หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 616
บทที่ 616
“ข้าไม่ฟัง!” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งแค่นเสียงเยาะ “เจ้ายังจะมีอะไรอธิบายได้ ถ้ามิใช่ลุ่มหลงอนุจนหัวปักหัวปัก พูดออกมา เจ้าไม่กลัวขายหน้าผู้คน แต่ข้ารู้สึกทุเรศทุรังนัก!”
หญิงชราพูดประโยคเดียว หลีกวงซูก็กล่าวคำแก้ตัวไม่ออกแล้ว
“หากปิงอี๋เหนียงสงบเสงี่ยมเจียมตัวจริงๆ แล้วตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจ จะให้นางอยู่ที่นี่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่นางจิ้งจอกที่มอมเมาเจ้าให้หน้ามืดตามัวพรรค์อย่างนี้เอาไว้ไม่ได้เด็ดขาด!”
หลีกวงซูฟังแล้วหน้าเปลี่ยนสีทันควัน “ท่านแม่ ปิงเหนียงเพิ่งตั้งครรภ์อ่อนๆ ทนเดินทางสมบุกสมบันไม่ไหวนะขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเดินถือไม้เท้ากลับไปนั่งลงตามเดิมแล้วกล่าวเยาะๆ “หลานชายข้ามีแล้ว หลานสาวข้าก็มี เลือดก้อนเดียวในท้องอนุผู้หนึ่งใช้ข่มขู่ข้าไม่ได้หรอก”
“ท่านแม่ ข้าไม่กล้าข่มขู่ท่าน แต่จะขอร้องท่านให้เห็นแก่ที่ข้ามีทายาทน้อยยอมให้ปิงเหนียงอยู่ที่นี่เถอะขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งแค่นเสียงเยาะไม่กล่าววาจา
“ท่านแม่ ถึงแม้ปิงเหนียงเป็นอนุผู้หนึ่ง แต่อย่างไรก็เป็นบุตรสาวของรองนายอำเภอ ทั้งนางยังให้กำเนิดบุตรชายแก่ข้าคนหนึ่ง ส่งนางกลับไปเช่นนี้จะไม่ทำให้คนอื่นติฉินนินทาข้าลับหลังหรือ”
“บุตรสาวของรองนายอำเภอ?” ตอนไม่เอ่ยเรื่องนี้หญิงชรายังรักษาความเยือกเย็นไว้ได้ แต่พอได้ยินบุตรชายคนรองพูดเช่นนี้ นางยกไม้เท้าขว้างออกไปทันที “เจ้านึกว่าข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้นใช่หรือไม่ พวกรองนายอำเภอหันไปชุบเลี้ยงม้าผอมหยางโจวตั้งแต่เมื่อไรกัน”
สายตาของหลีกวงซูนิ่งขึงไปเมื่อได้ยินคำว่า ‘ม้าผอมหยางโจว’ “ท่านแม่ ท่านพูดเรื่องอะไร ไฉนข้าฟังไม่เข้าใจ”
“อย่ามาทำไขสือกับข้า!” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งโยนสมุดบันทึกเล่มหนึ่งไปเบื้องหน้าเขา
หลีกวงซูเปิดมันออกดูแวบเดียว สีหน้าเขาก็แปรเปลี่ยนไปฉับพลัน
สมุดบันทึกเล่มนี้เป็นรายชื่อของขวัญซึ่งทิ้งไว้ที่หลิ่งหนาน ในนั้นจดบันทึกไว้อย่างชัดเจนว่ารองนายอำเภอคนหนึ่งของหลิ่งหนานมอบม้าผอมหยางโจวนางหนึ่งนามว่า ‘ปิงเหนียง’ ให้แก่เขา
ไฉนรายชื่อของขวัญเมื่อหลายปีก่อนถึงอยู่ในมือท่านแม่ได้
ในใจของหลีกวงซูปั่นป่วนพลุ่งพล่าน บนหน้าผากมีเหงื่อเย็นผุดซึมออกมา
“เจ้ารอง เจ้าปีกกล้าขาแข็งแล้วจริงๆ” น้ำเสียงของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเต็มไปด้วยความผิดหวัง
หัวใจของหลีกวงซูเจ็บแปลบละม้ายโดนเข็มตำ
เขาทำให้ท่านแม่ผิดหวังหรือ ทั้งๆ ที่เป็นท่านแม่ต่างหากที่ไม่ยอมปล่อยวาง!
