หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 612
บทที่ 612
ในวังหลวงฮ่องเต้หมิงคังซึ่งเสด็จออกจากการจำศีลในที่สุด พอล่วงรู้ข่าวที่เจียงถังสิ้นชีพอย่างกะทันหันแล้วก็งงงันไปทันใด
ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาจำศีลครั้งเดียว บุตรเขยที่ถูกใจก็กลายเป็นของคนอื่น หนนี้พอเขาจำศีลอีกครั้ง พี่ชายบุญธรรมก็ตายอีกแล้ว
ฮ่องเต้หมิงคังไม่อาจยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้ในชั่วขณะ เขานั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรอย่างเหม่อลอยครู่ใหญ่
เว่ยอู๋เสียก้มหน้าค้อมกายยืนอยู่ข้างหลังเขา
การตายของเจียงถังเป็นผลดีใหญ่หลวงต่อกองตรวจสอบพิเศษหน่วยขวาของพวกเขา
กองตรวจสอบพิเศษหน่วยขวาโดนกององครักษ์จินหลินข่มรัศมีมานานหลายปี เจียงถังตายไปภูเขาลูกใหญ่เหนือศีรษะพวกเขาก็ถูกยกออกไปเสียที กระนั้นในใจจะยินดีปานใดก็จะแสดงออกมาต่อเบื้องพระพักตร์ไม่ได้ หาไม่แล้วก็คือการรนหาที่ตาย
“ไปเรียกราชครูจางมา”
ไม่นานนักบุรุษวัยกลางคนสวมชุดนักพรตหลวมโพรกผู้หนึ่งก็เดินเข้ามา
คนผู้นี้มีเรือนกายสูงผอม แลดูสง่างามมีลักษณะของผู้ทรงศีลหลายส่วน เขาคือราชครูคนใหม่นั่นเอง
“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ” ราชครูจางประสานมือคำนับ
ปกติฮ่องเต้หมิงคังล้วนคำนับตอบอย่างถ่อมตน แต่ขณะนี้เขามีสีหน้าขุ่นมัว เพ่งมองราชครูจางโดยไม่พูดไม่จา
ราชครูจางกลับควบคุมตนได้ดี เขาวางสีหน้าเรียบเฉยปล่อยให้ฮ่องเต้หมิงคังจ้องมองตามสบาย
ครู่ใหญ่ต่อมาฮ่องเต้หมิงคังถึงปริปากพูด “ท่านราชครู พี่ชายบุญธรรมของเราตายแล้ว”
“โปรดหักห้ามพระทัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงคังเอาพระหัตถ์วางบนเท้าแขนของบัลลังก์มังกร เอ่ยถามเสียงเย็น “ท่านราชครู เหตุใดทุกครั้งที่เราออกจากการจำศีลจะต้องมีเรื่องไม่สมหวังเกิดขึ้นเสมอ”
ราชครูจางแสดงท่าทีตั้งใจรับฟัง
“ก่อนหน้านี้ไม่นานเราออกจากการจำศีลแล้วมีเรื่องหนึ่งทำให้เราไม่สบอารมณ์เลย ท่านราชครูทำนายได้หรือไม่ว่าเป็นเรื่องใด”
“ฝ่าบาททรงโปรดพระราชทานอนุญาตให้กระหม่อมเสี่ยงทายดูพ่ะย่ะค่ะ”
“ได้” ฮ่องเต้หมิงคังพยักหน้า
ราชครูจางหยิบเหรียญทองแดงหลายเหรียญออกมาวางเรียงกันพลางทำปากขมุบขมิบท่องคาถา จากนั้นโยนเหรียญลงพื้นแล้วเพ่งสายตาดูการเรียงตัวของมันและนับนิ้วคำนวณครู่หนึ่ง ถึงเอ่ยกับฮ่องเต้หมิงคัง “เรื่องกลัดกลุ้มพระทัยของฝ่าบาทน่าจะเกี่ยวข้องกับการแต่งงานพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงคังฟังด้วยสีหน้าปราศจากความรู้สึก หากแต่จิตใจเริ่มโอนเอน
