หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 604
บทที่ 604
เจียงอู่กับเจียงหย่วนเฉาประสานสายตากัน ดวงตาของทั้งคู่วาวโรจน์ราวกับจะเกิดสะเก็ดไฟปะทุออกมา ส่งผลให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งขึ้น
ชั่วขณะที่เจียนเข้าโรมรันฟาดฟันกันรอมร่อ เสียงหัวเราะแผ่วเบาของเด็กสาวดังขึ้น “ข้ามีเรื่องจะพูดเจ้าค่ะ”
เจียงอู่กับเจียงหย่วนเฉาหันไปมองเฉียวเจาพร้อมกัน
นางเดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว
เจียงหย่วนเฉาขยับปากจะพูดแต่ไม่พูด
เฉียวเจาไม่มองหน้าเขาแม้แต่แวบเดียว นางเอียงคอมองเจียงอู่ “ท่านพูดว่าฟ้าเป็นใจกับท่านรองผู้บัญชาการเจียงเพราะเห็นว่าท่านผู้บัญชาการใหญ่สมควรตายหรือ”
“หุบปากเสีย!”เจียงอู่ยกดาบชี้ตรงไปที่เฉียวเจา
ปลายคมดาบเปล่งประกายวาววับจ่อตรงหน้านาง เจียงหย่วนเฉายื่นมือไปจับข้อมือเขาไว้ ทั้งคู่เริ่มต่อสู้กันอุตลุดทันใด
เฉียวเจาที่อยู่ด้านข้างมองดูพวกเขาสัประยุทธ์กันด้วยสีหน้านิ่งเฉยดุจเดิม
นางเอ่ยถามประโยคนั้นเจียงอู่ก็อับอายจนพาลโกรธ ท่าทีตอบสนองเช่นนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ
นับแต่ร่ำเรียนวิชาสะกดจิตจากท่านปู่หลี่ นางเริ่มเข้าถึงแก่นแท้ของมันได้ทีละน้อย บางครั้งวาจาท่าทางโดยไม่รู้ตัวของคนผู้หนึ่งมักเปิดเผยความคิดที่แท้จริงของเขาออกมา
มิไยว่าเจียงอู่จะแสดงออกว่าโศกเศร้าเสียใจปานใด อีกทั้งกล่าวอย่างขึงขังเต็มปากเต็มคำว่าจะลากตัวฆาตกรที่สังหารเจียงถังและบุตรสาวออกมาให้ได้ ทว่าถ้อยคำที่เขาพูดออกมาโดยไม่ตั้งใจกลับหลอกใครไม่ได้
เจียงอู่มิได้เคารพนับถือเจียงถังสักเท่าไร
ทั้งเจียงหย่วนเฉาและเจียงอู่ล้วนได้เจียงถังสอนวรยุทธ์ให้ พวกเขาประมือกันนานครู่ใหญ่ถึงรู้ผลแพ้ชนะ
เจียงหย่วนเฉายึดแขนข้างหนึ่งของเจียงอู่ไว้ เขากล่าวเสียงกระด้าง “เจียงอู่ ท่านพ่อบุญธรรมไม่เคยสอนให้เจ้าเอาดาบจ่อใส่เด็กสาวคนหนึ่งนะ”
แม้จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่เจียงอู่กลับไม่ยี่หระ เขากล่าวเยาะๆ “เหตุใดรึ น้องสือซานปวดใจแล้วหรือ”
สุ้มเสียงกังวานใสของเด็กสาวดังขึ้น “ท่านปากพล่อยเยี่ยงนี้ ใครต่อใครคงนึกอยากสั่งสอนท่านทั้งนั้น”
เจียงอู่หันขวับไปมองนาง “แม่เด็กน้อย ไม่มีคนบอกเจ้าหรือว่าพูดน้อยๆ ถึงจะมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาว”
“ข้ารู้เพียงว่าพูดน้อยๆ ก็จะโดนคนสาดโคลนใส่ตัว ท่านห้า ท่านเป็นทั้งพยานทั้งตุลาการหน้าดำเสียเองอย่างนี้จะดีหรือ”
เจียงอู่อึ้งไปกับคำถามนี้
เฉียวเจาแย้มมุมปากออก น้ำเสียงของนางเย็นชาแฝงรอยดูแคลนไว้โดยไม่ปิดบัง “ท่านห้าอายุปูนนี้แล้วยังไม่รู้จักวางตนอีกหรือ ถ้าท่านจะเป็นพยานก็อยู่เฉยๆ ปล่อยให้เรื่องสอบปากคำท่านรองผู้บัญชาการเป็นหน้าที่ของคนอื่น แต่ถ้าท่านอยากเป็นตุลาการหน้าดำเรียกร้องความยุติธรรมให้ท่านผู้บัญชาการใหญ่กับบุตรสาว เช่นนั้นก็ไม่เหมาะจะเป็นพยานแล้วกระมัง”
