หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 607
บทที่ 607
“แล้วยาลูกกลอนที่มีพิษพวกนั้นเล่าจะอธิบายว่าอย่างไร” เจียงอู่ไต่ถาม
เฉียวเจายิ้มแล้ว “นี่มิใช่บ่งบอกหรือว่ายาลูกกลอนที่มีพิษไม่เกี่ยวข้องกับข้า แต่เป็นฆาตกรตัวจริงที่ใส่เข้าไปเป็นการตบตาผู้คน”
“ตบตาผู้คน? ความหมายของเจ้าคือท่านพ่อบุญธรรมไม่ได้กินยาลูกกลอนที่มีพิษถึงจบชีวิตหรือ” เจียงสืออีถามขึ้นอย่างหัวไว
เฉียวเจาผงกศีรษะ “ข้าคาดเดาว่าฆาตกรใส่ยาลูกกลอนที่มีพิษพวกนี้ลงไปภายหลัง จุดประสงค์ก็คือเพื่อหาแพะรับบาป”
“หากเป็นเช่นนี้ท่านพ่อบุญธรรมโดนวางยาพิษอย่างไร”
นางยื่นมือไปยกกาน้ำชาขึ้นแล้วหยิบถ้วยใบหนึ่งมารินจนเต็ม
เมื่อเห็นการกระทำของนาง สีหน้าของทุกคนฉายแววฉงนใจ
เฉียวเจาถือถ้วยน้ำชาไว้ มองไปทางหงอิง “โดยทั่วไปพอคนเราทำอะไรจนเป็นนิสัยแล้วมักเปลี่ยนแปลงได้ยากมาก ท่านผู้บัญชาการใหญ่กินยาก่อนนอนทุกวัน เจ้าน่าจะเคยชินกับการเตรียมน้ำอุ่นให้ท่านกินยาตามเวลาทุกคืนกระมัง”
“เจ้าค่ะ ทุกคืนตอนยามไฮ่* ข้าจะเตรียมน้ำอุ่นสำหรับกินยาให้ท่านผู้บัญชาการใหญ่”
“เตรียมน้ำมากเพียงใด ครึ่งกาหรือเต็มกา”
“ทุกครั้งล้วนเตรียมไว้ครึ่งกาเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นตอนเจ้าเก็บกวาดห้องในวันถัดมาน้ำในกายังเหลือเท่าไร”
“เหลือสักประมาณนี้เจ้าค่ะ” หงอิงทำไม้ทำมือบอกระดับความสูงของน้ำในกา
เฉียวเจากล่าวขอบคุณแล้วเทน้ำที่รินออกมาก่อนหน้านี้กลับลงไปตามเดิม จากนั้นค่อยเปิดฝากาออกให้ทุกคนดู
“พวกท่านดูนะ ในกาตอนนี้มีน้ำมากกว่าครึ่งกา ทว่าตอนหงอิงพบว่าท่านผู้บัญชาการใหญ่เสียชีวิตก็มีถ้วยน้ำชาตกแตกอยู่บนพื้น นี่แสดงว่าท่านดื่มน้ำไปแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นจึงเกิดคำถามขึ้น ต้องเป็นสถานการณ์เช่นไรกันที่หลังจากดื่มน้ำไปถ้วยหนึ่ง แต่น้ำในกายังมีมากกว่าตอนก่อนดื่มตามปกติ”
คนที่อยู่ในที่นี้ล้วนไม่ใช่คนโง่ เฉียวเจากล่าวถึงตรงนี้พวกเขาก็เริ่มเข้าใจได้รางๆ
“เจ้าจะบอกว่า…มีคนเปลี่ยนน้ำในกาน้ำชาหรือ” เจียงหย่วนเฉาถามเสียงเบาๆ
เฉียวเจาเหลือบมองเขาแล้วดึงสายตากลับทันที “พูดให้ถูกต้องน่าจะเป็นกาน้ำชาถูกสับเปลี่ยน! เพราะใบเดิมใส่ยาพิษไว้ ดังนั้นเพื่อทำลายหลักฐาน หลังจากท่านผู้บัญชาการใหญ่ตายไป ฆาตกรฉวยจังหวะที่ไม่มีคนสนใจ เอากาน้ำชาลายเดียวกันมาสับเปลี่ยนกับใบเดิม เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีทางสืบได้ว่าน้ำในกามีพิษ”
นางพูดพลางกวาดสายตามองหน้าทุกคนอย่างช้าๆ แล้วหัวร่อเสียงแผ่วเบา “น่าเสียดายที่ถึงรัดกุมไปร้อยประการกลับเกิดช่องโหว่หนึ่งจนได้ เขานึกว่าเปลี่ยนกาน้ำชาแล้วจะไม่มีคนสืบพบว่าน้ำในกาผิดปกติ แต่น้ำที่เหลืออยู่กลับกลายเป็นการเผยพิรุธออกมาเสียแล้ว”
แปะๆๆ
เจียงอู่ตบมือเบาๆ “คุณหนูหลีซานมีสติปัญญาเฉียบแหลม ฝีปากคมคายดังคาด”
“ท่านห้ากล่าวชมเกินไปแล้ว” เฉียวเจากล่าวอย่างสงบนิ่ง
มุมปากของเจียงอู่กระตุกริกๆ ใครพูดชมกันเล่า เด็กสาวผู้นี้เข้าข้างตนเองเกินไปแล้ว!