เขาตั้งใจจะรับกวนจวินโหวเป็นราชบุตรเขย ย่อมเกี่ยวข้องกับการแต่งงาน
“ดูจากลักษณะการเรียงตัวนี้ บนหนึ่งล่างสอง ฉะนั้นเรื่องการแต่งงานนี้น่าจะตกอยู่แก่ตัวผู้เยาว์พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงคังได้ยินแล้วพยักหน้ากับตนเอง แววเย็นชาในดวงตาที่มองไปทางราชครูแต่เดิมแปรเปลี่ยนเป็นชมเชยอย่างเงียบๆ
ราชครูจางเห็นแล้วลอบยินดีในใจ
เขาตอบตกลงช่วยกวนจวินโหวชักจูงฮ่องเต้ให้จำศีลในตอนนั้นก็เพื่อตอบแทนบุญคุณของอีกฝ่าย
เขาเป็นชาวเหนือ หลายปีก่อนเคยตกอยู่ในมือชาวต๋าจื่อเกือบถูกพวกมันตัดศีรษะมาทำเป็นกาสุรา โชคดีที่มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งช่วยเขาเอาไว้
เด็กหนุ่มผู้นั้นก็คือกวนจวินโหว
หลังจากรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด คนไร้ญาติขาดมิตรเช่นเขาตัดสินใจไปจากแดนเหนือทันที ต่อมาชีวิตผกผันจนมาเข้าสู่สำนักเบญจธาตุ พรสวรรค์ในการเป็นนักต้มตุ๋นก็ค่อยๆ ฉายรัศมีออกมา แค่กๆ…ไม่ถูกสิ พรสวรรค์ในการเป็นนักพยากรณ์ต่างหาก!
น่าเสียดายที่หลังจากอาจารย์ละสังขารไป ศิษย์พี่ที่อยู่ในสำนักตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่พวกนั้นไม่ยอมรับเขา เขาใคร่ครวญอยู่นานถึงกัดฟันบากหน้ามาเมืองหลวง ชะรอยว่าคราวโชคดีมาเยือนถึงกับได้รับตำแหน่งเป็นราชครู
ติดหนี้บุญคุณย่อมต้องทดแทนสักวัน เมื่อกวนจวินโหวมาหาเขา เขาก็รู้ว่าปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้ ต่อให้เสี่ยงโดนตัดศีรษะก็ต้องล่อหลอกฮ่องเต้ให้ได้
คาดไม่ถึงว่าไปๆ มาๆ เรื่องที่ทำให้เขาหวาดหวั่นวิตกกลับกลายเป็นช่วยเกื้อหนุนเขา เห็นได้ว่าผู้รู้จักคุณคนย่อมประสบกับความโชคดี
ราชครูจางแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา “ฝ่าบาท แต่ปัญหานี้คลี่คลายไปแล้ว ตามหลักพระองค์สมควรสบายพระทัยจึงจะถูกพ่ะย่ะค่ะ”
“หมายความว่าอะไร”
ราชครูจางชี้เหรียญทองแดง “มาตรว่าลักษณะนี้จะทำนายว่าเป็นการแต่งงานของผู้เยาว์ แต่มีดาวเดี่ยวที่ขัดกันอยู่ หากฝืนส่งเสริมเกรงจะเป็นภัยมหันต์พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงคังฟังแล้วอึ้งไป “กล่าวเช่นนี้ไม่สำเร็จคือเรื่องดีหรือ”
ราชครูจางยิ้มแล้ว “ฝ่าบาทตรัสได้ถูกต้อง ไม่สำเร็จคือเรื่องดีจริงๆ นี่ก็เพราะฝ่าบาททรงเป็นร่างมังกรอย่างแท้จริง ย่อมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง…”
