หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 615
บทที่ 615
“ในยาใส่กำยานลวงจิตตำรับลับของท่านปู่หลี่ไว้เล็กน้อยเจ้าค่ะ” เฉียวเจาพูดปัดไปที่ตัวหมอเทวดาหลี่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
วิชาสะกดจิตแปลกพิสดารเกินไป ท่านปู่หลี่เคยกำชับนางไว้ว่ายามใช้งานต้องรอบคอบระมัดระวัง ฉะนั้นคนรู้ยิ่งน้อยก็ยิ่งดี
หลิวซื่อฟังแล้วไม่สงสัยอีก
หมอเทวดาหลี่เป็นคนระดับใดกัน เขานั้นแทบไม่ต่างอันใดกับเทพเซียนเดินดินเชียวนะ จะมีกำยานลวงจิตตำรับลับนั้นเป็นเรื่องปกติเหลือเกิน คุณหนูสามเป็นคนมีวาสนาและความสามารถถึงได้รับความเอ็นดูจากหมอเทวดาหลี่เพียงผู้เดียว
“แต่ว่าตอนหลังนางได้สติแล้วชัดๆ ไฉนยังยอมรับเล่า” หลิวซื่อถามข้อกังขาในใจออกมา
ตอนนั้นนางเผลอตัวปัดชามยาล้มคว่ำ เห็นสีหน้าป้าหวังเปลี่ยนไปยังนึกว่าคงถามไม่ได้ความใดแล้ว
เฉียวเจาคลี่ยิ้ม “ป้าหวังเป็นคนซื่อเจ้าค่ะ”
หลังได้ยินเรื่องที่หลิวซื่อสืบถามมาได้ นางก็ตกลงใจลงมือกับป้าหวัง
บุตรชายคนเล็กของป้าจางติดการพนัน พวกผีพนันหลอกลวงคนเก่งเป็นที่หนึ่ง ดูทีว่าจิตใจของป้าจางคงถูกเคี่ยวกรำจนแข็งแกร่งสุดจะเปรียบไปแล้ว หมายจะล้วงถามจากนางหาใช่ง่ายดายไม่ ทว่าป้าหวังไม่เหมือนกัน
ในเรือนมีคนป่วยที่ต้องกินยามาเป็นเวลานาน จิตใจของป้าหวังจึงตึงเครียดและเปราะบาง เหมาะแก่การใช้วิชาสะกดจิต
หากที่สำคัญกว่าคือป้าหวังสามารถดูแลบุรุษที่นอนป่วยมาหลายปีโดยไม่ท้อถอย เท่านี้ก็บอกได้แล้วว่าเป็นคนมากน้ำใจ เมื่อครู่หลิวซื่อปัดชามยาล้มขัดจังหวะระหว่างการสะกดจิต ถ้าเปลี่ยนเป็นป้าจางต้องถามไม่ได้เรื่องแล้วเป็นแน่
“คนซื่อยังกระทำเรื่องทรยศเจ้านายออกมาได้!” หลิวซื่อกัดริมฝีปาก แต่พอปะทะเข้ากับสายตาแฝงแววยิ้มๆ ของเฉียวเจา นางก็กล่าวถ้อยคำหลังที่แฝงอารมณ์กรุ่นโกรธไว้ไม่ออก
อืม คุณหนูสามพูดเช่นนี้จะต้องมีเหตุผล ส่วนเป็นเหตุผลอะไรนั้นนางไม่อาจคิดออกได้ในชั่วครู่ชั่วยาม คงเป็นเพราะล้ำลึกเกินไปแน่นอน นางอย่าพูดต่อไปจนเปิดเผยความเบาปัญญาของตนออกมาจะดีกว่า
หลิวซื่อสงบจิตใจให้เป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นตะโกนเรียกคนเข้ามาเก็บกวาดพื้นที่สกปรกเลอะเทอะ
เฉียวเจาเอ่ยปากห้าม “ท่านอาสะใภ้รอง อย่าเพิ่งรีบเก็บกวาด ตอนนี้เรียกป้าจางมาได้แล้วเจ้าค่ะ”
“จะเรียกป้าจางมาเดี๋ยวนี้เลยหรือ”
“อื้อ รูดม่านหน้าต่างเปิดออกแล้วเปิดหน้าต่างด้วยเจ้าค่ะ”
หลิวซื่อไม่เข้าใจแต่ก็ทำตามคำบอกของนาง
ไม่นานนักสตรีวัยกลางคนมุ่นมวยทรงกลมผู้หนึ่งก็สาวเท้าเข้ามา
ใบหน้านางเรียวตอบ โหนกแก้มสูงเด่นเล็กน้อย ดูท่าทางแฝงเค้าความฉลาดหัวไวอยู่สักหน่อย นางเดินเข้ามาก็กลอกตาไปมา พอเห็นเศษกระเบื้องกับยาต้มบนพื้นแล้วก็อึ้งไปอึดใจหนึ่ง
“คุกเข่าลง” เฉียวเจาพลันเปล่งเสียงพูด
