หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 609
บทที่ 609
เจียงสือซาน ข้าขอสาปแช่งให้เจ้าสูญเสียสิ่งที่เจ้ารักไปตลอดชาติ ความพยายามใดๆ ทั้งปวงล้วนกลายเป็นความว่างเปล่าในท้ายที่สุด…
เสียงพูดของเจียงอู่ลอยวนเวียนอยู่ข้างหู เจียงหย่วนเฉามองเฉียวเจาแวบหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
ในดวงตาคู่นั้นผสมปนเปไปด้วยอารมณ์หลายหลากเกินไป
เฉียวเจาหันสายตาไปทางอื่นอย่างไร้ความรู้สึกใดๆ
เจียงหย่วนเฉาได้แต่เยาะหยันตนเอง
คิ้วเข้มพาดเฉียงของเซ่าหมิงยวนขมวดเข้าหากัน
เพราะอะไรถึงรู้สึกเหมือนว่าที่ภรรยาของตนถูกเจ้าลูกเต่าผู้นี้หมายปอง
เขาหลุบเปลือกตาลง ไฟโทสะสุมกลางอกทีละน้อย
“ปล่อยตัวบิดาข้าออกมาได้หรือไม่” เสียงเยือกเย็นของเด็กสาวดังขึ้น
“ได้” เจียงหย่วนเฉากับเจียงสืออีกล่าวตอบเป็นเสียงเดียวกัน
ทั้งคู่กล่าวแล้วสบตากันอึดใจหนึ่งก่อนจะเบนออกทันที
เซ่าหมิงยวนยื่นมือโอบไหล่เฉียวเจาพลางกล่าวเสียงเรียบๆ “ไปเถอะ ไปรับท่านพ่อตาที่คุกของกององครักษ์จินหลินกันเลย”
เฉียวเจาผงกศีรษะรับคำ
คุกของกององครักษ์จินหลินคุ้มกันอย่างแน่นหนา ทำให้คนที่ได้ยินชื่อขวัญหนีดีฝ่อตั้งมากเท่าใดก็สุดรู้
ห่างจากด้านนอกตัวคุกไปไม่ไกลมีคนสามคนยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ พวกเขาทอดสายตามองไปทางนั้นบ่อยๆ
“คุณหนูหลีซานให้พวกเรามารอใต้เท้าหลีตรงนี้ พวกเจ้าว่านางกลัวทำให้พวกเราพลอยเดือดร้อนไปด้วยเลยจงใจพูดเช่นนี้ใช่หรือไม่” หยางโฮ่วเฉิงถูมือไปมาอย่างกระสับกระส่าย
ตอนนั้นพวกเขาสามคนมาเยี่ยมใต้เท้าหลีพร้อมกับคุณหนูหลีซาน ใครจะรู้ว่ายังเดินมาไม่ถึงตรงนี้นางก็โดนเจ้าคนสารเลวพวกนั้นพาตัวไป ก่อนไปนางยังกำชับกำชาพวกเขาเป็นพิเศษว่าอย่าหุนหันพลันแล่น ให้รออยู่นอกคุกเท่านั้นเป็นพอ
แต่ตามความตั้งใจเดิมของเขาคืออยากเข้าวังไปขอพระเมตตาจากไทเฮา
หยางโฮ่วเฉิงคิดถึงตรงนี้ก็ขุ่นเคืองใจยิ่งขึ้น เขาตบมือทีหนึ่งแล้วกล่าว “ตอนนั้นไม่สมควรทำตามคุณหนูหลีซานจริงๆ”
ฉือชั่นกับจูเยี่ยนต่างไม่เอื้อนเอ่ยวาจาสักคำ
