หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 614
บทที่ 614
จวนตะวันตกของสกุลหลีมีอาณาบริเวณเล็ก เรือนหยาเหอของครอบครัวนายท่านใหญ่กับเรือนจินหรงของครอบครัวนายท่านรองแทบจะอยู่ชิดติดกัน
เดิมทีพอผ่านพ้นเดือนหนึ่งไปหลีกวงซูควรได้รับการจัดสรรตำแหน่งแล้ว แต่เกิดเรื่องเจียงถังเสียชีวิตขึ้น เหล่าขุนนางกรมปกครองต่างไม่กล้าไปปรากฏตัวหน้าเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ เรื่องนี้เลยถูกยับยั้งไว้
หลีกวงซูย่อมร้อนใจเป็นธรรมดา วันทั้งวันออกไปข้างนอกวิ่งเต้นหาลู่ทาง ฟ้าไม่มืดไม่กลับเข้าเรือน
นี่ช่วยเปิดทางให้หลิวซื่อทำอะไรได้สะดวกพอดี
ห้องอุ่นในเรือนกลางของเรือนจินหรงเพิ่งดับไฟในเตาดิน เพราะไม่ได้เปิดหน้าต่างจึงอุ่นร้อนจนอบอ้าว อีกทั้งภายในห้องมิดชิดอับลมมีเพียงแสงสว่างสลัวๆ
ป้าหวังเดินก้มหน้าเข้ามา กลิ่นยาฟุ้งตลบในห้องทำให้นางชะลอฝีเท้าโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว สีหน้าฉายแววลังเลใจขึ้นทีละน้อย
นางคุ้นเคยกับกลิ่นยานี้ดีเหลือเกิน มันเหมือนกับกลิ่นที่ลอยอวลอยู่ในเรือนนางชั่วนาตาปี
“แค่กๆ…” เสียงไอดังลอยมา
ป้าหวังเหลือบตาขึ้นตามสัญชาตญาณ เห็นนายหญิงรองหลิวซื่อที่ใบหน้าเหลืองซีดนอนตะแคงอยู่บนเตียงเตา* บนศีรษะรัดที่คาดหน้าผาก เรือนผมแผ่สยายรุ่ยร่าย
ป้าหวังตกใจยกหนึ่ง ที่ผ่านมาภาพของนายหญิงรองผู้นี้ในสายตาของพวกนางเป็นคนหลักแหลมเก่งกาจ มีความสามารถมากกว่านายหญิงใหญ่ของเรือนหยาเหอท่านนั้นตั้งมาก ไฉนพริบตาเดียวก็กลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว
“คารวะนายหญิงรองเจ้าค่ะ” ป้าหวังสะกดความกระวนกระวายใจตรงกลางอกไว้แล้วแสดงคำนับ
“นั่งสิ” หลิวซื่อพูดอย่างอ่อนระโหยโรยแรง
ป้าหวังเหลือบมองม้านั่งตัวเล็กด้วยสีหน้าลุกลน
“ไม่ต้องตื่นเต้น ข้าเรียกป้าหวังมาก็แค่จะถามอะไรเรื่อยเปื่อย แค่กๆๆ…”
พอหลิวซื่อส่งเสียงไอ ป้าหวังก็รู้สึกคล้ายหัวใจถูกบีบรัด มันทำให้นางอดนึกไปถึงเสียงตอนนอนหลับของคนร่วมเตียงในยามค่ำคืนนับไม่ถ้วนอย่างห้ามใจไม่อยู่
“ป้าหวัง ช่วงที่เจ้าปรนนิบัติรับใช้ปิงอี๋เหนียง จะบอกข้าได้หรือไม่ว่าปกติอี๋เหนียงผู้นี้ชมชอบทำอะไรบ้าง”
“ปกติปิงอี๋เหนียงชอบอ่านหนังสือ แล้วก็ดีดพิณเป็นบางครั้งเจ้าค่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง อ่านหนังสือดีดพิณ มิน่านายท่านถึงอยากไปหานาง ไม่เหมือนกับข้าที่ง่วนอยู่กับงานนอกเรือนในเรือนทั้งวัน ต้องดูแลการกินอยู่หลับนอนของนายท่าน ทั้งยังต้องห่วงพะวงเรื่องของลูกๆ…” หลิวซื่อพูดต่อไม่ไหว หยิบผ้าเช็ดหน้ามาปิดปากแล้วไออย่างรุนแรง
“นายหญิงรอง…” ป้าหวังเอามือขยุ้มชายเสื้ออย่างทำอะไรไม่ถูก
พอหลิวซื่อเอาผ้าออก ป้าหวังตาไวมองเห็นคราบสีแดงเข้มปื้นหนึ่ง
นางคุ้นเคยเป็นอย่างดีว่านี่มีนัยถึงอะไร บันดาลให้นางหน้าเสียทันควัน
เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังลอยมา ป้าหวังหันหน้าไปโดยไม่ทันคิด เห็นเด็กสาวมุ่นผมเป็นมวยแกละคู่ยกชามยาก้าวเข้ามา