เขาเติบใหญ่แล้ว มิใช่หนุ่มน้อยสวมอาภรณ์มีรอยปะชุนที่กระทำความผิดก็ถูกมารดาทำโทษให้คุกเข่าบนพื้นเย็นๆ ผู้นั้นอีกต่อไป ขอเพียงเขาได้ดิบได้ดีในเส้นทางการเป็นขุนนางสร้างเกียรติยศให้สกุลหลีได้ รับม้าผอมหยางโจวผู้หนึ่งเป็นอนุจะเป็นไรไปเล่า
ท่านแม่ชราภาพไปแล้วจริงๆ
“ชาวสกุลหลีเป็นสุจริตชนอยู่ในกรอบที่ดีงาม ไม่มีวันยอมให้ม้าผอมหยางโจวผู้หนึ่งเข้าตระกูลเด็ดขาด และข้าไม่ปรารถนาที่จะได้เห็นลูกหลานสายเลือดสกุลหลีคลานออกมาจากท้องของม้าผอมหยางโจว หรงมามา ยกยาขับเลือดชามหนึ่งไปให้ปิงอี๋เหนียง”
หลีกวงซูได้ยินแล้วร้อนรนทันใด “ท่านแม่ ถึงท่านจะรังเกียจชาติกำเนิดของปิงเหนียง แต่เด็กในครรภ์นางเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของข้านะขอรับ”
หลีกวงซูรู้จักฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งดีว่าเป็นคนที่ชอบไม้อ่อนไม่ชอบไม้แข็ง เขาคุกเข่าลงโขกศีรษะให้มารดาไม่หยุดทันที
“ท่านแม่ เด็กเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ว่าผู้ใหญ่มีความผิดอะไร เด็กก็ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรนะขอรับ ท่านหักใจให้เขาจากไปตั้งแต่ยังไม่ทันลืมตาดูโลกได้หรือ หลังเขาคลอดออกมาก็เป็นเด็กทารกตัวน้อยๆ มีแขนมีขารู้จักหัวเราะร้องไห้คนหนึ่งเหมือนกัน”
หลิวซื่อนิ่งเฉยมองดูอยู่ เห็นหลีกวงซูโขกศีรษะทีหนึ่งราวกับค้อนอันใหญ่ทุบลงกลางอกนางทีหนึ่ง
ดังคำกล่าวว่าใต้เข่าลูกผู้ชายมีทองคำ* บุรุษผู้เคยทะนงในศักดิ์ศรีเฉกบัณฑิตผู้หนึ่งกลับยอมคุกเข่าลงเพื่ออนุที่เป็นม้าผอมหยางโจวในอดีตนางหนึ่ง
“พอที” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งฟังเขาพูดพร่ำพรรณนาถึงเด็กน้อยแล้วทรมานใจดุจเดียวกัน นางทำใจแข็งกล่าวขึ้น “หรงมามา ยังไม่ไปอีก”
จริงอยู่ว่าเด็กเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ปล่อยให้นางจิ้งจอกผู้หนึ่งอย่างนี้อยู่ในสกุลหลี นางมองเห็นวันที่เรือนจะลุกเป็นไฟในอนาคตได้ล่วงหน้าแล้ว ถึงตอนนั้นจะมีผู้บริสุทธิ์ต้องเคราะห์ร้ายอีกเท่าไรก็สุดรู้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้บาปกรรมจากการพร่าผลาญชีวิตในครรภ์ นางขอแบกรับไว้เอง จะอย่างไรนางก็ชราแล้ว ถึงต้องโดนกรรมตามสนองก็เอาเถิด
หรงมามาได้ยินคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งแล้วก้มหน้างุดสาวเท้าออกไป
หลีกวงซูลุกพรวดขึ้นยืน ก้าวขาเตรียมจะออกเดินไปข้างนอก
“หยุดนะ!”
หลีกวงซูชะงักเท้า
สุ้มเสียงของหญิงชราเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง “เจ้ารอง ถ้าเจ้ากล้าไปที่นั่น เช่นนั้นเจ้าเลิกคิดจะรับราชการเป็นขุนนางได้แล้ว วันหน้าก็กอดอนุของเจ้าไว้แล้วใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปเถอะ”
“ท่านแม่!”