ป้าจางตกอกตกใจ เหลือบตามองเห็นชัดว่าผู้กล่าววาจาคือเฉียวเจา นางทำท่าลังเลใจอย่างช่วยไม่ได้
เฉียวเจากระแทกถ้วยน้ำชาในมือลงบนโต๊ะจนบังเกิดเสียงดังก้อง นางวางหน้าขรึมน้อยๆ “ป้าจางไม่ได้ยินที่ข้าพูดใช่หรือไม่”
ป้าจางมองเฉียวเจาอย่างตกใจแกมงุนงง เหตุใดคุณหนูสามอยู่ในเรือนของนายหญิงรองได้ เด็กสาวผู้หนึ่งใช้สีหน้าดุดันและน้ำเสียงห้วนๆ กับบ่าวไพร่เช่นนี้ชวนให้ประหลาดใจดีแท้
ดวงตาของเฉียวเจาทอประกายเข้มขึ้น นางถามขึ้นเอื่อยๆ “ท่านอาสะใภ้รอง ข้าจำได้ว่าสัญญาขายตัวเป็นทาสของป้าจางอยู่กับท่านกระมัง”
“อยู่กับข้า” หลิวซื่อกล่าวตอบ
เมื่อตอนฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งส่งป้าจางกับป้าหวังไปเฝ้าดูปิงเหนียง เพื่อให้สองคนนี้ยอมศิโรราบต่อหลิวซื่อ จึงมอบสัญญาขายตัวเป็นทาสของพวกนางให้หลิวซื่อไว้เสียเลย
เฉียวเจาเม้มปากยิ้ม “ท่านอาสะใภ้รองเอาสัญญาขายตัวเป็นทาสของป้าจางให้ข้าเถอะ วันหน้าข้าไปอยู่ที่จวนโหวแล้วจะพาครอบครัวป้าจางไปด้วยกันเจ้าค่ะ”
ป้าจางได้ยินแล้วคุกเข่าลงดังตุบ นางไม่โง่เขลา ย่อมไม่มีทางคิดว่าคุณหนูสามพาครอบครัวของนางไปเสวยสุขที่จวนโหว นี่เห็นได้ชัดเจนว่าจะคิดบัญชีภายหลัง
นางเลอะเลือนไปแล้วจริงๆ ไฉนลืมไปได้ว่าคุณหนูสามมิใช่สตรีในห้องหอสามัญทั่วไป แต่เป็นถึงว่าที่ฮูหยินท่านโหว!
“ข้าสมควรตายๆ คุณหนูสามเป็นผู้สูงศักดิ์ใจคอกว้างขวาง อย่าถือสาหาความคนแก่เลอะเลือนอย่างข้าเลยเจ้าค่ะ” ป้าจางพูดไปตบปากตนเองไป
เฉียวเจายิ้มพรายมองดูโดยไม่เอื้อนเอ่ยวาจา
เดิมทีป้าจางตบปากตนเองเป็นการหยั่งเชิง นางคิดคำนึงว่าพวกสตรีวัยเยาว์ล้วนหน้าบาง คงรับมือเหตุการณ์อย่างนี้ไม่ไหว
ใครจะรู้ว่านางตบแบบไม่เจ็บไม่คันไปหลายที เด็กสาวที่นั่งตัวตรงติดกับหลิวซื่อกลับไม่เดือดเนื้อร้อนใจ มิหนำซ้ำในดวงตายังแฝงแววเยาะหยันไว้หลายส่วน
ในใจป้าจางเริ่มแตกตื่น นางเพิ่งตระหนักชัดในเวลานี้ว่าแม้นคุณหนูสามที่อยู่ตรงหน้าจะยังอายุน้อย แต่มิใช่ผู้ที่จะหลอกลวงตบตาได้ง่ายดายปานนั้น นางจึงออกแรงมากขึ้น
ป้าจางตบปากแรงๆ อย่างนี้ไปอีกสองที ใบหน้าซีกหนึ่งก็บวมเจ่อทันใด
“หยุดได้แล้ว” เฉียวเจาเอ่ยเสียงเย็นๆ
ป้าจางหยุดมือ สีหน้าท่าทางของนางยามมองเฉียวเจาไม่ได้เอื่อยเฉื่อยดังเก่าแล้ว
“จงบอกมาเสีย ตกลงว่าปิงอี๋เหนียงดื่มน้ำแกงป้องกันตั้งครรภ์หรือไม่”
พอเห็นป้าจางเผยอปากขึ้น เฉียวเจาเอ่ยต่อท้ายพร้อมรอยยิ้มจางๆ “ข้าให้โอกาสเจ้าพูดเพียงครั้งเดียว ถ้าโกหกเช่นนั้นครอบครัวของเจ้าก็ต้องตามข้าไปที่จวนโหว อ้อ…รวมถึงบุตรชายคนเล็กที่ติดการพนันผู้นั้นของเจ้าด้วย”
ป้าจางหน้าถอดสีทันควัน นางก้มหน้าลงมองเศษกระเบื้องบนพื้นอย่างอกสั่นขวัญแขวน
เหตุใดคุณหนูสามกล่าวเช่นนี้ นางจะต้องรู้อะไรแล้วเป็นแน่!
