หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 606
บทที่ 606
ทุกคนฟังแล้วงงงันไปตามๆ กัน เพียงรู้สึกว่าคำพูดของเฉียวเจาแปลกประหลาดน่าเหลือเชื่อเกินไป มีเพียงเซ่าหมิงยวนกับเจียงหย่วนเฉาที่มีสีหน้าสงบนิ่ง
ชั่วพริบตานี้คนทั้งคู่คิดเหมือนกันอย่างหาได้ยาก
เจาเจา (คุณหนูเฉียว) ยังมีชีวิตอยู่มายืนตรงนี้ได้ จะเกิดเรื่องพิสดารพันลึกอันใดยิ่งกว่านี้ดูเหมือนจะไม่น่าแปลกอะไรนัก
“คุณหนูหลีซานลองบอกมาสิว่ายาลูกกลอนพวกนี้จะอ้าปากยืนยันว่าท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ได้เช่นไร” เจียงอู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว
เฉียวเจายื่นมือชี้ยาลูกกลอนในตลับ “เมื่อครู่ท่านหมอหลวงแบ่งแยกยาลูกกลอนเหล่านี้โดยการขีดกากบาทบนยาลูกกลอนที่มีพิษ แต่จริงๆ แล้วไม่ต้องทำสัญลักษณ์ใดๆ ทั้งสิ้นก็แยกออกได้”
พอได้ยินนางเอ่ยถึงตนเอง หมอหลวงก็อดเอ่ยปากขึ้นไม่ได้ “นี่จะแยกออกได้อย่างไร ยาลูกกลอนพวกนี้เหมือนกันทุกประการไม่ว่าจะเป็นรูปทรง ขนาด และสีสัน”
“ไม่ บนยาลูกกลอนที่ไม่มีพิษก็มีตัวอักษรเช่นกัน อยู่ตรงนี้” เฉียวเจาหยิบยาลูกกลอนที่ไม่มีพิษเม็ดหนึ่งขึ้นให้ทุกคนดู
เดิมทียาลูกกลอนก็ขนาดไม่ใหญ่ ตัวอักษรบนนั้นก็ยิ่งเล็ก เจียงสืออีรับมามองดูอย่างจริงจังเป็นคนแรก แล้วก็เป็นเจียงหย่วนเฉารับไปดู จากนั้นส่งๆ ต่อกันไปอย่างนี้ไม่นานนักก็ครบรอบ ทุกคนในที่นี้ล้วนเห็นตัวอักษรเล็กๆ ตัวหนึ่งบนยาลูกกลอนเป็นคำว่า ‘สาม’
เฉียวเจาหยิบยาลูกกลอนที่เหลือออกมาวางเรียงตามลำดับบนโต๊ะ “ท่านสิบเอ็ด ช่วยอ่านตัวอักษรบนยาลูกกลอนออกมาดังๆ ได้หรือไม่”
เจียงสืออีมองนางนิ่งๆ
เฉียวเจาเปล่งเสียงพูดสองคำพร้อมรอยยิ้มละไม “ความจริง”
เสียงอ่านราบเรียบไร้อารมณ์ของเจียงสืออีดังขึ้น “ยี่สิบแปด ยี่สิบเก้า สามสิบ หนึ่ง สอง…แปด เก้า”
พออ่านถึง ‘เก้า’ ก็มาถึงยาลูกกลอนเม็ดสุดท้ายพอดี เจียงสืออีจึงหยุดลง
ทุกคนงุนงงมากขึ้น ไม่เข้าใจว่าเด็กสาวตรงหน้าอมพะนำอะไรไว้อยู่
เฉียวเจาไม่ไขความกระจ่างทันที แต่ย้อนถามว่า “ตอนท่านผู้บัญชาการใหญ่พิษกำเริบสิ้นใจ ใครเป็นคนพบคนแรก”
เจียงสืออีมองไปทางสาวใช้นามหงอิงที่ดูแลการกินการอยู่ของเจียงถัง
หงอิงก้มหน้ากล่าวว่า “ข้าเป็นคนพบคนแรกเจ้าค่ะ ท่านผู้บัญชาการใหญ่ไม่เคยชินกับการมีคนปรนนิบัติรับใช้ใกล้ๆ ตอนค่ำหลังจากปูเตียงให้ท่านเสร็จข้าก็ไปพักผ่อนแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นข้าจะมาปรนนิบัติให้ท่านล้างหน้าบ้วนปาก พบว่าในห้องไม่มีเสียงความเคลื่อนไหว ตอนนั้นข้าก็นึกแปลกใจเพราะท่านผู้บัญชาการใหญ่จะฝึกซ้อมวิชาหมัดตอนเช้าเป็นประจำ แม้ว่าหลายวันมานี้ไม่ได้ฝึกซ้อมอีกเพราะเรื่องของคุณหนูใหญ่ ท่านยังคงตื่นนอนตามเวลาเดิม แต่เหตุการณ์ในวันนั้นผิดปกติไปจริงๆ พอข้าเข้าไปดูถึงพบว่า…”
สีหน้าของหงอิงฉายแววตื่นกลัว นางพูดเสียงสั่นๆ “พบว่าท่านผู้บัญชาการใหญ่มีเลือดออกทางทวารทั้งเจ็ด หมดลมหายใจไปแต่แรก...”
