หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 621
บทที่ 621
องค์หญิงซีเจียงส่งเสียงอุทานเบาๆ ดึงดูดสายตาของทุกคนให้มองไป
“ขออภัย ข้าประหลาดใจอยู่สักหน่อยที่ยังมีคุณหนูท่านหนึ่งอยู่ที่นี่ด้วย”
“นี่เป็นคู่หมั้นของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” เซ่าหมิงยวนเอ่ยบอกเสียงราบเรียบ
คู่หมั้นของกวนจวินโหว?
องค์หญิงซีเจียงกับกงอ๋องสบตากัน
“ใต้เท้าจาง พวกข้าขอตัวก่อน” เซ่าหมิงยวนผงกศีรษะกับหัวหน้ากองจางเล็กน้อย ค่อยค้อมศีรษะเป็นเชิงขออำลากับกงอ๋อง จากนั้นพาพวกเฉียวเจาเดินออกไป
หัวหน้ากองจางดึงสายตากลับมาแล้วผายมือเชิญกงอ๋องกับองค์หญิงซีเจียง “ท่านอ๋องและองค์หญิง เชิญเสด็จข้างในพ่ะย่ะค่ะ”
พวกขุนนางต้าเหลียงกับองครักษ์ซีเจียงที่ติดตามมาล้วนรั้งอยู่ในโถงใหญ่ของหอสุรา ขณะหัวหน้ากองจางพากงอ๋องกับองค์หญิงซีเจียงเข้าสู่ห้องส่วนตัว
รอเมื่อสุราอาหารถูกยกมาวางบนโต๊ะ องค์หญิงซีเจียงจิบคำหนึ่งแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าสนใจใคร่รู้ “ใต้เท้าจาง คู่หมั้นของกวนจวินโหวเป็นใครหรือ”
หัวหน้ากองจางอึ้งงันไปอึดใจหนึ่ง เหตุใดจุดที่พวกสตรีให้ความสนใจถึงน่าแปลกเช่นนี้
องค์หญิงซีเจียงกล่าวอธิบายยิ้มๆ “ในแคว้นซีเจียงเรา ทุกคนล้วนคิดว่ากวนจวินโหวของแคว้นท่านมีสามเศียรหกกร คงไม่มีหญิงสาวกล้าแต่งงานด้วย”
ชาวซีเจียงเชิดชูความสามารถในเชิงบุ๋น และชื่นชมบุรุษรูปงามที่สุภาพนุ่มนวลเฉกปัญญาชนมากกว่า ดั่งเช่นคุณชายฉือที่นางได้พบเมื่อครู่ผู้นั้น หาใช่บุรุษดุร้ายโหดเหี้ยมที่หักคอคนได้ด้วยมือเดียว
“ฮ่าๆ ในต้าเหลียงของพวกกระหม่อมไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ใครๆ ล้วนอิจฉาว่าคู่หมั้นของกวนจวินโหวมีบุญวาสนามากนักพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงซีเจียงยิ่งสนใจมากขึ้น “อ้อ แล้วต้องเป็นหญิงสาวในตระกูลชั้นใดถึงแต่งงานกับกวนจวินโหวได้ หรือว่าเป็นบุตรสาวธิดาของเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์”
“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ คู่หมั้นของกวนจวินโหวเป็นบุตรสาวของอาลักษณ์ในสำนักราชบัณฑิตพ่ะย่ะค่ะ”
“อาลักษณ์ในสำนักราชบัณฑิต?” เรียวคิ้วโก่งงามขององค์หญิงเลิกขึ้นสูง นางทำสีหน้าตกตะลึง “หรือว่าแคว้นท่านไม่เหมือนกับซีเจียง ทางแคว้นของเราอาลักษณ์ในสำนักราชบัณฑิตเป็นขุนนางขั้นหก”
หัวหน้ากองจางได้ยินแล้วพูดต่อท้ายในใจคำหนึ่งว่า ลำดับรองขั้นหก
“เท่าที่ข้ารู้ ขุนนางของทั้งสองแคว้นแบ่งลำดับขั้นตำแหน่งใกล้เคียงกัน” กงอ๋องกล่าวเสริมขึ้น
หัวหน้ากองจางลอบแค่นเสียงฮึ ย่อมต้องเหมือนกันแน่นอน เมื่อครั้งที่ซีเจียงของพวกเจ้าไม่มีแม้แต่บันทึกพงศาวดาร มิใช่หยิบเอาประเพณีธรรมเนียมต้าเหลียงของพวกข้าไปใช้ตามอย่างเลยมิใช่หรือ!
มารดามันเถอะ เอาไปใช้แล้วยังมีหน้ามาพูดว่าเหมือนกับพวกข้าอีก มันอะไรกันล่ะนี่!