คำสรรเสริญสดุดียาวเหยียดเป็นพรวนต่อท้ายทำให้ฮ่องเต้หมิงคังทรงเกษมสำราญใจมิน้อย แต่พอคิดถึงการตายของเจียงถังก็พาให้หนักอึ้งขึ้นมาอีก เขากล่าวทอดถอนใจ “พี่ชายบุญธรรมของเราตายอย่างกะทันหันเกินไป…”
ราชครูจางแอบทำปากเบ้
รู้สึกว่ากะทันหันเกินไป ท่านก็ไปสืบสิ ตามนักพรตผู้หนึ่งอย่างข้ามาพบจะมีประโยชน์อันใด
ความคิดเช่นนี้ย่อมจะเปิดเผยออกมาไม่ได้ ราชครูจางพูดปลอบใจยกหนึ่ง ความเสียใจที่สูญเสียพี่ชายบุญธรรมในใจฮ่องเต้หมิงคังถึงบรรเทาลงเล็กน้อย เขาส่งเสียงเรียกเว่ยอู๋เสียมาถามความ “เว่ยอู๋เสีย ตอนนี้ผู้มีอำนาจสั่งการในกององครักษ์จินหลินคือใครรึ”
“กราบทูลฝ่าบาท ในกององครักษ์จินหลินขณะนี้ผู้มีอำนาจสั่งการคือเจียงสือซานบุตรชายบุญธรรมของท่านผู้บัญชาการใหญ่พ่ะย่ะค่ะ”
“เจียงสือซาน? บุตรเขยของพี่ถังหรือ”
เว่ยอู๋เสียชั่งใจเล็กน้อยก่อนพยักหน้า “ใช่พ่ะย่ะค่ะ”
“เรียกเขาเข้าวัง เรามีเรื่องอยากถาม”
เจียงหย่วนเฉาเมื่อได้รับพระบัญชาก็ติดตามเว่ยอู๋เสียมาเข้าเฝ้าที่วังหลวง กษัตริย์กับขุนนางสนทนากันตามลำพังอยู่นาน หลังชายหนุ่มออกมาก็มีพระราชโองการตามมา แต่งตั้งเขาเป็นผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินคนใหม่
เจียงหย่วนเฉาได้เลื่อนขั้นพรวดเดียวเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ขั้นสองคนสนิทของโอรสสวรรค์ จึงกลายเป็นที่จับตามองของคนทั่วทั้งราชสำนักมากที่สุดไปในทันใด
เฉียวเจาได้ยินเรื่องนี้แล้วเพียงทำหน้ายิ้มๆ
สำหรับเจียงหย่วนเฉา นี่ถือได้ว่าสมดังใจปรารถนาแล้วกระมัง
กระนั้นสำหรับนางแล้วเรื่องนี้หาได้มีความสลักสำคัญอันใด แต่การตายของเจียงถังกลับส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่ออีกเรื่องหนึ่ง
ปีนี้เป็นปีที่ต้องจัดการสอบระดับฮุ่ยซื่อที่จะมีขึ้นทุกสามปี เดิมทีการสอบในฤดูใบไม้ผลินี้สมควรจัดขึ้นในเดือนสอง แต่เพราะการตายของเจียงถังทำให้ฮ่องเต้หมิงคังโศกเศร้าเสียใจสุดประมาณ มีพระบัญชาให้เลื่อนการสอบไปเป็นเดือนห้า
เมื่อการสอบถูกเลื่อนออกไป อาจส่งผลให้หลายเรือนยินดีหลายเรือนกลัดกลุ้ม แต่สำหรับเฉียวเจาแล้วกลับเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง
บาดแผลไฟไหม้บนใบหน้าของพี่ชายต้องใช้เวลารักษาและฟื้นฟูระยะหนึ่ง ทีแรกนางยังเป็นห่วงว่าจะไม่ทันการสอบฤดูใบไม้ผลิรอบนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้กลับโล่งอกได้แล้ว
เฉียวเจาปลดเปลื้องความในใจไปได้เรื่องหนึ่งก็อารมณ์ปลอดโปร่งขึ้นมาก นางใคร่ครวญอยู่ว่าจะหาจังหวะเหมาะๆ บอกกล่าวความเป็นมาของปิงเหนียงให้ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งล่วงรู้ ใครจะรู้ว่าทางปิงเหนียงจะเกิดปัญหาขึ้นอีก