ใต้แสงไฟสลัวรางเด็กสาวหลุบตาก้มหน้าลงจนเห็นสีหน้าไม่ถนัดตา อาจเพราะเป็นเช่นนี้ส่งผลให้ป้าหวังพยายามเบิ่งตามองซ้ำๆ
เหตุใดนางนึกไม่ออกในชั่วขณะว่านี่เป็นคุณหนูท่านใด ดูคล้ายคุณหนูสี่ แต่ก็คล้ายคุณหนูสามเหมือนกัน
เด็กสาวเดินผ่านข้างกายป้าหวังไป กลิ่นยาฉุนแรงลอยมุดเข้าโพรงจมูกของป้าหวังไม่หยุด
หญิงวัยกลางคนได้กลิ่นนี้ก็รู้สึกคุ้นเคยยิ่งขึ้น
สุ้มเสียงนุ่มเบาของเด็กสาวดังขึ้น “ท่านดื่มยาเถอะเจ้าค่ะ ในนี้ใส่โสมไว้ ดีต่ออาการป่วยในตอนนี้ของท่านเป็นที่สุด…”
ป้าหวังได้ยินแล้วนิ่งงันไป คล้ายว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะไปวูบหนึ่ง
ในเพลานี้เองเด็กสาวหันขวับมามองนาง นัยน์ตาสีดำสนิทดุจบึงน้ำลึกลับเปล่งประกายระยิบระยับราวกับจะดึงดูดวิญญาณของคนเข้าไปได้
“คนที่นอนป่วยอยู่บนเตียงมานานจะร่างกายอ่อนแอ เปรียบได้ดั่งตะเกียงน้ำมันดวงหนึ่งที่น้ำมันแห้งเหือดไปทีละน้อยทีละนิด เปลวไฟก็หรี่แสงลงช้าๆ และดับวูบไปในที่สุดวันใดวันหนึ่ง…”
ป้าหวังเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีตะเกียงน้ำมันดวงหนึ่งอยู่ห่างจากนางไปไม่ไกล และเพราะตะเกียงดวงนี้นี่เอง ในห้องที่มืดมิดถึงมีแสงสลัวๆ
นางเพ่งสายตามอง เห็นเปลวไฟของตะเกียงน้ำมันเปล่งแสงวับๆ แวมๆ
แววตาของป้าหวังเริ่มเลื่อนลอยทีละน้อย
หลิวซื่อซึ่งมองอยู่ด้านข้างอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง แต่ไม่กล้าทำเสียงดังสักนิดจนรบกวนป้าหวังกับเฉียวเจา
เฉียวเจาพลันชายตามองนางปราดหนึ่ง
หลิวซื่อจดจำคำกำชับกำชาของเด็กสาวได้ขึ้นใจ นางปิดปากเริ่มส่งเสียงไอ
นางไอเบามากเหมือนพยายามกลั้นไว้เต็มที่ แต่มิได้ทำให้ป้าหวังสะดุ้งได้สติ กลับมีสีหน้าเหม่อลอยมากขึ้น
“น้ำมันตะเกียงใกล้แห้งหมดก็ต้องเติมน้ำมันใหม่ คนป่วยกระเสาะกระแสะก็เช่นเดียวกัน ถ้าในตอนนี้ได้กินโสมสักระยะหนึ่งก็จะฟื้นฟูกำลังวังชาได้ไม่น้อย ป้าหวัง เจ้าว่าถูกต้องหรือไม่”
ป้าหวังพยักหน้า เสียงพูดของนางราบเรียบไร้อารมณ์ “ถูกต้อง”
“แล้วโสมนั่นจะมาจากที่ใดเล่า” เสียงถามของเด็กสาวนุ่มเบาขึ้น ทว่าแฝงรอยกลัดกลุ้มกังวลอย่างชัดเจน
“นั่นสิ มาจากที่ใดเล่า” ป้าหวังกล่าวทวนคำ
“คงได้แต่เอาเงินไปซื้อ”
ป้าหวังพยักหน้า “ใช่ ต้องเอาเงินไปซื้อ”
“แต่เจ้าเป็นเพียงบ่าวไพร่ผู้หนึ่ง ในเรือนมีสามีที่ต้องกินยามานานแล้วจะมีเงินเหลือไปซื้อโสมที่ใดกันเล่า”
“ไม่มีเงินเหลือๆ…” ใบหน้าของป้าหวังปรากฏแววร้อนรุ่มใจ
“เช่นนั้นเจ้าบอกข้าทีว่าใครให้เงินเจ้าซื้อโสม” เด็กสาวถามด้วยน้ำเสียงตามสบาย
“เป็น…” ป้าหวังทำสีหน้ายุ่งยากใจวูบหนึ่ง
หลิวซื่อไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ ใช้สองมือขยำชายเสื้อไว้สุดแรง
“เป็นใครหรือ” เด็กสาวมิได้ร้อนใจ ยังคงถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“เป็นนายท่านรอง!” ป้าหวังโพล่งออกมา
เสียงเคร้งดังขึ้น หลิวซื่อปัดชามยาล้มคว่ำ