หัวหน้ากองจางก่นด่าในใจหลายคำ ทว่าใบหน้ายังประดับรอยยิ้มสุภาพดังเก่า
คนเราต้องรับผิดชอบในงานตามตำแหน่งตน เขาเป็นหัวหน้าสำนักพิธีกรรมมีหน้ารับรองอาคันตุกะต่างแดน จะทำให้ชาวซีเจียงรู้สึกว่าขุนนางต้าเหลียงไม่รู้จักธรรมเนียมมารยาทเพราะความรู้สึกส่วนตัวมิได้
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง มิน่าทุกคนถึงอิจฉาในความโชคดีของคุณหนูท่านนั้น ในซีเจียงเราก็มีคำกล่าวว่าอีกากลายเป็นนางหงส์” องค์หญิงซีเจียงกล่าวด้วยรอยยิ้มละไม
หัวหน้ากองจางลอบเหยียดมุมปาก
คำว่า ‘อีกากลายเป็นนางหงส์’ ก็เป็นของพวกเขา สันดานโจรของชาวซีเจียงพวกนี้น่าชิงชังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าชาวต๋าจื่อแดนเหนือสักเท่าไรเลย
ไม่สิ ว่ากันจริงๆ แล้วน่าชังยิ่งกว่า สำหรับคนที่มุมานะท่องตำราคัมภีร์มาแต่วัยเยาว์เช่นพวกเขา ของบางอย่างไม่อาจอาศัยกำปั้นยื้อแย่งไปได้ชั่วชีวิต แต่พวกชาวซีเจียงนั้นช่างน่าโมโหนัก ทั้งเล่าเรียนสี่ตำราห้าคัมภีร์ของต้าเหลียง ทั้งฝึกฝนธรรมเนียมมารยาทของต้าเหลียง แต่สุดท้ายสมบัติล้ำค่าเหล่านี้กลายเป็นของพวกเขาไปตั้งแต่เมื่อไรกัน
จะคิดต่อไปอีกไม่ได้ ขืนคิดต่อไปตำแหน่งหัวหน้าสำนักพิธีกรรมนี้ข้าก็ไม่อยากเป็นแล้ว จะได้โยนความรับผิดชอบทิ้งไป ถกแขนเสื้อเอาน้ำชาสาดใส่หน้าเจ้าคนสันดานโจรพวกนี้ก่อนค่อยว่ากันอีกที
“ใต้เท้าจาง…” องค์หญิงซีเจียงมุ่นคิ้วเรียวงามพลางส่งเสียงเรียกขาน
หัวหน้ากองจางหลุดจากภวังค์ “อ้อ องค์หญิงตรัสว่าอะไรพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงซีเจียงคลี่ยิ้มอ่อนหวาน “ใต้เท้าจางใจลอยได้อย่างไรกัน ข้าถามท่านว่าองค์หญิงของแคว้นท่านมีศักดิ์ฐานะไม่สามัญกระมัง ข้าเห็นเมื่อครู่นี้ท่านให้ความเกรงใจต่อคุณชายฉือท่านนั้นเป็นอย่างมากเลยนะ”
หัวหน้ากองจางยิ้มบางๆ กล่าวว่า “คุณชายฉือเป็นโอรสขององค์หญิงใหญ่ ส่วนองค์หญิงใหญ่ทรงเป็นพระขนิษฐาแท้ๆ ขององค์ฮ่องเต้ ย่อมไม่เหมือนกับองค์หญิงทั่วไปพ่ะย่ะค่ะ”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” องค์หญิงซีเจียงหลุบตาลงจิบสุราคำหนึ่ง
หัวหน้ากองจางเห็นนางเป็นเช่นนี้ก็แอบยิ้มย่องในใจ ไม่ว่าอย่างไรองค์หญิงของต้าเหลียงก็เป็นผู้มีสถานะสูงศักดิ์ทรงเกียรติ ไม่เหมือนกับองค์หญิงของซีเจียงที่ยังต้องออกเรือนไปกับญาติผู้พี่!
