หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 645
บทที่ 645
กงอ๋องชำระกายผลัดอาภรณ์แล้วหยิบหนังสือเล่มหนึ่งติดมือมาเอนกายบนตั่งอ่านฆ่าเวลา รอจนถึงเวลากินอาหารองค์หญิงซีเจียงกลับไม่ปรากฏกายเสียที
“ไฉนองค์หญิงยังไม่มาอีก”
“องค์หญิงเข้าบรรทมไปแล้ว มีรับสั่งไม่ให้พวกหม่อมฉันรบกวนเพคะ”
กงอ๋องขมวดคิ้ว “นี่มันยามเท่าไรแล้ว ไปเชิญองค์หญิงมา”
“เพคะ”
ผ่านไปไม่นานนักสาวใช้ก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา ใบหน้าขาวซีดเหมือนผี “ทะ…ท่านอ๋อง…องค์หญิง…”
“องค์หญิงเป็นอะไร”
สาวใช้ตกใจจนขวัญกระเจิง พูดจาติดๆ ขัดๆ ไม่รู้เรื่อง “องค์…องค์หญิง…”
ฟันของนางกระทบกันกึกๆ กระทั่งจะเปล่งเสียงพูดก็ทำไม่ได้แล้ว
กงอ๋องถลึงตาใส่สาวใช้ก่อนจะลุกขึ้นเดินตรงไปยังเรือนพำนักของน้องสาว
กิริยาอาการแตกตื่นลนลานของสาวใช้เมื่อครู่นี้ดึงสาวใช้คนอื่นๆ มายืนอออยู่หน้าประตูห้ององค์หญิงซีเจียงไม่น้อย ครั้นเห็นกงอ๋องมาถึงในเวลานี้ต่างหลั่งน้ำตานองหน้า
กงอ๋องใจกระตุกวูบ เขาตวาดเสียงห้วน “ถอยไป!”
หน้าประตูว่างโล่งอย่างรวดเร็ว กงอ๋องก้าวเข้าห้อง มองปราดเดียวก็เห็นม่านผ้าโปร่งสีฟ้าครามเรียบหรูรูดเปิดออก องค์หญิงซีเจียงนอนเงียบเชียบอยู่บนเตียง ดวงตาทั้งคู่เบิกโพลง มือทิ้งห้อยลงข้างเตียง
“น้องพี่!” กงอ๋องเบิกตาถลนอย่างเดือดดาล เขาวิ่งถลาเข้าไปไม่หลงเหลือความมีสง่าราศีเช่นในยามปกติให้เห็นโดยสิ้นเชิง
กงอ๋องวิ่งไปถึงหน้าเตียงองค์หญิงซีเจียงแล้วคว้ามือที่ห้อยตกลงของนางมาจับไว้ “น้องพี่ เจ้าเป็นอะไรไป”
ฝ่ามือนวลเนียนดุจหยกข้างนั้นเย็นสนิทปราศจากไออุ่นแม้สักเศษเสี้ยว
กงอ๋องยื่นมือไปอังใต้จมูกน้องสาวแล้วล้มลงนั่งแปะกับพื้น เขาพูดเสียงแปร่งปร่า “เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรๆ”
ชาวซีเจียงที่ได้ข่าวแล้วรุดมาถึง เมื่อมองเห็นสภาพภายในห้องก็ล้วนคุกเข่าลงร่ำไห้อย่างเศร้าโศก
เสียงอึกทึกวุ่นวายทางนี้ดังไปถึงหูขุนนางต้าเหลียงในเรือนรับรองราชอาคันตุกะอย่างว่องไว
“เกิดเรื่องอะไรกันขึ้นหรือ” เสมียนคนหนึ่งยืนถามอยู่หน้าประตูลานเรือน
ชาวซีเจียงที่คุกเข่ากับพื้นร่ำไห้ฟูมฟายลุกขึ้นปรี่เข้าไปผลักขุนนางชั้นผู้น้อยล้มลงกับพื้น เขาร้องไห้ไปพูดตะโกนไป “ตีพวกเจ้าชาวต้าเหลียงให้ตายๆ ไปเสีย พวกเจ้าเป็นต้นเหตุให้องค์หญิงของพวกข้าสิ้นพระชนม์…”
องค์หญิงซีเจียงเพียบพร้อมไปด้วยความสามารถล้นเหลือ ทั้งยังรูปโฉมงดงามและฉลาดปราดเปรื่อง นางเป็นดั่งเทพธิดาในใจชาวซีเจียง ขณะนี้การตายของนางจึงสร้างความสะเทือนใจให้แก่พวกเขาเหล่านี้อย่างมหาศาล
พอเห็นพวกพ้องเดียวกันลงไม้ลงมือ คนอื่นๆ พากันปราดเข้าไปรุมทุบตีด้วย
กงอ๋องตั้งสติได้ ก้าวเท้าฉับๆ ออกไป “หยุดมือ!”
