียงบอกสิ่งที่ข้าเห็น” เจียงสืออีเอ่ยเสียงเฉยเมย
ด้านเจียงอู่กลับยิ้มแล้ว “เรื่องราวเป็นที่ประจักษ์ชัดอย่างมากมิใช่หรือ เจ้าสังหารน้องบุญธรรม ตอนนางดิ้นขัดขืนแล้วคว้าหยกพกประจำตัวเจ้ากำไว้ในมือได้กลายเป็นหลักฐานมัดตัวฆาตกรที่แท้จริง จากนั้นน้องสืออีพบแล้วนำมามอบให้ท่านพ่อบุญธรรม แต่คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะล่วงรู้เรื่องนี้ เจ้าเลยชิงลงมือปลิดชีพท่านพ่อบุญธรรมก่อนก้าวหนึ่ง”
แปะๆๆ
เสียงตบมือดังขึ้นเจียงหย่วนเฉากล่าวเสียงเย็นๆ “พี่อู่ตั้งข้อสันนิษฐานได้ดี ทว่าแรงจูงใจเล่า ข้ากับน้องบุญธรรมหมั้นหมายกันแล้ว ส่วนท่านพ่อบุญธรรมก็ไว้วางใจข้าเป็นอย่างมาก หรือว่าข้าจะโดนภูตผีบังตาถึงสังหารน้องบุญธรรมแล้วค่อยสังหารท่านพ่อบุญธรรมอีกที จากนั้นปล่อยให้พี่อู่ซึ่งโดนท่านพ่อบุญธรรมลงโทษให้ไปอยู่ที่จยาเฟิงเพราะกระทำความผิดยืนชี้นิ้วว่ากล่าวอยู่ตรงหน้าข้าในตอนนี้”
ถ้อยคำของเจียงหย่วนเฉาทำให้พวกองครักษ์จินหลินต่างพยักหน้ากับตนเอง
ท่านสิบสามกล่าวไม่ผิด เขาคือว่าที่บุตรเขยของท่านผู้บัญชาการใหญ่ วันหน้าต้องได้สืบทอดตำแหน่งเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอนแล้ว ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะสังหารท่านผู้บัญชาการใหญ่และคุณหนูเจียงเลย
“น้องสือซานถามได้ดี หากมิใช่สวรรค์มีตาให้ข้าได้พบเห็นเรื่องน่าสนใจบางอย่าง เกรงว่าคงไม่มีใครคิดถึงแรงจูงใจของเจ้าได้”
“เรื่องน่าสนใจ?” เจียงหย่วนเฉาเหยียดมุมปาก คำถามของเจียงถังพลันวาบผ่านเข้ามาในหัว
ท่านพ่อบุญธรรมถามว่าหยกพกที่เขาเหน็บติดกายเป็นประจำหล่นหายเมื่อไร เขาตอบว่าวันเทศกาลหยวนเซียว
วันเทศกาลหยวนเซียว…
เมื่อนึกไปถึงวันนั้นเจียงหย่วนเฉาใจดิ่งวูบลง จู่ๆ ก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
เสียงกล่าววาจาอย่างมีนัยกำกวมของเจียงอู่ดังขึ้น “คืนวันเทศกาลหยวนเซียว ข้าบังเอิญเห็นน้องสือซานนัดพบกับแม่นางผู้หนึ่ง แต่แม่นางผู้นั้นหาใช่น้องบุญธรรมไม่”
เจียงหย่วนเฉาหันขวับไปมองเจียงอู่
เจียงอู่ยิ้มอย่างเยาะเย้ย เขามองดูองครักษ์ที่มีสีหน้าต่างๆ กันไปก่อนกล่าวต่อ “ขอถามว่าหากน้องบุญธรรมล่วงรู้เรื่องนี้เล่า ในตอนที่นางกับน้องสือซานทะเลาะกัน เขาพลั้งมือสังหารนาง หรือว่าสังหารนางปิดปากเพื่อปกป้องแม่นางผู้นั้น ใช่หรือไม่ว่าก็มิได้เข้าใจได้ยากเย็นเช่นนั้น”
พอกล่าวถึงตรงนี้เจียงอู่เหลียวมองไปรอบๆ พร้อมกับเน้นเสียงหนักขึ้น “ที่สำคัญกว่าคือข้าเคยรายงานเรื่องนี้ต่อท่านพ่อบุญธรรม ด้วยความรักใคร่ที่ท่านมีต่อนาง จะต้องไม่ละเว้นน้องสือซานเป็นแน่ เมื่อเขารู้ว่าตนยากจะหนีโทษทัณฑ์ได้พ้นจึงสังหารท่านพ่อบุญธรรมด้วย ก็เข้าตำราที่ว่าเมื่อจะทำแล้วก็ทำไปให้ถึงที่สุด ใช่หรือมิใช่เล่า”
“พูดจาเลื่อนเปื้อนสิ้นดี” เจียงหย่วนเฉากล่าวเสียงกระด้าง
“เฮ้อ…นี่น้องสือซานปากแข็งไม่ยอมรับหรือ เช่นนั้นจะให้ข้าส่งคนไปเชิญแม่นางผู้นั้นมายืนยันกันต่อหน้าหรือไม่”