“พวกเจ้ามีความคิดอะไรก็บอกกันบ้างสิ ยามนี้พวกองครักษ์จินหลินเหมือนสุนัขบ้าไปแล้ว ตอนแรกก็จับใต้เท้าหลี ต่อมายังจับถิงเฉวียนอีก ตอนนี้ยังพาตัวคุณหนูหลีซานไป หรือพวกเราจะรอตาปริบๆ อยู่ตรงนี้” หยางโฮ่วเฉิงเอ่ยอย่างร้อนใจ
“นางพูดอะไรทำอะไรล้วนไว้วางใจได้มาแต่ไหนแต่ไร” จูเยี่ยนกล่าวอย่างตรึกตรอง ในความรู้สึกของเขา เด็กสาวที่มีแววตาสงบนิ่งผู้นั้นมักคลี่คลายปัญหายุ่งยากใหญ่หลวงในสายตาผู้คนมากมายด้วยสีหน้าเป็นปกติได้เสมอ คราครั้งนี้เขาก็ยังอดเชื่อใจนางไม่ได้ดังเคย
ฉือชั่นมองหยางโฮ่วเฉิงกับจูเยี่ยนปราดหนึ่งก่อนจะก้าวขาออกเดินไป
หยางโฮ่วเฉิงยื่นมือรั้งตัวเขาไว้ “สือซี เจ้าจะไปที่ใด”
ฉือชั่นปัดมือเขาออก กล่าวเสียงกระด้าง “ไปจวนสกุลเจียง”
เขาพูดจบแล้วก็สาวเท้าก้าวใหญ่เดินไปข้างหน้า
“นี่ สือซี เจ้าอย่าวู่วามนะ” หยางโฮ่วเฉิงขวางหน้าฉือชั่นเอาไว้
เขาขมวดคิ้ว “วู่วาม? ข้าไม่ได้วู่วาม พวกเรารอคอยอยู่ตรงนี้มากว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว หรือจะยืนรออยู่ตรงนี้ไปเรื่อยๆ”
“สือซี ไปที่จวนสกุลเจียงไม่ได้ เจียงถังตายอย่างกะทันหัน ที่นั่นกำลังสับสนวุ่นวายอยู่” จูเยี่ยนเอ่ยปรามเสียงนุ่ม
ฉือชั่นยิ้มบางๆ “ข้าย่อมรู้แน่ว่าที่นั่นกำลังสับสนวุ่นวาย แต่มีคำกล่าวหนึ่งว่าไว้ ถึงรู้ว่าทำไม่ได้ก็ต้องทำ นี่คือสถานการณ์ที่เราเผชิญอยู่ขณะนี้ อย่างมากก็ให้องครักษ์จินหลินพวกนั้นจับตัวข้าไปอีกคนเป็นสิ้นเรื่อง”
หลีซานเป็นเพียงเด็กสาวผู้หนึ่ง เข้าไปในถ้ำเสือแดนมังกรนั่น ถ้าเกิดโดนเจ้าลูกเต่าพวกนั้นแล่เนื้อเถือหนังจะทำฉันใด
เจ้าเจียงถังสมควรตาย เพราะอะไรต้องมาตายในเวลาที่ฮ่องเต้เก็บตัวบำเพ็ญตบะอยู่
เจ้าเจียงอู่ก็สมควรตาย เจ้านายตายแล้วทำตัวเป็นสุนัขบ้ากัดคนไม่เลือก แม้แต่เด็กสาวอย่างหลีซานก็ไม่ละเว้น วันหน้าเขาต้องหาโอกาสถลกหนังเจ้าสุนัขบ้าตัวนี้แน่
ได้ยินฉือชั่นกล่าวเช่นนี้หยางโฮ่วเฉิงตาเป็นประกาย โอบไหล่สหายรักพลางพูด “เอ๊ะ นี่กลับเป็นวิธีที่ดีอย่างหนึ่ง พวกเราไปด้วยกันเถอะ ให้เจ้าคนบัดซบพวกนั้นจับพวกเราไปให้หมดก็สิ้นเรื่อง”
หากเขากับสือซีโดนองครักษ์จินหลินจับไว้ด้วย ไทเฮากับองค์หญิงใหญ่ฉางหรงต้องคิดหาหนทางช่วยคนแน่นอน ถึงตอนนั้นจะช่วยคุณหนูหลีซานออกมาก็ทำได้อย่างสบายมือแล้ว
สือซีฉลาดจริงๆ ไฉนข้าคิดไม่ได้นะ!
จูเยี่ยนใช้สองมือคว้าตัวพวกเขาไว้คนละข้างด้วยสีหน้าไม่รู้จะหัวร่อหรือร่ำไห้ดี “พวกเจ้าอย่าวู่วามสิ รออีกประเดี๋ยวเถอะ”
“ยังจะรอไปถึงเมื่อไร” ฉือชั่นย้อนถาม
จูเยี่ยนทอดสายตามองไปที่ไกลๆ แล้วทำตาเป็นประกาย “พวกเจ้าดู…”
หยางโฮ่วเฉิงมองตามไปแล้วอดเบิกตากว้างไม่ได้ “ถิงเฉวียนกับคุณหนูหลีซานมาด้วยกันแล้ว”
ก่อนหน้านี้ไม่นานพวกเขาได้แต่ทำตาปริบๆ มองดูถิงเฉวียนติดตามองครักษ์จินหลินหลายคนมุ่งหน้าไปทางจวนสกุลเจียง ครั้นคิดจะสืบข่าวกลับโดนคนสารเลวพวกนั้นขัดขวางไว้ไม่ให้เข้าใกล้ มันช่างน่าโมโหจริงๆ
เซ่าหมิงยวนหยุดฝีเท้า “เจาเจา พวกสือซียังรออยู่ทางโน้น”
เฉียวเจามองไปทางเจียงสืออี
หลังจากหาตัวฆาตกรที่สังหารเจียงถังได้แล้ว เจียงหย่วนเฉาก็หลุดพ้นข้อสงสัย และในฐานะบุตรเขยของท่านผู้บัญชาการใหญ่ย่อมได้กุมอำนาจใหญ่ในกององครักษ์จินหลินเป็นธรรมดา เวลานี้เขาทั้งต้องจัดเตรียมพิธีศพของเจียงถัง ทั้งต้องสะสางปัญหายุ่งยากที่เจียงอู่ก่อทิ้งไว้ จึงมีงานรัดตัวจนปลีกเวลาไม่ได้
ส่วนเจียงสืออีซึ่งไม่สนใจเรื่องพวกนี้สักกระผีกเป็นฝ่ายขันอาสามาเป็นเพื่อนพวกนาง
“จะให้พาตัวพวกเขามาหรือว่าไล่กลับไป” เจียงสืออีถามอย่างจริงจัง
เฉียวเจากระตุกมุมปาก
เซ่าหมิงยวนจูงนางเดินปราดๆ ผละไปหาพวกฉือชั่น ทิ้งเจียงสืออีไว้ที่เดิม
เขามุ่นคิ้วอย่างฉงนใจ จากนั้นสีหน้าก็กลับมาเย็นชาดุจฉาบด้วยน้ำแข็งอีกคราทันที
“ถิงเฉวียน สถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไรแล้ว” ทันทีที่เห็นพวกเฉียวเจาเดินมา หยางโฮ่วเฉิงก็เอ่ยถามขึ้นอย่างทนรอไม่ไหว
ด้านฉือชั่นเห็นเฉียวเจาแล้วทำท่าเอื่อยเฉื่อยไม่สนใจดังเก่า เขาเอนพิงต้นไม้ไม่ปริปากพูด
เซ่าหมิงยวนมองเฉียวเจายิ้มๆ “เรื่องต่างๆ คลี่คลายหมดแล้ว เจาเจาช่วยข้าออกมา”
หยางโฮ่วเฉิงหุบปากไม่ลงอยู่นานครู่หนึ่ง “คุณหนูหลีซานช่วยเจ้าออกมาได้อย่างไร”
ฉือชั่นเบะปาก “เจ้าโง่ มองไม่ออกหรือว่าเขากำลังโอ้อวดอยู่”
มีคู่หมั้นฉลาดเก่งกาจผู้หนึ่งแล้ววิเศษนักหรือ ตอนข้าเก็บนางได้ก็ค้นพบข้อดีพวกนี้แล้ว!
พอคิดถึงเรื่องพวกนี้ฉือชั่นคับอกคับใจยิ่งนัก
เขาไม่ควรคิดต่อไปอีก ไม่เช่นนั้นเขาคงดูถูกแม้แต่ตนเองแล้ว!
“ถิงเฉวียน พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อ…” จูเยี่ยนเอ่ยปากขึ้นอย่างถูกจังหวะ
“พวกข้ามารับท่านพ่อตา”
หยางโฮ่วเฉิงมองไปทางเฉียวเจาทันใด เขาพูดพึมพำว่า “มิใช่อย่างที่ข้าคิดกระมัง”
เซ่าหมิงยวนหยักยิ้มกล่าวว่า “เป็นอย่างที่เจ้าคิดนั่นล่ะ เจาเจายังช่วยท่านพ่อตาออกมาด้วย”
เฉียวเจากระตุกแขนเสื้อเขา “เอาเถอะ อย่าพูดเรื่องพวกนี้เลย พี่หยาง พี่ฉือ พี่จู วันนี้ทำให้พวกท่านต้องลำบากยืนรออยู่ตรงนี้ตลอด ไว้ข้ารับท่านพ่อข้าออกมาแล้วไปกินอาหารด้วยกันที่เรือนข้าสักมื้อเถอะ”
“อย่างนั้นก็ดีน่ะสิ” หยางโฮ่วเฉิงยิ้มออกแล้ว
“เจ้าเข้าครัวเองหรือไม่” ฉือชั่นพลันถามขึ้น
เฉียวเจานิ่งไปเล็กน้อยแล้วตั้งท่าจะพยักหน้า ทว่าเซ่าหมิงยวนก็พลันพูดขึ้น “ท่านพ่อตาชมชอบอาหารที่ข้าทำ ถึงเวลาข้าเข้าครัวเอง”
เจียงสืออียืนเฉยๆ อยู่ด้านข้างมองดูพวกเขาพูดคุยยิ้มหัวกัน ในใจเขาหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
เพราะอะไรคนพวกนี้ถึงพูดมากถึงเพียงนี้นะ