คนพวกนั้นหยุดชะงักทันควัน
“อย่าก่อเรื่องขึ้น ทำร้ายเสมียนผู้น้อยคนหนึ่งตายจะมีประโยชน์อันใด”
ได้ยินคำกล่าวของกงอ๋อง คนเหล่านี้ลุกขึ้นยืนเงียบๆ ส่วนเสมียนของต้าเหลียงที่โดนตรึงตัวกับพื้นแล้วถูกกระหน่ำทุบตีนั้นหน้าตาบวมปูดเป็นหัวสุกรไปแล้ว
กงอ๋องหยุดฝีเท้าตรงเบื้องหน้าสายตาของเสมียนผู้นั้นแล้วสาวเท้าเร็วรี่จากไป
แต่ไรมาอาคันตุกะต่างแคว้นที่เดินทางมาถวายเครื่องราชบรรณาการจะถูกจัดให้พำนักในเรือนรับรองราชอาคันตุกะซึ่งอยู่ด้านหลังของสำนักพิธีกรรม กงอ๋องจึงหาตัวหัวหน้าสำนักพิธีกรรมพบในเวลารวดเร็ว
พอเห็นกงอ๋องทำสีหน้าท่าทางถมึงทึงดุร้าย หัวหน้าสำนักพิธีกรรมเอ่ยถามอย่างยิ้มแย้ม “ท่านอ๋องเสด็จมาถามความคืบหน้าของคดีกระมังพ่ะย่ะค่ะ”
ชาวซีเจียงช่างใจคอคับแคบดีแท้ องครักษ์ตายไปคนเดียวต้องทำถึงเพียงนี้ด้วยหรือ
“น้องสาวข้าโดนสังหารแล้ว!”
“หา?!” หัวหน้าสำนักพิธีกรรมนึกว่าหูฝาด เขาลูบๆ ใบหูอย่างห้ามไม่อยู่
กงอ๋องฝืนข่มไฟโทสะไว้ กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “พระขนิษฐาของข้า องค์หญิงของซีเจียงเรา โดนสังหารในเรือนรับรองราชอาคันตุกะของพวกท่าน!”
หัวหน้าสำนักพิธีกรรมรู้สึกหนังศีรษะชาวาบๆ รีบตามกงอ๋องไปยังเรือนพำนักขององค์หญิงซีเจียง
ยามที่เห็นสภาพการตายอย่างน่าอนาถของนาง หัวหน้าสำนักพิธีกรรมใจเต้นถี่แรงไม่เป็นจังหวะ
นี่มันเรื่องอะไรกัน เหตุใดจู่ๆ องค์หญิงซีเจียงถึงถูกคนสังหารเสียแล้ว
นางจบชีวิตในต้าเหลียงของพวกเขาอย่างนี้ ดีไม่ดีสองแคว้นอาจต้องทำสงครามกันก็เป็นได้
หัวหน้าสำนักพิธีกรรมกุมขมับ เขาแจ้งให้พวกเสนาบดีกรมอาญารับทราบโดยไม่รอช้า
โค่วสิงเจ๋อได้ยินแล้วใจหล่นดังตุบ เขาไปที่วังหลวงเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้พร้อมกับพวกเสนาบดีศาลยุติธรรม แต่ได้รับคำบอกกล่าวจากเว่ยอู๋เสียขันทีตรวจฎีกาว่าฮ่องเต้ของพวกตนเก็บตัวจำศีลอีกเช่นเคย
เพราะต้องทำงานรับใช้ฮ่องเต้ที่มักจำศีลตามชอบใจพระองค์หนึ่ง เหล่าขุนนางทั้งหลายต่างจนปัญญาเป็นอันมาก หลังหารือกันยกหนึ่งแล้วจึงรายงานต่อรุ่ยอ๋องกับมู่อ๋อง
ท่านอ๋องทั้งสองได้ยินแล้วต่างตะลึงพรึงเพริด
องค์หญิงต่างแคว้นสิ้นพระชนม์ในเรือนรับรองราชอาคันตุกะ เรื่องนี้เป็นปัญหายุ่งยากแล้ว
“เสด็จพ่อทรงมอบหมายเรื่องงานเลี้ยงให้พวกเราสองคน บัดนี้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น ไม่ว่าใครก็ล้วนคาดไม่ถึง พี่ห้าเห็นว่าสมควรทำฉันใดดี”
“ตอนนี้ข้าสับสนว้าวุ่นใจนัก คิดอะไรไม่ออกในชั่วครู่ชั่วยาม ว่าแต่น้องหกเห็นว่าอย่างไรเล่า” รุ่ยอ๋องโยนกลองกลับไป
มู่อ๋องลอบยิ้มเยาะ เขาก็คิดแล้วเชียวว่าอีกฝ่ายเป็นพวกไม่เอาไหน เจอปัญหาก็พึ่งพาไม่ได้โดยสิ้นเชิง แต่เป็นเช่นนี้ก็ดีทำให้ขุนนางชั้นผู้ใหญ่พวกนี้ได้เห็นว่าองค์ชายที่ไม่มีความคิดเป็นของตนเองสักนิดพรรค์นี้เหมาะสมกับตำแหน่งนั้นที่ใดกัน!
“ข้าคิดว่าจะต้องลากตัวฆาตกรที่สังหารองค์หญิงซีเจียงออกมาให้ได้ มีเพียงเช่นนี้ถึงจะบรรเทาไฟโทสะของชาวซีเจียงลงได้ หาไม่แล้วทั้งสองแคว้นคงต้องถืออาวุธเข้าห้ำหั่นกันแล้ว” มู่อ๋องตรึกตรองครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้น
“ฆาตกรผู้นี้…” เสนาบดีศาลยุติธรรมอึกๆ อักๆ “กงอ๋องปักพระทัยว่าต้องเกี่ยวข้องกับกวนจวินโหวอย่างหนีไม่พ้นพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วใต้เท้าทั้งหลายเห็นว่าอย่างไรเล่า”
ข้าหลวงตรวจการฝ่ายซ้ายอ้าปากกล่าว “องค์หญิงซีเจียงทรงส่งคนไปสอดแนมเรือนสกุลหลียามวิกาล กวนจวินโหวโกรธแค้นด้วยเรื่องนี้อย่างมาก บัดนี้องค์หญิงซีเจียงสิ้นพระชนม์ลง กงอ๋องจะสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับกวนจวินโหวก็เป็นเรื่องปกติเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเชิญกวนจวินโหวมาถามให้รู้เรื่องก็แล้วกัน หนนี้คนตายคือองค์หญิงซีเจียง ไม่ใช่อาหมาอาแมวที่ใด ถ้าไม่อาจให้คำตอบที่น่าพอใจแก่กงอ๋องได้คงต้องรบกันแล้วจริงๆ” มู่อ๋องกล่าวเสียงเย็นๆ
“หากว่าฆาตกรคือกวนจวินโหวจริงๆ เล่าพ่ะย่ะค่ะ” โค่วสิงเจ๋อโพล่งถาม
คนอื่นๆ ฟังแล้วประหลาดใจเหลือหลาย กวนจวินโหวเป็นหลานเขยของโค่วสิงเจ๋อ ไม่ว่าผู้ใดก็ถามคำถามนี้ได้ แต่พอเป็นเขาถามก็น่าแปลกอยู่บ้าง
โค่วสิงเจ๋อคล้ายไม่เห็นความประหลาดใจของทุกคน เขาไต่ถามต่อว่า “ท่านอ๋องทั้งสองพระองค์จะทรงจับตัวกวนจวินโหวส่งไปให้ชาวซีเจียงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“น้องหกเห็นว่าอย่างไร” รุ่ยอ๋องทำท่าตัดสินใจไม่ถูก
มู่อ๋องมุ่นคิ้ว “นี่เสนาบดีโค่วหมายความว่าอะไร”
โค่วสิงเจ๋อหยักยิ้ม “กระหม่อมกำลังคิดอยู่ว่าหากฆาตกรเป็นกวนจวินโหวจริง พวกเราส่งตัวเขาไปให้ บางทีศึกนี้อาจจะเกิดเร็วยิ่งขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
ทุกคนนิ่งเงียบกันไปหมด
ยามนี้แม่ทัพที่ออกรบได้ในราชสำนักมีอยู่แทบนับนิ้วได้ หลังสิงอู่หยางถูกลงทัณฑ์ตามอาญาบ้านเมือง ก็คัดเลือกคนเท่าที่มีอยู่ไปรับตำแหน่งแม่ทัพคั่งวอคนใหม่พอแก้ขัด สุดท้ายจะปักหลักยืนในแดนใต้ได้อย่างมั่นคงหรือไม่ยังยากจะคาดเดา
หรือว่าพวกเขาจะส่งตัวกวนจวินโหวไปให้ชาวซีเจียงระบายความโกรธ จากนั้นรอให้พวกต๋าจื่อตบมือโห่ร้องชอบใจใช่หรือไม่
มู่อ๋องชายตามองโค่วสิงเจ๋อแวบหนึ่ง “เสนาบดีโค่วไม่จำเป็นต้องช่วยพูดแทนกวนจวินโหวอย่างนี้ หากเขาเป็นฆาตกรจริงๆ พวกเราสามารถหาแพะรับบาปสักคนมอบตัวออกไปได้ ทว่ากวนจวินโหวจะไม่ต้องรับโทษทัณฑ์สักนิดเลยรึ หรือจะพูดว่าเขาออกศึกได้ก็สามารถไม่เกรงฟ้ากลัวดิน นี่จะเข้าตำราที่ว่าคุณความชอบสูงสะเทือนบัลลังก์หรือไม่”
เหล่าขุนนางได้ยินคำกล่าวของมู่อ๋องแล้วต่างไม่เปล่งเสียงพูดอีก
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเรียกกวนจวินโหวมาถามความก่อนเถอะ กงอ๋องปักใจเชื่อแล้วว่าเป็นเขา จะอย่างไรพวกเราก็ควรทำตามมารยาทเป็นการให้เกียรติอีกฝ่ายบ้าง” มู่อ๋องกล่าวลงความเห็นในที่สุด
เพลานี้เซ่าหมิงยวนไม่ได้อยู่ในจวนโหว เขาไปที่ชานเมืองกับเฉียวเจาเพื่อส่งหยางโฮ่วเฉิงออกเดินทาง