หงอิงกล่าวต่อไปไม่ได้ นางเริ่มสะอื้นไห้
“ท่านผู้บัญชาการใหญ่ต้องกินยาทุกคืน เจ้าจึงมีหน้าที่เตรียมน้ำอุ่น เช่นนั้นเจ้าเห็นท่านผู้บัญชาการใหญ่กินยาเองกับตาทุกครั้งหรือไม่” เฉียวเจาถามขึ้นอีก
หงอิงส่ายหน้า “ท่านผู้บัญชาการใหญ่ไม่ชอบให้มีคนอื่นอยู่ในห้อง ทุกครั้งข้าจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ออกมาเจ้าค่ะ”
“ข้าจะไปดูที่ห้องของท่านผู้บัญชาการใหญ่สักหน่อย” เฉียวเจามองตรงไปที่เจียงสืออี
เมื่อภาพนี้ตกอยู่ในสายตาเจียงหย่วนเฉา เขายิ้มขื่นๆ ในใจ
ในใจของนาง ข้าคงจะคู่ควรให้เชื่อถือเทียบเท่าพี่สืออียังไม่ได้
“คุณหนูหลีซาน ท่านอมพะนำอะไรอยู่กันแน่” เจียงอู่พูดขึ้นอย่างอดใจไม่อยู่
เฉียวเจาแย้มยิ้ม “พวกท่านมีความแน่วแน่ที่จะฆ่ากันเองเพื่อการตายของท่านผู้บัญชาการใหญ่ แต่ไม่มีความอดทนรอข้าสืบความจริงให้กระจ่างหรือ”
คำกล่าวของนางทำให้เหล่าองครักษ์จินหลินหน้าชาวาบ
“ตามข้ามา” เจียงสืออีมองนางแวบหนึ่งถึงก้าวปราดๆ ไปข้างหน้า
เฉียวเจาไม่ลืมเก็บยาลูกกลอนขึ้นก่อนจะสาวเท้าตามไป
เซ่าหมิงยวนเดินอยู่ข้างๆ นางส่งสายตาเป็นเชิงถาม
“ไม่ต้องเป็นห่วง อีกไม่นานพวกเราก็จะได้อยู่ห่างๆ จากเรื่องยุ่งยากไร้สาระนี้แล้ว” เฉียวเจากระซิบบอก
เซ่าหมิงยวนยิ้มอย่างเอ็นดูระคนจนปัญญา มีคู่หมั้นเก่งกาจเพียงนี้เขาคงจะเป็น ‘ช้างเท้าหลัง’ ได้อย่างสบายใจแล้ว
หน้าประตูห้องของเจียงถังมีองครักษ์จินหลินยืนอยู่สองคน พอเห็นทุกคนเดินมาทั้งสองก็พลันยืนตัวเกร็งตามสัญชาตญาณ
“เปิดประตู” เจียงสืออีเอ่ยเสียงเย็นๆ
องครักษ์จินหลินทั้งสองอดมองไปทางเจียงอู่ไม่ได้
เจียงสืออีขมวดคิ้ว ย้อนถามสั้นๆ “หูหนวกรึ”
เจียงหย่วนเฉาเหยียดมุมปากออก ทันทีที่ท่านพ่อบุญธรรมล่วงลับ พวกเขาองครักษ์จินหลินก็แตกแยกเป็นเสี่ยงๆ อย่างรวดเร็วดีแท้
“เปิดประตูเถอะ” เจียงอู่เอ่ยสั่ง เขาลอบลำพองใจอยู่บ้างอย่างช่วยไม่ได้
ท่านพ่อบุญธรรมปกครองกององครักษ์จินหลินมานานหลายสิบปี พูดได้ว่าองครักษ์ทุกคนมีความยำเกรงต่อบารมีของท่านอย่างฝังลึกถึงแก่น
หลังจากน้องบุญธรรมตายไป ท่านพ่อบุญธรรมก็ดึงอำนาจจากมือเจียงสือซานมาแบ่งกระจายให้เขากับเจียงสืออี ต่อให้เจียงสือซานเป็นบุตรเขย อีกทั้งรั้งอยู่ในตำแหน่งมือรองมาเกือบหนึ่งปี แต่เมื่อท่านพ่อบุญธรรมมีบัญชาลงมา นอกจากพวกคนสนิทของเจียงสือซานที่มีอยู่หยิบมือเดียวแล้ว พรรคพวกคนอื่นๆ ยังคงรับฟังคำสั่งของท่านพ่อบุญธรรมแต่โดยดี
ประตูห้องเปิดออกช้าๆ เฉียวเจาย่างเท้าเข้าไป
ชะรอยว่าไม่มีอากาศถ่ายเทเป็นเวลานาน ข้างในจึงมีกลิ่นแปลกๆ ลอยอวลอยู่จางๆ ระลอกหนึ่ง แต่เฉียวเจาไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย หลังเดินไปทั่วห้องอย่างฉับไวรอบหนึ่งก็หยุดยืนที่ข้างโต๊ะ
บนโต๊ะมีกาน้ำชาลายนกสาลิกาดงเกาะกิ่งเหมยกับถ้วยน้ำชาชุดเดียวกันสามใบ