สีหน้าแววตาของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งแข็งกร้าวขณะกล่าวเน้นเสียงทีละคำ “ข้าพูดได้ทำได้”
นางตวัดสายตามองเฉียวเจาที่อยู่ข้างกายปราดหนึ่ง เรียวคิ้วสีดอกเลาเลิกขึ้นสูง “ถึงข้าทำไม่ได้ แต่คิดว่าหลานเขยของข้ายังมีความสามารถทำเช่นนี้ได้แน่นอน”
หลีกวงซูกำมือที่สอดไว้ใต้แขนเสื้อเป็นหมัดพลางเม้มมุมปากแน่นขึ้นทีละน้อย
เห็นทีคงเป็นกวนจวินโหวที่ขุดคุ้ยตัวตนแท้จริงของปิงเหนียงออกมา
นี่ช่างพิลึกดีแท้ เหลนเขยผู้หนึ่งกลับจับตาดูเรื่องในเรือนท่านอารองของภรรยา
ไม่ว่าหลีกวงซูจะรู้สึกโกรธแค้นปานใด แต่พอมีคำเตือนของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งแล้ว สุดท้ายเขาก็ไม่ขยับเท้าอีก
หลิวซื่อเห็นอยู่กับตา นางเพียงลอบยิ้มเยาะ
หากหลีกวงซูละทิ้งยศศักดิ์ตำแหน่งแล้วเลือกปิงเหนียงจริงๆ นางก็ไม่มีอะไรจะพูดได้ ตอนนี้นางอดดูแคลนบุรุษผู้นี้ไม่ได้จริงๆ เริ่มแรกยังแสดงท่าทางรักกันปานจะกลืน แต่พอให้เขาเสียสละก็ไม่แยแสความเป็นความตายของสตรีอันเป็นที่รักทันที
ไม่สิ ความจริงถึงที่สุดแล้วบุรุษผู้นี้รักแต่ตนเอง นางสมควรเห็นได้แจ่มแจ้งแต่แรก
เวลาล่วงผ่านไปทีละน้อย ทุกคนในโถงล้วนไม่ปริปาก ต่างเฝ้ารอผลลัพธ์อย่างเงียบๆ
เฉียวเจาหลุบตาเพ่งมองสองมือที่วางอยู่บนหัวเข่าแล้วจมลงสู่ภวังค์ความคิด
การตัดสินใจของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งทำให้นางคาดไม่ถึงอยู่บ้าง
พอคนเรามาถึงบั้นปลายชีวิตมักวาดหวังจะมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง นางนึกว่าท่านย่าจะให้ปิงเหนียงคลอดบุตรแล้วค่อยขับไล่ออกไป บัดนี้ดูไปนางคาดผิดเสียแล้ว แต่นางก็เลื่อมใสในความเด็ดขาดของท่านย่ามากขึ้น
นางรู้ว่าท่านย่าตัดสินใจเช่นนี้แล้วในใจหาได้เป็นสุขไม่
“เหตุใดหรงมามายังไม่กลับมา” หลังรออีกครู่หนึ่งฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งก็เริ่มขมวดคิ้ว
หรงมามาออกจะไปนานเกินไปบ้างจริงๆ
“ชิงอวิ๋น เจ้าตามไปดูซิ”
“เจ้าค่ะ”
ชิงอวิ๋นไปที่เรือนจินหรงตามคำสั่ง ในโถงกลับมาเงียบเชียบอีกครั้ง
ไม่นานนักนางก็วิ่งกลับมา ใบหน้าสาวใช้อาวุโสผู้สุขุมเป็นนิจเผือดขาวราวกระดาษคล้ายว่ามีผีดุร้ายไล่หลังมา “ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ หรงมามา หรงมามา…”
“หรงมามาเป็นอะไร” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งใจกระตุกวูบโดยพลัน
“หรงมามาล้มลงกับพื้น หน้าผากเต็มไปด้วยเลือด…”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งลุกพรวดขึ้นยืนแล้วตัวโงนเงนน้อยๆ “สาวใช้สองคนที่รับใช้ปิงอี๋เหนียงเล่า”
พอได้รู้ว่าปิงเหนียงตั้งครรภ์แล้ว นางโมโหที่สาวใช้สองคนทำงานสะเพร่าจึงไล่ออกไปปัดกวาดเช็ดถูนอกเรือน และส่งสาวใช้หัวไวสองคนไปดูแลรับใช้แทน
“สาวใช้สองคนนอนอยู่บนพื้นข้างใน ข้าไม่กล้าดูอย่างละเอียดก็วิ่งออกมาแล้วเจ้าค่ะ”
“ไป ไปดูกัน!”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งพาทุกคนรุดไปที่เรือนจินหรงทันที
ตอนที่ชิงอวิ๋นส่งเสียงร้องอุทานดังขึ้น บ่าวไพร่ของเรือนหยาเหอก็แตกตื่นตกใจกันหมด พอพวกฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งไปถึง พวกนางก็พากันไปยืนอออยู่ที่เรือนฝั่งซ้ายแล้ว
“หรงมามาเป็นอย่างไรบ้าง” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเดินเข้าไปข้างในพลางถามไถ่
หรงมามาติดตามหญิงชรามาหลายสิบปี ในใจนางจึงเห็นอีกฝ่ายไม่ต่างอันใดกับญาติพี่น้อง
สาวใช้ผู้หนึ่งใช้ผ้าเช็ดหน้ากดปากแผลที่มีเลือดออกบนศีรษะหรงมามาไว้พร้อมกับกล่าวตอบ “ฮูหยินผู้เฒ่า หรงมามายังมีลมหายใจอยู่ แต่เลือดไหลไม่ยอมหยุดเลยเจ้าค่ะ”
เฉียวเจาล้วงเข็มเงินออกมาแล้วสืบเท้าเข้าไปห้ามเลือดให้หรงมามาอย่างว่องไว
หลังความโกลาหลผ่านไปฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งจ้องเขม็งที่หลีกวงซูพลางเอ่ยถามขึ้น “ปิงอี๋เหนียงเล่า”
* ‘ใต้เข่าลูกผู้ชายมีทองคำ’ เป็นสำนวน หมายถึงผู้ชายต้องรักศักดิ์ศรี ไม่ยอมก้มหัวให้ใครง่ายๆ