เฉียวเจาพูดพลางกวาดสายตามองทุกคนอย่างช้าๆ จากนั้นเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านจะเป็นคนบอกว่าเห็นท่านรองผู้บัญชาการวางยาพิษสังหารท่านผู้บัญชาการเจียง แล้วก็เป็นคนสั่งให้จับกุมท่านรองผู้บัญชาการเจียงเองอีกไม่ได้นะ ถ้าทำอย่างนี้ได้เช่นนั้นท่านมิใช่นึกอยากจับใครก็จับหรือไร”
“เจ้า…ปากดีนัก!” เจียงอู่มองนางด้วยสายตาเหี้ยมเกรียมยิ่งขึ้น
เจียงหย่วนเฉาเปล่งเสียงหัวร่อเบาๆ “ข้ารู้สึกว่าคุณหนูหลีพูดจามีเหตุผลมาก”
เฉียวเจาปรายตามองเขาอย่างเย็นชา
เจียงหย่วนเฉาหยุดหัวเราะทันควัน
เฉียวเจายกมือจับปอยผมที่หลุดลุ่ยลงมาเหน็บไว้หลังใบหูก่อนกล่าวอย่างเป็นจังหวะจะโคน “แน่นอนว่าถึงแม้ท่านห้าจะกระทำได้ไม่เหมาะสม แต่ในเมื่อเกี่ยวโยงมาถึงตัวข้าด้วย เช่นนั้นข้าก็ต้องขอชี้แจงให้กระจ่างสักหน่อย ในวันเทศกาลหยวนเซียวข้ากับคู่หมั้นนัดหมายกันไปเดินชมงานโคมไฟ พวกข้าอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ไยท่านห้าไม่เชิญคู่หมั้นของข้ามาถามไถ่ให้รู้เรื่อง”
เจียงอู่อึ้งไปเล็กน้อย
ในคืนวันที่สิบห้าเดือนหนึ่งเขาเห็นเองกับตาว่าเจียงสือซานกับคุณหนูหลีซานอยู่ด้วยกัน จึงไม่มีทางผิดพลาดอย่างเด็ดขาด ด้วยเหตุผลนี้เองเขาถึงสั่งคนไปพาตัวนางมา
เขาไม่คิดว่าคู่หมั้นแอบนัดพบบุรุษอื่น กวนจวินโหวจะยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อนได้อีก
ต่อให้คราวนี้เจียงสือซานเอาตัวรอดไปได้ แต่ก็ทำให้การแต่งงานของกวนจวินโหวล้มเหลว จากนี้เป็นต้นไปเขาจะต้องโดนกวนจวินโหวเห็นเป็นหนามยอกอก
“อ้อ ข้านึกขึ้นได้แล้ว คู่หมั้นของข้าก็มาเป็นแขกของที่ว่าการพวกท่านพอดี ไฉนท่านห้าไม่เชิญเขามาถามดูเล่า”
เห็นเจียงอู่ไม่กล่าววาจา เฉียวเจาคลี่ยิ้ม “หรือว่าท่านห้ากลัวจะถูกเปิดโปงคำเท็จ ไม่กล้ายืนยันกันซึ่งๆ หน้า”
เจียงอู่ออกคำสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาคนสนิทด้วยสีหน้าเคร่งขรึมทันที “ไปที่ที่ว่าการเชิญกวนจวินโหวมาที่นี่”
เจียงสืออีก้าวออกมา “กวนจวินโหวยังออกมาไม่ได้ ยังไม่ได้สอบปากคำเขาเลย”
เจียงอู่ปวดขมับตุบๆ ไม่หยุด เขารู้สึกเจียนคลุ้มคลั่งเต็มที
ทั้งที่ทุกอย่างอยู่ในกำมือหมดแล้ว เพราะอะไรตั้งแต่แม่เด็กน้อยผู้นี้อ้าปากพูด เขารู้สึกได้รางๆ ว่าจะควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่
“น้องสืออี ข้าก็บอกแล้วว่ากวนจวินโหวไม่เกี่ยวข้องกับการตายของท่านพ่อบุญธรรม เจ้าอย่าทำตามความคิดตนจนไม่คำนึงถึงอนาคตของกององครักษ์จินหลิน”
ท่านพ่อบุญธรรมตายไปแล้ว วันหน้าไม่ว่าผู้ใดจะกุมอำนาจในกององครักษ์จินหลิน การล่วงเกินคนในระดับกวนจวินโหวนี้ล้วนไม่เป็นผลดีอันใด อย่าลืมว่ายังมีเจ้าพวกลักเพศที่พิการทั้งกายและใจของกองตรวจสอบพิเศษหน่วยขวากำลังมองตาเป็นมันอยู่อีก
เจียงสืออีไม่โอนอ่อนคล้อยตาม เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ข้าเพียงต้องการสืบหาความจริงเรื่องการเสียชีวิตของท่านพ่อบุญธรรมเท่านั้น”