เฉียวเจายื่นมือยกกาน้ำชาขึ้นดู จากนั้นหยิบถ้วยน้ำชามาหมุนคลึงในมือเล่นพลางถามอย่างเยือกเย็น “ถ้วยที่ท่านผู้บัญชาการใหญ่ใช้ดื่มน้ำตกแตกไปแล้วใช่หรือไม่”
หงอิงมีสีหน้าตกตะลึง “คุณหนูกล่าวได้ถูกต้องเจ้าค่ะ ตอนนั้นข้าเข้ามาแล้วเห็นท่านผู้บัญชาการใหญ่ล้มตะแคงอยู่ข้างเตียงมีเลือดออกทางทวารทั้งเจ็ด ส่วนถ้วยน้ำชาตกแตกเป็นเศษเล็กเศษน้อยเกลื่อนพื้น ข้าเป็นคนเก็บกวาดเศษกระเบื้องพวกนั้นในภายหลังเอง”
เฉียวเจาพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจแล้ว
“ความจริง!” เจียงสืออีพูดเสียงห้วนแข็ง
“ใจเย็น!” เฉียวเจาเอ่ยสองคำตอกกลับเขา
เจียงสืออีเม้มปากแน่นไม่พูดอะไรแล้ว
“คุณหนูหลีซาน พวกข้าใจเย็นแต่มิได้เย็นใจ หากคุณหนูหลีซานยังบอกต้นสายปลายเหตุไม่ได้ เช่นนั้นข้าคงได้แต่คิดว่าท่านก่อกวนอยู่”
เฉียวเจามองเจียงอู่แวบหนึ่ง นางกระแอมกระไอให้คอโล่งก่อนกล่าว “เรื่องแรกวันนั้นท่านผู้บัญชาการใหญ่ไม่ได้กินยาที่ข้าปรุงขึ้นแต่อย่างใด”
“หลักฐาน!” เจียงสืออีพูดสั้นกระชับดังเคย
“พวกท่านลองถามองครักษ์จินหลินที่ไปรับยาจากข้าก่อนว่าหลังวันตรุษเขาไปรับยาวันใด”
เจียงสืออีเรียกองครักษ์จินหลินผู้นั้นมาถามความทันที
“เป็นวันที่สิบสองเดือนหนึ่งขอรับ”
ได้ยินคำตอบขององครักษ์จินหลินผู้นั้นแล้ว เฉียวเจาพยักหน้า “ไม่ผิด เป็นวันที่สิบสองเดือนหนึ่งนั่นเอง ข้าจะปรุงยาให้ท่านผู้บัญชาการใหญ่โดยการแบ่งช่วงเวลารักษารอบละยี่สิบแปดวัน อีกอย่างส่วนประกอบของยาแต่ละเม็ดจะผิดแผกกันไปเล็กน้อยตามความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายทุกวันหลังกินยา ดังนั้นข้าถึงสลักวันที่ไว้บนผิวนอกของยาลูกกลอน”
เมื่อเฉียวเจาแจกแจงให้ฟังอย่างนี้ ทุกคนพลันรู้ความหมายของตัวเลขบนยาลูกกลอนพวกนั้นแล้ว
ที่แท้เป็นลำดับวันที่เองหรือ
เจียงหย่วนเฉามองเฉียวเจาด้วยสายตาลึกล้ำ
“ท่านผู้บัญชาการใหญ่เริ่มกินยาลูกกลอนในคืนวันที่สิบสองเดือนหนึ่ง กินคืนละหนึ่งเม็ดจนถึงคืนวันที่ยี่สิบแปดเดือนหนึ่ง ซึ่งก็คือวันที่ท่านจบชีวิตด้วยยาพิษ แต่เขายังไม่ได้กินยาลูกกลอนที่เขียนตัวเลข ‘ยี่สิบแปด’ ไว้”
เฉียวเจาพูดพร้อมกับยื่นยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งไปตรงหน้าเจียงสืออี
เขาเพ่งสายตามองยาลูกกลอนเม็ดเล็กๆ นั้นแล้วจู่ๆ ก็เข้าใจความหมายที่ว่ายาลูกกลอนบอกได้
เขาลอบประหลาดใจระคนตกตะลึง ดวงตาที่มองไปทางเฉียวเจาทอประกายเข้มขึ้น
เฉียวเจากวาดสายตามองทุกคนแล้วกล่าวเสียงราบเรียบ “ท่านผู้บัญชาการใหญ่รู้ความหมายของตัวเลขบนยาลูกกลอนดี ท่านจะต้องกินยาตามวันที่อย่างเคร่งครัดเป็นแน่ ในเมื่อยาลูกกลอนที่สลักตัวเลข ‘ยี่สิบแปด’ ไว้ยังอยู่ก็แสดงว่าในคืนวันที่ยี่สิบแปดเดือนหนึ่งนั้น ท่านไม่ได้กินยาอย่างเด็ดขาด!”