ถ้าอย่างนั้นจะบอกตามสัตย์จริงหรือปิดบังให้ถึงที่สุดดี
ป้าจางกลืนคำตอบที่จะพูดออกมาโดยไม่หยุดคิดใคร่ครวญในทีแรกกลับลงคอกะทันหัน ภายในจิตใจนางกำลังต่อสู้กันอย่างหนักจนเหงื่อเม็ดโป้งไหลหยาดลงมาจากหน้าผากหยดลงบนยาต้มที่ไหลนองอยู่บนพื้น
กลิ่นยาฉุนแรงลอยมาแตะจมูกไม่ขาดสาย ส่งผลให้ป้าจางใจดิ่งวูบลง
ป้าหวังต้องบอกบางอย่างกับคุณหนูสาม! นางคนไม่เอาไหนนั่นคงสารภาพแล้วแน่ๆ ไม่เช่นนั้นคุณหนูสามไม่มีทางมั่นใจถึงเพียงนี้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ป้าจางก็เหงื่อกาฬแตกพลั่กๆ ทันใด
ป้าหวังสารภาพแล้วแต่คุณหนูสามกลับไม่พูด เห็นได้ชัดว่ากำลังลองใจนางอยู่ ขืนนางกล้าโกหก คุณหนูสามต้องเล่นงานนางทั้งครอบครัวโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“ปิงอี๋เหนียง…ไม่ได้ดื่มน้ำแกงป้องกันตั้งครรภ์เจ้าค่ะ” ป้าจางแข็งใจพูดออกมา
นางกล่าวคำนี้แล้วพบว่าสีหน้าของเฉียวเจาและหลิวซื่อล้วนสงบนิ่งปราศจากวี่แววคาดไม่ถึงสักกระผีก นางทั้งหวาดผวาทั้งรู้สึกโชคดีอย่างช่วยไม่ได้ ต่อจากนั้นก็พรั่งพรูทุกอย่างออกมารวดเดียวจนจบ นางตบปากตนเองพลางวิงวอนขอความเมตตา “ข้าหมดหนทางจริงๆ เจ้าค่ะ หากชดใช้หนี้พนันของบุตรชายคนเล็กไม่ได้ เจ้าพวกนั้นก็จะตัดมือเขา…”
“เรื่องทั้งหมดนี้ป้าจางอย่าลืมบอกกับฮูหยินผู้เฒ่าอย่างหมดเปลือกเล่า” เฉียวเจาเอ่ยเรียบๆ
จากนั้นหลิวซื่อก็พาป้าจางกับป้าหวังไปที่เรือนชิงซงโดยไม่รีรอ
หลังฟังคำสารภาพของสาวใช้สองคน ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งโกรธจนมือไม้สั่น นางเอ่ยสั่งเสียงกร้าว “ไปตามนายท่านรองกลับมา”
หลีกวงซูกลับถึงเรือนอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก “ท่านแม่ ท่านตามข้ามามีเรื่องด่วนหรือขอรับ”
หญิงชราฉวยไม้เท้าที่วางไว้ใกล้ๆ มือขึ้นฟาดใส่ตัวเขา
“ท่านแม่! นี่ท่านทำอะไรขอรับ” หลีกวงซูเห็นในห้องยังมีพวกผู้เยาว์อยู่ด้วยก็รู้สึกขายหน้ายกใหญ่ เขาหลบไปถามไป
“เจ้าลูกสารเลวยังกล้าหลบอีกรึ” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกัดฟันกรอดๆ ด้วยความโมโห นางโยนไม้เท้าทิ้งไปแล้วชกท้องเขาทีหนึ่ง
หลีกวงซูโดนมารดาชกเต็มรักไปหมัดหนึ่งจนตาเห็นดาวระยิบระยับ เขากุมท้องไม่หลบหนีแล้ว “ท่านแม่ เลิกตีได้แล้ว ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่ขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งหยุดชะงัก นางสะบัดๆ มือแล้วกล่าวเสียงกระด้าง “สาวใช้สองคนสารภาพหมดแล้ว เจ้ามันเดรัจฉาน อยากให้ปิงอี๋เหนียงอยู่ที่นี่เสียจนไม่เหลือยางอายอีกแล้ว!”
หลีกวงซูได้ยินแล้วหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย
บุรุษยื่นมือก้าวก่ายเรื่องของเรือนหลังเดิมทีก็เป็นเรื่องไม่น่าฟัง มารดาเฒ่ากล่าวอย่างนี้แสดงว่ารู้หมดทุกอย่างแล้ว ขืนปากแข็งแก้ตัวต่อไปรังแต่จะอับอายมากยิ่งขึ้น หลีกวงซูจึงแหวกชายเสื้อไปด้านข้างแล้วคุกเข่าลงพร้อมกล่าว “ท่านแม่ ท่านฟังลูกอธิบายก่อนขอรับ”