เจียงอู่ลอบขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ส่วนเจียงสืออีทำสีหน้าเรียบสนิท ขณะที่สายตาของเจียงหย่วนเฉาทอแววลึกล้ำ ชั่วขณะนี้เหล่าองครักษ์จินหลินต่างคิดอ่านอยู่ในใจ พาให้บรรยากาศอึมครึมไปในบัดดล
เฉียวเจาพลันก้าวขาเดินไปตรงหน้าเจียงสืออี นางตัวเตี้ยกว่าเขาไม่น้อยจึงได้แต่แหงนหน้าขึ้นมองเขา
ฝ่ายเจียงสืออีก้มศีรษะลงเล็กน้อยมองนางอย่างเฉยเมย
“เชิญคู่หมั้นของข้ามาที่นี่แล้วข้าจะบอกความจริงเรื่องการเสียชีวิตของท่านผู้บัญชาการใหญ่ของท่าน” เฉียวเจากล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ
กับคนอย่างเจียงสืออีเล่นลิ้นคารมไปก็ไร้ความหมาย บอกสิ่งที่เขาต้องการตามตรงจึงเป็นจุดสำคัญ
เจียงสืออีได้ฟังคำพูดของเฉียวเจาแล้ว สีหน้าที่ไร้อารมณ์ใดก็ปรากฏรอยกระเพื่อมไหวขึ้นน้อยๆ ในที่สุด
ราวกับเขาเพิ่งมองดูเฉียวเจาเต็มตาเป็นคราแรก นัยน์ตาสีดำสนิทเริ่มเปล่งประกาย สุ้มเสียงเย็นๆ ดุจหยกเม็ดเล็กๆ กระทบกันดังเสนาะหู “เจ้ารู้ความจริงเรื่องการเสียชีวิตของท่านพ่อบุญธรรมหรือ”
เฉียวเจาไม่ปริปากพูดอีก นางสบตาเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีท่าทีตกเป็นรองสักน้อยนิด
ครู่หนึ่งต่อมาเจียงสืออีผงกศีรษะ “ได้ ข้าจะเชิญกวนจวินโหวมาที่นี่ จำคำของเจ้าไว้ด้วย”
เซ่าหมิงยวนเข้าไปในคุกของกององครักษ์จินหลินนั่งบั้นท้ายไม่ทันร้อนก็ถูกเชิญตัวมา สีหน้าที่สงบเยือกเย็นในทีแรกของเขาแปรเปลี่ยนไปฉับพลันเมื่อเห็นเฉียวเจา
นางสั่นศีรษะเบาๆ กับเขา
เซ่าหมิงยวนมองไปทางเจียงสืออีด้วยสายตามึนตึง
เจียงสืออีมิได้ปกปิดแม้แต่น้อยนิด “พี่อู่เชิญคุณหนูหลีซานมาที่นี่”
เจียงอู่ฟังแล้วลอบกัดฟันกรอด ตอนนี้เขาชักสงสัยแล้วว่าเจียงสืออีเบาปัญญาจริงๆ หรือว่าจงใจกันแน่!
“ท่านห้าเชิญคู่หมั้นของข้ามาเป็นแขกหรือ”
เจียงอู่ยกยิ้ม “มีบางเรื่องที่ต้องเชิญคุณหนูหลีซานมาถามให้กระจ่างแจ้ง”
“เรื่องใด”
“เขาอยากรู้ว่าข้าอยู่กับผู้ใดในคืนวันเทศกาลหยวนเซียว” เฉียวเจากล่าวอย่างไม่อนาทรร้อนใจ
เซ่าหมิงยวนฟังแล้วอดยิ้มไม่ได้ “ท่านห้าสนอกสนใจเรื่องของข้ากับคู่หมั้นถึงเพียงนี้เลยหรือ คืนนั้นนางย่อมต้องอยู่กับข้าเป็นธรรมดา ข้าทำโคมไฟรูปทรงกระต่ายคู่หนึ่งเองกับมือ ตอนนี้โคมไฟคู่นั้นน่าจะยังอยู่กระมัง”
“แต่ข้าเห็นกับตาว่าคุณหนูหลีซานกับน้องสือซานอยู่ด้วยกัน…”
เซ่าหมิงยวนตัดบทเขาด้วยน้ำเสียงกระด้าง “ท่านตาฝาดไปแล้ว”
เจียงอู่จ้องตากับเซ่าหมิงยวน เห็นรังสีพิฆาตแผ่ออกมาจากดวงตาที่ไฟโทสะลุกโชนอยู่ของอีกฝ่าย
เขามีลางสังหรณ์ว่าหากตนยังยืนกรานคำพูดของตนต่อไป เซ่าหมิงยวนคงจะหักคอเขาโดยปราศจากความลังเลใดๆ
ถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นกับเขา ไม่ว่าเป็นเจียงสืออีหรือเจียงสือซานได้รับตำแหน่งล้วนไม่มีใครล้างแค้นให้เขาแน่
เมื่อตรึกตรองถึงตรงนี้เจียงอู่นึกเสียใจภายหลังอยู่บ้าง เขาไม่สมควรดึงคุณหนูหลีซานเข้ามาจนทำให้เรื่องนี้ซับซ้อนวุ่นวายยิ่งขึ้น
“ข้าเชิญกวนจวินโหวมาแล้ว บอกความจริงเรื่องการเสียชีวิตของท่านพ่อบุญธรรมให้ข้ารู้” เจียงสืออีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยเมย