หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 638
บทที่ 638
องค์หญิงซีเจียงยิงธนูดอกเดียวเข้ากลางเป้าทำให้บรรยากาศรอบด้านเริ่มตึงเครียดขึ้นทันใด ทุกคนกลั้นหายใจรอดูฝีมือของเฉียวเจา
เฉียวเจาถือคันธนูยาวในมือเล็งตรงไปที่เป้า
ริมใบหูนางมีถ้อยคำที่เซ่าซียวนน้องชายสามีเคยกล่าวไว้ในลานฝึกยุทธ์ของจวนจิ้งอันโหวดังขึ้น
‘พี่สะใภ้รอง ถึงอย่างไรทุกวันท่านก็ไม่มีอะไรทำ ข้าสอนท่านยิงธนูดีหรือไม่’
‘พี่สะใภ้รอง ท่านแรงน้อยยิงได้ไม่ไกล พวกเราฝึกความแม่นยำกันเถอะ วิชายิงธนูของสกุลเซ่าเรามีเคล็ดลับประจำตระกูลด้วยนะ ท่านฝึกฝนตามที่ข้าสอน ต้องยิงทะลุใบไม้ในร้อยก้าวได้เป็นแน่ เอ่อ…ไม่สิ ท่านคงยิงไกลไม่ถึงระยะร้อยก้าวแน่…’
‘เอ๊ะ พี่สะใภ้รอง ข้าค้นพบว่าถึงแม้ท่านฝึกวิชาหมัดมวยของสกุลเซ่าจะกินแรงอยู่มาก และไม่มีพรสวรรค์แม้แต่น้อยนิด แต่ฝึกยิงธนูยังมีพรสวรรค์อยู่บ้าง ข้ารู้แล้ว นี่ต้องเกี่ยวข้องกับนิสัยนิ่งขรึมของท่านเป็นแน่ ท่านพ่อเคยบอกว่าอยากยิงให้แม่นใจต้องสงบก่อน ใจสงบ มือจึงนิ่ง…’
…ยามหวนระลึกถึงความทรงจำที่คลับคล้ายผ่านไปนานแสนนานพวกนี้ มุมปากของเฉียวเจายกโค้งขึ้นน้อยๆ อย่างสุดระงับ
นางอาศัยอยู่ในจวนหลังใหญ่โตแห่งนั้นเกือบสามปี หลังจากเริ่มคุ้นเคยกับเซ่าซียวนน้องชายสามี นางก็เรียนยิงธนูกับเขาอยู่ราวสองปีเศษ พูดได้ว่าขอเพียงอยู่ห่างจากเป้าไม่ไกล เรื่องความแม่นยำนี้ยังนับว่าไม่เลวเลย
ท่านปู่เคยเอ่ยว่า ‘มีความสามารถหลายด้านติดตัวไว้ไม่เสียหลาย เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไรวิชาที่เคยร่ำเรียนไว้จะช่วยเกื้อหนุนเจ้า หรือถึงขั้นช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้ ดังนั้นอย่าปล่อยให้พรสวรรค์ที่ฟ้าประทานให้เจ้าต้องเสียเปล่า และอย่าสิ้นเปลืองเวลาอันมีค่าจมอยู่ในอารมณ์หมองเศร้า’
เฉียวเจากำธนูไว้ในมือนิ่งๆ ไม่ยิงเสียที เป็นเหตุให้เหล่าคุณหนูในงานเลี้ยงเริ่มกระสับกระส่ายไปตามๆ กัน
“คุณหนูหลีเป็นอะไรไป ยืนถือธนูอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อนตลอดเลย”
“แย่แล้ว คุณหนูหลีตกประหม่าใช่หรือไม่”
“ความจริง…คุณหนูหลีจะตกประหม่าก็ตำหนินางไม่ได้ นางเพิ่งอายุเท่าไรเอง นางเอาชนะการประลองสองรอบก่อนหน้านี้อย่างงดงามปานนั้นก็หามีผู้ใดเทียบได้แล้ว”
“นั่นสิ แต่ถ้าแพ้ในรอบนี้ต้าเหลียงเราก็พ่ายให้แก่ซีเจียง ถึงตอนนั้นองค์หญิงน่าชังผู้นั้นคงกล่าววาจาเยาะเย้ยถากถางอีกแล้ว”
“คงได้แต่โทษว่าพวกเราโชคไม่ดี ใครใช้ให้สุ่มได้ไม้ติ้วยิงธนูในรอบสุดท้ายเล่า ถ้าสุ่มได้เดินหมากหรือวาดภาพ ข้ารู้สึกว่าคุณหนูหลีต้องชนะองค์หญิงซีเจียงนั่นได้แน่นอน”
ท่ามกลางเสียงกระซิบกระซาบของคุณหนูทั้งหลาย เฉียวเจาขยับตัวแล้ว
นางจ้องเขม็งไปที่เป้าธนูซึ่งห่างไปหลายสิบก้าว รอจิตใจนิ่งสงบลงได้เต็มที่ ข้างหูไม่ได้ยินเสียงใดๆ อีก คลับคล้ายกลับไปยังลานฝึกยุทธ์ที่คุ้นเคยแห่งนั้นอีกครา