“น่าเสียดายที่ข้อสรุปที่ได้จากแค่ปริมาณน้ำในกาเช่นนี้ออกจะส่งเดชเกินไปกระมัง” เจียงอู่ย้อนถามด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“ส่งเดช?”
“ใช่ บางทีคืนนั้นหงอิงอาจเทน้ำใส่กามากขึ้นก็ได้ แต่จะเทมากเทน้อยมิใช่เรื่องสลักสำคัญอันใด” เจียงอู่มองไปทางหงอิง “เจ้าแน่ใจว่าคืนนั้นเตรียมน้ำไว้ครึ่งกาเหมือนเดิมหรือไม่”
เมื่อโดนเจียงอู่จ้องตาเขม็งพร้อมกับซักถามเฉกนี้ หงอิงก็หาลิ้นตนเองไม่เจอแล้ว นางพูดตะกุกตะกัก “ข้า…ข้า…น่าจะ…เอ่อ…ไม่…”
“ส่งเดชมาก” เจียงสืออีขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด ถ้อยคำของสาวใช้คนหนึ่งอย่างนี้จะเชื่อถือได้จริงๆ หรือ
เฉียวเจามองเจียงสืออี “บางทีท่านสิบเอ็ดอาจรู้สึกว่าเชื่อใจคนไม่ได้ เช่นนั้นพวกเราก็ให้สิ่งของเป็นผู้บอกเถอะ”
เจียงสืออีอึ้งไปเล็กน้อย เหตุใดเขารู้สึกคล้ายถูกคุณหนูหลีซานผู้นี้อ่านใจได้ทะลุปรุโปร่งอยู่ร่ำไป
ข้าคิดอะไร ราวกับว่านางจะล่วงรู้ได้ก่อนก้าวหนึ่ง
เขาคิดคำนึงอย่างนี้แล้วอดมองเฉียวเจาซ้ำอีกทีไม่ได้
เซ่าหมิงยวนซึ่งมองดูอยู่ด้านข้างเฉยๆ เห็นภาพนี้แล้วทำหน้าบึ้ง
มันเรื่องอะไรกัน เจ้าหนุ่มผู้นี้มองว่าที่ภรรยาของข้าบ่อยๆ ด้วยเหตุใด!
เฉียวเจารับรู้ได้ว่าอากาศรอบกายเย็นเฉียบลงหลายส่วนชอบกล ละม้ายว่าลมหนาวจากนอกห้องเพิ่งพัดเข้ามา
“ยังมีของอะไรที่บอกได้อีก?” เจียงสืออีใช้คำว่า ‘ยัง’ โดยไม่รู้สึกตัว เห็นชัดว่ายอมรับการคาดคะเนเกี่ยวกับยาลูกกลอนก่อนหน้านี้ของเฉียวเจาแล้ว
เฉียวเจาก็ไม่อมพะนำต่ออีก นางชี้นิ้วมือเรียวเล็กออกไป “กาน้ำชาใบนี้!”
“กาน้ำชามีอะไรอีกเล่า” เจียงอู่ย่นหัวคิ้วเข้าหากัน
ยาลูกกลอนเมื่อครู่เป็นแม่เด็กน้อยผู้นี้ปรุงขึ้น และทำเครื่องหมายเป็นตัวเลขไว้บนนั้น แต่กาน้ำชาใบนี้น่าจะเป็นของจวนสกุลเจียงกระมัง
เฉียวเจาเทน้ำในกาออกจนหมดแล้ววางคว่ำลงเผยให้เห็นก้นกา ต่อจากนั้นเอาถ้วยน้ำชาสามใบวางคว่ำลงไปทีละใบ ค่อยผายมือบอกให้ทุกคนมาดู “ตอนนี้ทุกคนน่าจะมองความแตกต่างออกแล้วกระมัง”
เจียงหย่วนเฉาหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาใบหนึ่ง แววตาของเขาทอประกายวูบ “กาน้ำชากับถ้วยน้ำชาไม่ใช่ชุดเดียวกัน”
ชุดน้ำชาชั้นดีระดับนี้ล้วนออกมาจากเตาเผาของราชสำนักทั้งสิ้น ซึ่งมักจะเขียนบอกเดือนและปีที่ทำขึ้นในจุดที่ไม่สะดุดตา เดิมทีนี่เป็นข้อเท็จจริงที่เห็นประจักษ์ชัดอยู่แล้ว แต่ในสถานการณ์เช่นนี้จะคิดถึงจุดนี้ได้กลับมิใช่เรื่องง่าย
ผู้บัญชาการของกององครักษ์จินหลินสิ้นชีพกะทันหัน ใครจะคิดถึงว่ากาน้ำชาเล็กๆ ใบหนึ่งยังมีความลึกลับซ่อนอยู่อีกเล่า
“ข้าคิดว่าท่านผู้บัญชาการเจียงคงไม่ถึงกับต้องใช้กาน้ำชาที่ไม่ครบชุดกระมัง”
คราวนี้ไม่มีคนโต้แย้งคำพูดของเฉียวเจาอีก
นางอ้าปากกล่าวต่อ “แน่นอนว่าหากลวดลายและสีสันของกาน้ำชาเหมือนกันทุกประการ บางทีอาจวางปะปนจนสลับกันมานานแล้วก็มิอาจรู้ได้ ท่านห้า ท่านว่าใช่หรือไม่”
สีหน้าของเจียงอู่ขรึมลงน้อยๆ “คุณหนูหลีซานไม่จำเป็นต้องเจาะจงข้าเป็นพิเศษ เทียบกับการคาดคะเนอย่างเลื่อนลอยแล้ว ข้าเชื่อถือหลักฐานที่แน่นหนามากกว่าเท่านั้น”
ถึงตอนนี้แล้วขืนเขาพูดว่ากาน้ำชาไม่เคยถูกสับเปลี่ยนมาก่อนอีกก็จะเป็นการเถียงข้างๆ คูๆ แล้ว เขาไม่มีทางทำเรื่องฉีกหน้าตนเองพรรค์นี้
มุมปากของเจียงหย่วนเฉาประดับรอยยิ้มโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
คุณหนูเฉียวถามเช่นนี้จะต้องมีหลักฐานที่ไม่เปิดช่องให้ปฏิเสธได้มากกว่านี้อีกเป็นแน่
นางเป็นเด็กสาวเจ้าปัญญาที่เยือกเย็นหลักแหลมเช่นนี้เสมอมา
ดวงตาของเจียงหย่วนเฉาแฝงรอยคิดถึงคะนึงหาอยู่หลายส่วน
ในครั้งนั้นเขากับนางได้พบกันโดยบังเอิญหลายครั้ง นางมิได้เฉยเมยเย็นชากับเขาเฉกเช่นตอนนี้
เมื่อคิดคำนึงถึงตรงนี้ความเจ็บปวดรวดร้าวแผ่กระจายไปทั้งกลางอกของเจียงหย่วนเฉา สุดท้ายก็สลายหายไปกลายเป็นความเย็นเยียบ
“คุณหนูหลีซานยังมีหลักฐานอะไรอีก” เจียงสืออีเอ่ยปากถาม
“สีด้านในของกาน้ำชา” เฉียวเจาตะแคงกาน้ำชาให้ทุกคนดู “ด้านในของกาใบนี้เป็นสีเหลืองจางๆ ของคราบน้ำชาที่ล้างไม่ออก ท่านผู้บัญชาการใหญ่กินยากับน้ำเปล่าได้เท่านั้น กาน้ำชาของเขาจึงเคยใส่แต่น้ำเปล่า ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคราบน้ำชาเหลือติดอยู่อย่างนี้”
ภายในห้องเงียบกริบ
เฉียวเจานวดๆ ตรงหว่างคิ้วปกปิดความอ่อนล้า “ตอนนี้ทุกท่านยังมีข้อท้วงติงอีกหรือไม่”
“กาน้ำชาเป็นฆาตกรที่สับเปลี่ยน น้ำผสมยาพิษในกาทำให้ท่านพ่อบุญธรรมต้องตาย เช่นนั้นฆาตกรคือใครกัน” เจียงสืออีมองไปทางเฉียวเจาด้วยสายตาจริงจังสุดจะเปรียบ
เฉียวเจาคลายยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ “ท่านสิบเอ็ดถามข้าหรือ”
เจียงสืออีทำหน้าประหลาดใจ นางกล่าววาจาได้เป็นเหตุเป็นผล ไม่ถามนางแล้วจะถามใคร
“ข้าเป็นเพียงผู้ต้องสงสัยที่พวกใต้เท้าในกององครักษ์จินหลินพาตัวมาถามความ บัดนี้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ตนเองได้ก็น่าจะกลับได้แล้วกระมัง สำหรับการหาตัวฆาตกรนั้นเกี่ยวข้องอันใดกับเด็กสาวนางหนึ่งเช่นข้า”
เจียงสืออีทำปากขมุบขมิบก่อนจะเอ่ยถามอย่างทื่อๆ “ต้องทำอย่างไรท่านถึงจะยอมช่วย”
“พี่สืออี อย่าสร้างความลำบากใจให้คุณหนูหลีเลย” เจียงหย่วนเฉากล่าวทอดถอนใจ
เจียงอู่แค่นหัวเราะ “น้องสือซาน คุณหนูหลีซานหลุดพ้นข้อสงสัยแล้ว แต่เจ้ายังไม่นะ”
เฉียวเจาได้ยินเสียงของเจียงอู่ก็หงุดหงิด นางเอ่ยเสียงเรียบว่า “ปล่อยบิดาข้า แล้วข้าก็จะช่วย”
* ยามไฮ่ คือช่วงเวลา 21.00 น. ถึง 23.00 น.