เมื่อกงอ๋องกับองค์หญิงซีเจียงกลับถึงที่พำนักก็สั่งให้คนที่ดูแลรับใช้ออกไปแล้วสนทนากันตามลำพัง
“เสด็จพี่ ท่านคงพบแล้วเช่นกันว่าคู่หมั้นผู้นั้นของกวนจวินโหวผิดจากผู้อื่นอย่างมากใช่หรือไม่เจ้าคะ”
กงอ๋องนั่งยกสองขาไขว้ทับกันในอิริยาบถตามสบาย “ผิดจากผู้อื่นมากจริงๆ”
องค์หญิงซีเจียงยกมือเท้าคางยิ้มๆ “เสด็จพี่เก็บงำสีหน้าได้เก่งกว่าข้า ชั่วพริบตาที่เห็นคู่หมั้นของกวนจวินโหวข้าตกใจยกใหญ่เลยทีเดียว เพราะนางมีรูปโฉมละม้ายคล้ายคลึงนางรำผู้หนึ่งในวังท่านถึงเก้าส่วน เอ๊ะ หรือว่าเสด็จพี่ไม่ได้สังเกตนางรำในวังท่านผู้นั้นเลย”
ในวังอ๋องมีนางรำมากมายหลายคน มาตรว่านางรำผู้นั้นจะโฉมงาม แต่อยู่ในหมู่สตรีอาจโดนกีดกันเลยไม่มีโอกาสได้ยืนอยู่เบื้องหน้าเสด็จพี่ก็เป็นได้
แววตาของกงอ๋องไหววูบหนึ่ง เขาใช้นิ้วมือเรียวยาวเคาะถาดน้ำชาแก้วสีเบาๆ หยักยิ้มไม่กล่าววาจา
แคว้นซีเจียงยกย่องผู้เก่งกาจเชิงบุ๋น ปัญญาชนกับผู้สูงศักดิ์ชมชอบแสวงหาความสุนทรีย์ ทว่าความหลงใหลเสน่หาในเด็กสาววัยขบเผาะเป็นเรื่องที่รู้กันเองในหมู่ชนชั้นสูง
เขาชุบเลี้ยงนางรำไว้ในวังไม่น้อย ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในวัยราวสิบสี่สิบห้า แต่โดยทั่วไปนางรำเหล่านี้จะเริ่มปรนเปรอความสุขให้เขาและแขกคนสำคัญตั้งแต่ตอนอายุสิบสองสิบสามปีแล้ว
นางรำคนที่น้องสาวเขาเอ่ยถึงผู้นั้นเป็นคนที่เขาติดอกติดใจอยู่มากพอดี
นางรำที่อ่อนหวานกับเขาดุจสายน้ำถึงกับประพิมพ์ประพายคล้ายคู่หมั้นกวนจวินโหวถึงเพียงนี้ แค่คิดถึงจุดนี้เขาก็รู้สึกขบขัน
“เสด็จพี่ ท่านไม่สังเกตจริงๆ หรือเจ้าคะ” องค์หญิงซีเจียงกระตุกแขนเสื้อกงอ๋องเบาๆ
กงอ๋องดึงความคิดคืนมา แย้มปากยิ้มพลางเอ่ย “งามสะคราญโฉมเช่นนี้จะไม่สังเกตได้อย่างไรเล่า”
ว่ากันว่าบุรุษต้าเหลียงล้วนเป็นพวกเคร่งครัดในศีลธรรม สตรียังไม่สิบห้าปีเต็ม ต่อให้แต่งงานกันแล้วก็จะไม่เข้าหอกับนาง ในความคิดของเขาเป็นเรื่องน่าหัวร่อถึงที่สุด
เด็กสาวอายุสิบสองสิบสามคือวัยแรกแย้มแตกเนื้อสาว เป็นช่วงที่ชวนให้จิตใจสั่นไหวมากที่สุด เสน่ห์จากความไม่ประสีประสาอย่างนั้นช่างเย้ายวนจับจิตจับใจเลยทีเดียว
องค์หญิงซีเจียงถอนใจเฮือก “น่าเสียดายนะเจ้าคะ อยากดูสีหน้าของกวนจวินโหวหลังจากเห็นนางรำของเสด็จพี่จริงๆ”
กงอ๋องยื่นมือไปดีดหน้าผากนาง กล่าวยิ้มๆ อย่างเอ็นดูว่า “น้องพี่ซุกซนอีกแล้ว ไม่เห็นน่าเสียดายสักนิด กวนจวินโหวไม่รู้ตลอดไปต่างหากจึงจะดี”
ก่อนเดินทางมาแคว้นต้าเหลียงพระเชษฐาสั่งกำชับเขาให้คอยสังเกตกวนจวินโหวผู้นี้โดยเฉพาะ และกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าต้าเหลียงมีกวนจวินโหวอยู่ก็ปลอดภัยหายห่วงไปได้อย่างน้อยยี่สิบปี
เขากับน้องสาวรับหน้าที่เป็นทูตมาเยือนต้าเหลียง กวนจวินโหวเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งในบรรดาคนที่เขาต้องจับตาดูเป็นพิเศษ เมื่อแรกที่เขาหารือกับเสด็จพี่เรื่องเล่นงานกวนจวินโหวของต้าเหลียงผู้นี้ ทว่ายังคิดวิธีไม่ออกสักนิด บัดนี้กลับพอจะมีหนทางบ้างแล้ว
คู่หมั้นของกวนจวินโหว นางรำของเขา…ระหว่างสองคนนี้บางทีอาจใช้ให้เป็นประโยชน์ได้จริงๆ
“เสด็จพี่กล่าวมีนัยลึกล้ำเกินหยั่งเช่นนี้อีกแล้ว”
กงอ๋องหัวเราะ “เจ้าไม่ต้องวุ่นวายใจกับเรื่องพวกนี้ เพียงแสดงความงามสง่าขององค์หญิงซีเจียงเราเบื้องหน้าสตรีชั้นสูงของต้าเหลียง ให้พวกนางละอายแก่ใจที่ตนเทียบเคียงไม่ได้เท่านั้นเป็นพอ”
องค์หญิงซีเจียงเม้มปากยิ้ม กล่าวอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม “เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ เสด็จพี่ไม่ต้องเป็นห่วง”