ลานฝึกยุทธ์แห่งนั้นคงเป็นสีสันเพียงหนึ่งเดียวในความทรงจำที่นางมีต่อจวนจิ้งอันโหว
ที่นั่นพร่างพรมไปด้วยหยาดเหงื่อของนาง อีกทั้งยังหล่อเลี้ยงความหวังจางๆ ที่นางกักเก็บไว้ลึกๆ ในใจ
อันที่จริงตั้งแต่วัยเยาว์จวบจนเติบใหญ่เป็นหญิงสาวสะพรั่งอายุยี่สิบปี นางอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับคู่ครองที่ท่านปู่เลือกเฟ้นให้นางด้วยตนเองเสมอมา เมื่อความอยากรู้อยากเห็นนั้นพอกพูนอยู่ในใจมากขึ้นก็ค่อยๆ หมักบ่มกลายเป็นความรู้สึกพึงใจที่คล้ายมีคล้ายไม่มี
แม่ทัพหนุ่มน้อยผู้นั้นเป็นคนที่ท่านปู่ถูกตาต้องใจเชียวนะ นางเชื่อมั่นในสายตาของท่านปู่แล้วจะไม่วาดฝันถึงเขาได้อย่างไร
มือเล็กๆ คลายออก สายธนูดีดกลับ ลูกธนูก็พุ่งทะยานออกไปดุจดาวตก คุณหนูหลายคนถึงกับหลับตาไม่กล้าดูผลลัพธ์ด้วยความหวาดเสียว
เมื่อไม่ได้ยินเสียงจากรอบตัว คุณหนูบางคนที่หลับตาอยู่กระตุกแขนเสื้อคนข้างกาย “เข้าเป้าหรือไม่ๆ”
ครู่เดียวก็มีเสียงอ่อนใจของคนด้านข้างลอยมา “อย่าดึงข้าสิ ข้าก็ไม่กล้าดูเหมือนกัน”
ดีที่ผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบยืนยันประกาศผลอย่างว่องไวมาก “เข้ากลางเป้า คุณหนูหลีได้สิบแต้ม”
ได้ยินผลลัพธ์นี้เหล่าคุณหนูต้าเหลียงลืมรักษากิริยาสุภาพสำรวมเฉกยามปกติกันไปหมด เผลอตัวเปล่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี
องค์หญิงซีเจียงมองขวับไปที่เฉียวเจา กลับเห็นอีกฝ่ายยืนหลุบตานิ่งๆ ไม่แสดงท่าทีใดสักนิด
นางขมวดคิ้ว ทำวางท่าเป็นยอดฝีมือผู้สูงส่งเฉกนี้คิดจะทำอะไร ข้าไม่เสียขวัญหรอกนะ!
“องค์หญิงทรงยิงธนูดอกที่สองได้แล้วเพคะ”
องค์หญิงซีเจียงผ่อนลมหายใจออกเฮือกหนึ่งเบาๆ ปรับท่ายืนเล็กน้อยแล้วยิงลูกธนูดอกที่สองออกไป
“เข้ากลางเป้าเช่นเดิม!”
“คุณหนูหลี ถึงตาท่านแล้ว”
เฉียวเจากลับต่างไปจากองค์หญิงซีเจียง สีหน้าท่าทางของนางไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมสักนิดขณะน้าวสายยิงลูกธนูยิงดอกที่สองออกไป
“เข้ากลางเป้า คุณหนูหลีได้สิบแต้ม”
องค์หญิงซีเจียงกัดริมฝีปาก
คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าใต้หล้านี้ยังมีสตรีที่เหนือกว่านางไปเสียทุกด้านไม่ว่า ซ้ำยังไม่มีอะไรไม่ถนัดสักอย่าง
ดีที่ถึงแม้ทักษะในเชิงยิงธนูของนางจะไม่ถึงขั้นสุดยอดทัดเทียมท่านหญิงอิงน่า แต่ในหมู่สตรีก็จัดได้ว่าโดดเด่นเหนือใคร การยิงธนูเป้านิ่งอย่างนี้ขอเพียงไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น จะยิงเข้ากลางเป้าทั้งสิบดอกเป็นเรื่องไม่ยาก
“เข้ากลางเป้า องค์หญิงได้สิบแต้ม”
“เข้ากลางเป้า คุณหนูหลีได้สิบแต้ม”
พวกคุณหนูมองดูจนตาพร่าลาย บัดเดี๋ยวใจหายใจคว่ำบัดเดี๋ยวโล่งอกสลับกันไปจนสุดท้ายชักเริ่มชาชิน
“เข้ากลางเป้า คุณหนูหลีได้สิบแต้ม”
นานครู่ใหญ่คนสองคนที่ยืนอยู่กลางลานไม่แสดงท่าทีใดๆ