ปิงเหนียงตั้งครรภ์แล้ว
หลังจากรู้เรื่องนี้ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งบันดาลโทสะ มองดูสาวใช้สองคนที่คุกเข่าตัวสั่นเทาอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“พวกเจ้าเฝ้าดูปิงอี๋เหนียงดื่มน้ำแกงป้องกันตั้งครรภ์เองกับตาหรือไม่”
สาวใช้สองคนต่างไม่กล้าเงยหน้าขึ้น หนึ่งในนั้นกล่าวตอบอย่างละล่ำละลัก “ฮูหยินผู้เฒ่า หลังนายท่านรองร่วมหอกับปิงอี๋เหนียง พวกข้ามองดูนางดื่มน้ำแกงป้องกันตั้งครรภ์เองกับตา ส่วนว่าปิงอี๋เหนียงมีครรภ์ได้เพราะอะไรข้าไม่ทราบแล้วจริงๆ เจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งหลับตาลง
ขอเพียงเป็นตระกูลที่ยึดถือธรรมเนียมประเพณี ก่อนภรรยาเอกจะให้กำเนิดบุตรชาย จะต้องให้อนุและสาวใช้ห้องข้างดื่มน้ำแกงป้องกันตั้งครรภ์ เพื่อเลี่ยงมิให้บุตรชายของอนุเป็นพี่ชาย บุตรชายของภรรยาเอกเป็นน้องชาย ซึ่งเป็นการผิดขนบแบบแผนอันดีงาม
น้ำแกงป้องกันตั้งครรภ์จำพวกนี้มีฤทธิ์อ่อนๆ มิใช่ตัวยาฤทธิ์แรง เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ยังหวังให้อนุเหล่านี้ช่วยแผ่กิ่งก้านสาขาให้วงศ์ตระกูลในวันหน้า
จะว่าไปแล้วการที่น้ำแกงป้องกันตั้งครรภ์ใช้ไม่ได้ผลใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้น แต่พบได้น้อยครั้งแทบนับนิ้วได้ หากประมุขเรือนโปรดปรานอนุบางคนเป็นพิเศษและร่วมหอกันบ่อยครั้ง เป็นธรรมดาที่ย่อมมีโอกาสสูงขึ้น
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งลืมตาพรึ่บมองค้อนหลีกวงซูจนหน้าคว่ำ
เจ้าคนบัดซบผู้นี้!
หลีกวงซูยกมุมปากขึ้นโดยไม่ส่อพิรุธก่อนจะโค้งกายต่ำคำนับมารดา “ท่านแม่ ถือเสียว่าเห็นแก่เด็กในครรภ์ปิงเหนียง ให้นางอยู่ที่นี่เถอะขอรับ ข้ารับรองว่าหลังจากนี้ถ้าไม่จำเป็นจะไม่ให้นางย่างเท้าออกนอกเรือนจินหรงแม้แต่ครึ่งก้าวให้ท่านต้องขัดนัยน์ตาเป็นอันขาด”
“ช่างดีนักนะเจ้า!”
หลีกวงซูหลุบตาลง “ท่านแม่ ท่านก็ถามสาวใช้ทั้งสองคนแล้ว ปิงเหนียงดื่มน้ำแกงป้องกันตั้งครรภ์โดยไม่ตกหล่นสักครั้ง ใครจะรู้ว่ายังตั้งครรภ์ได้อีก นี่แสดงว่าเด็กผู้นี้มีบุญมาก พึงควรได้ลืมตาดูโลกขอรับ”
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วถึงฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งจะมีไฟโทสะสุมอกก็พูดอะไรอีกไม่ได้ ได้แต่กำชับกำชาเขาเสียงดุดันว่าวันหน้าให้เอาใจใส่หลิวซื่อมากๆ
หลีกวงซูรีบรับคำซ้ำๆ