ยาต้มสาดกระเซ็นทั่วพื้นพาให้กลิ่นยาหอมฉุนฟุ้งกระจาย ด้านป้าหวังได้สติในพริบตา ดวงตาที่เลื่อนลอยว่างเปล่ากลับมามีประกายรับรู้สิ่งรอบข้างอีกครา
เฉียวเจาลอบถอนใจเฮือกหนึ่ง ถึงแม้นางจะกำชับท่านอาสะใภ้รองไว้แล้วว่าอย่าทำเสียงดังรบกวน แต่ก็ยังเกิดเรื่องไม่คาดคิดที่ควบคุมไม่ได้อยู่ดี
สำหรับท่านอาสะใภ้รองแล้วต่อให้มีข้อแคลงใจนับร้อยในเรื่องที่ปิงเหนียงตั้งครรภ์ หากแต่ในใจลึกๆ จะไม่ตั้งความหวังไว้รำไรเลยหรือ ครั้นได้ยินกับหูว่าท่านอารองมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เป็นไปได้อย่างไรที่จะวางเฉยอยู่ได้
“คุณหนูสาม…” หลิวซื่อทำสีหน้าเคืองแค้น
เฉียวเจาพยักหน้าให้นางเป็นเชิงปลุกปลอบแล้วหันไปมองป้าหวัง เอ่ยเสียงเย็นๆ ว่า “ป้าหวัง เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่านายท่านรองเป็นคนให้เงินซื้อโสม เหตุใดเขาต้องให้เงินก้อนนี้แก่เจ้า”
“ข้า…ข้าพูดหรือเจ้าคะ” สีหน้าของป้าหวังฉายรอยตกใจแกมกังขา
เฉียวเจาเชิดคางขึ้นเล็กน้อยก่อนถามด้วยน้ำเสียงปึ่งชา “นายท่านรองมอบเงินให้เจ้าซื้อโสม เพื่อให้เจ้าลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่งกับเรื่องที่ปิงอี๋เหนียงไม่ดื่มน้ำแกงป้องกันตั้งครรภ์ใช่หรือไม่”
ป้าหวังถอยหลังก้าวหนึ่ง นางปฏิเสธอย่างแตกตื่น “เปล่าเจ้าค่ะๆ…”
“เมื่อครู่เจ้ายอมรับแล้ว นายหญิงรองได้ยินกับหู!” เฉียวเจาชี้ไปทางหลิวซื่อ “เจ้าดูให้ดีๆ บัดนี้นายหญิงรองอยู่ในสภาพใด เจ้าคิดแต่จะใช้โสมบำรุงฟื้นฟูสุขภาพของสามีเจ้า แล้วมิได้คิดเลยใช่หรือไม่ว่ากระทำเรื่องทรยศเจ้านายพรรค์อย่างนี้เป็นการให้ร้ายผู้อื่น”
“ข้า…” ป้าหวังมองหลิวซื่อแวบหนึ่งด้วยสายตาหลุกหลิก
เฉียวเจากล่าวต่อโดยไม่เปิดโอกาสให้นางพักหายใจ “ทำความดีสร้างกุศลถึงจะได้ผลบุญตอบแทน เจ้าทำเช่นนี้ผลกรรมจะตกอยู่กับตัวคนที่เจ้าห่วงใย…”
“ข้าบอกแล้วๆ” ป้าหวังตัดบทเฉียวเจาด้วยสีหน้าพรั่นพรึง นางทรุดฮวบลงนั่งกับพื้นพลางปิดหน้าร่ำไห้ฟูมฟาย “นายท่านรองเป็นคนมอบเงินให้จริงๆ เพื่อให้พวกข้าปิดบังเรื่องที่ปิงอี๋เหนียงไม่ได้ดื่มน้ำแกงป้องกันตั้งครรภ์…นายหญิงรอง ท่านจะลงโทษข้าอย่างไรก็ได้ แต่อย่าขับไล่ไสส่งข้าเลย ทุกเดือนข้ายังรอเงินค่าจ้างไปซื้อยาให้สามี…”
หลิวซื่อได้ยินป้าหวังยอมรับก็ระบายลมหายใจดังเฮือก นางบอกให้สาวใช้ออกไปแล้วถึงลูบอกพลางพูดอย่างหวาดผวาไม่หาย “เกือบตกม้าตายเสียแล้ว ทำเอาข้าใจหายใจคว่ำหมดเลย”
พอเห็นเฉียวเจามีสีหน้าสงบนิ่ง หลิวซื่อคว้ามือนางไว้หมับ “คุณหนูสาม นี่…นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”
* เตียงเตา (คั่ง) หมายถึงเตียงที่ก่อด้วยอิฐของชาวจีนทางตอนเหนือ ด้านล่างมีช่องสำหรับจุดไฟให้เตียงอุ่นและมีปล่องระบายควันออกไปนอกตัวบ้าน มักตั้งอยู่ข้างห้องครัวและอาศัยไฟจากการหุงหาอาหารช่วยให้เตียงอุ่นไปในตัว เวลานอนจะปูฟูกไว้ด้านบน เวลากลางวันสามารถเก็บฟูกขึ้นและใช้แทนโต๊ะได้