“ไฉนไม่ยิงธนูต่อแล้ว” มีคุณหนูพึมพำถามขึ้น
“ดูเหมือน…ดูเหมือนจะแข่งจบแล้ว…”
“แข่งจบแล้ว? ดูเหมือนข้าได้ยินว่าสิบแต้มตลอด”
“ใช่ เช่นนี้แสดงว่าคุณหนูหลีกับองค์หญิงซีเจียงเสมอกันหรือ”
ผู้จดแต้มประกาศผล “องค์หญิงกับคุณหนูหลีล้วนยิงเข้ากลางเป้าสิบดอก ได้คนละร้อยแต้ม รอบนี้เสมอกัน…”
“ประเดี๋ยวก่อน” เฉียวเจาตัดบทคนผู้นั้นกะทันหัน
พอเห็นทุกคนหันมามอง นางพยักหน้าเล็กน้อยให้พระชายาของมู่อ๋อง “มู่หวังเฟย ข้าอยากขอให้พระองค์ส่งคนไปตรวจสอบเป้าธนูสักหน่อย รอบนี้ไม่น่าจะเสมอกันเพคะ”
ถ้อยคำนี้ของเฉียวเจาดังขึ้น ทุกคนในงานเลี้ยงงุนงงไปในทันใด
คุณหนูหลีกล่าวคำนี้หมายความว่าอะไร เมื่อครู่นี้พวกนางล้วนเห็นการแสดงฝีมือของคนทั้งคู่กับตาตนเอง ทั้งสองต่างยิงธนูเข้าเป้าทั้งสิบดอก เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่เสมอกัน
มู่หวังเฟยเอ่ยสั่งนางกำนัลข้างกาย “ไปตรวจสอบเป้าธนูทีซิ”
นางกำนัลไปตรวจสอบตามคำสั่ง เห็นตรงใจกลางเป้าธนูสองอันมีลูกธนูเสียบคาอยู่หนึ่งดอก นางกล่าวรายงาน “ทูลพระชายา ลูกธนูดอกสุดท้ายขององค์หญิงกับคุณหนูหลีล้วนเข้ากลางเป้าเพคะ”
มู่หวังเฟยมองไปทางเฉียวเจา “คุณหนูสาม นี่…”
“มิสู้เชิญผู้เชี่ยวชาญทักษะยิงธนูไปตรวจสอบดีกว่าเพคะ”
องค์หญิงซีเจียงแค่นหัวเราะ “ยกนี้เสมอกันชัดๆ เหตุใดคุณหนูหลีต้องให้คนไปตรวจสอบซ้ำๆ หรือรู้สึกว่าทำใจยอมรับไม่ได้ที่เสมอกับข้า”
คู่ต่อสู้เป็นองค์หญิงต่างแคว้น เฉียวเจาไม่อยากเอาชนะคะคานด้วยคารม นางมองมู่หวังเฟยด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
มู่หวังเฟยใคร่ครวญเล็กน้อยแล้วกล่าวขึ้น “เอาอย่างนี้เถอะ ข้าส่งคนไปที่พระราชอุทยานฝั่งตะวันออกเชิญแขกที่เชี่ยวชาญทักษะยิงธนูท่านหนึ่งมาเป็นผู้ตัดสิน พวกเขาไม่ได้ดูระหว่างการแข่งขัน คงตัดสินผลได้ยุติธรรมกว่า องค์หญิงเห็นเป็นเช่นไร”
องค์หญิงซีเจียงหัวร่อเบาๆ พลางพยักหน้า “เชิญมู่หวังเฟยตามสบาย”
ทางพระราชอุทยานฝั่งตะวันออก มู่อ๋องได้ยินข่าวแล้วแววตาไหววูบหนึ่ง “เอ๊ะ การประลองยิงธนูที่พระราชอุทยานฝั่งตะวันตกเกิดข้อโต้แย้งกันขึ้นหรือ ทั้งที่องค์หญิงกับคุณหนูหลีต่างยิงธนูเข้ากลางเป้าทั้งสิบดอก แต่คุณหนูหลีกลับบอกว่าไม่ใช่เสมอกัน?”
“ใช่เพคะ ท่านอ๋อง พระชายาทรงขอให้ท่านเลือกผู้เชี่ยวชาญทักษะยิงธนูสักท่านไปตัดสินผลเพคะ”
เซ่าหมิงยวนลุกขึ้น “ข้าไปดูเอง”
มู่อ๋องหัวเราะแล้ว “ท่านโหว คู่หมั้นของท่านเป็นผู้แข่งขัน เกรงว่าท่านไปเองคงยากจะเป็นที่ยอมรับของทุกคนได้นะ เช่นนี้เถอะ พวกเราหลายคนล้วนมีฝีมือยิงธนูไม่เลว ไปดูพร้อมกันก็สิ้นเรื่อง”
เซ่าหมิงยวนสนใจอยากรู้ผลลัพธ์การประชันของทางนั้นเหมือนกัน เขาพยักหน้าตกลง
พวกเขาไปที่นั่นพร้อมกัน หลังจากตรวจสอบเป้าธนูสองอันแล้วก็ชี้ไปที่หนึ่งในนั้นพลางกล่าว “คนใดยิงเป้าธนูอันนี้ คนนั้นคือผู้ชนะ”