หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 647
บทที่ 647
เซ่าหมิงยวนมิได้ตอบคำถามของหลันซาน นัยน์ตาเย็นเยียบจับอยู่ที่ใบหน้าของคนเทถังส้วม “เจ้าเล่าเหตุการณ์ตอนเห็นสองคนนั้นอย่างละเอียดอีกรอบซิ”
คนเทถังส้วมไม่กล้าสบตาชายหนุ่มตรงๆ เขาก้มหน้าพูด “ข้ามองเห็น…เห็นสองคนนั้นลากของสิ่งหนึ่งออกมาจากตรอกซิ่งจื่อ…”
“ประเดี๋ยว” เซ่าหมิงยวนตัดบทเขา “พวกเขาลากของสิ่งนั้นออกมาแล้วทำอะไร”
กงอ๋องย่นหัวคิ้วแทบชนกัน
ลากของสิ่งนั้นหมายถึงอะไร นั่นเป็นนักสู้อันดับหนึ่งแห่งซีเจียงของพวกข้านะ!
เมื่อถูกเซ่าหมิงยวนตัดบทกะทันหัน คนเทถังส้วมประหม่ายิ่งขึ้น “แล้วก็…ก็โยนของสิ่งนั้นไว้บนถนนใหญ่ขอรับ”
“ศพของหวาเซิ่ง” กงอ๋องเอ่ยแก้ขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหวในที่สุด
เซ่าหมิงยวนเหยียดมุมปาก เขาไม่แยแสคำพูดสอดแทรกของกงอ๋อง ไต่ถามต่อว่า “พวกเขาโยนของสิ่งนั้นไว้บนถนนแล้วหลังจากนั้นเล่า”
“ก็จากไปน่ะสิขอรับ” คนเทถังส้วมทำหน้างุนงง
เหตุใดกวนจวินโหวต้องถามเรื่องพวกนี้ซ้ำไปซ้ำมาด้วย แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดเขาถึงรู้สึกใจคอไม่ดีเอาเสียเลย
กงอ๋องโมโหแล้ว “…” เจ้าคนบัดซบต้าเหลียงไร้มารยาทพวกนี้!
“พวกเขาทิ้งศพไว้แล้วก็จากไปหรือ” เซ่าหมิงยวนถามซ้ำอีกที
คนเทถังส้วมพยักหน้า “ใช่ขอรับ”
เซ่าหมิงยวนหัวเราะ เขามองไปทางโค่วสิงเจ๋อ “เสนาบดีโค่ว คงตรวจสอบสถานที่ที่พบศพหวาเซิ่งแล้วกระมัง”
โค่วสิงเจ๋อผงกศีรษะเล็กน้อยกับรองเสนาบดีกรมอาญา
หยางอวิ้นจืออ้าปากกล่าว “ข้าพาคนไปตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดแล้ว”
เดิมทีคดีฆาตกรรมประเภทนี้มอบหมายให้ผู้ใต้บังคับบัญชาจัดการก็พอแล้ว แต่หนนี้เกี่ยวพันถึงสันติภาพของสองแคว้นจึงมิใช่เรื่องธรรมดาๆ เขาเลยพาคนไปตรวจสอบดูด้วยตนเอง
“ถ้าอย่างนั้นจากตรอกซิ่งจื่อไปถึงถนนสายตะวันตกที่พบศพหวาเซิ่ง มีรอยเลือดไหลหยดตลอดทางหรือไม่”
ทุกคนนิ่งขึงไปกันหมด
“รองเสนาบดีหยาง?” เซ่าหมิงยวนเปล่งเสียงเรียก
หยางอวิ้นจือเช็ดๆ หน้าผาก “ตอนนั้นมิได้สังเกตจุดนี้”
ชายหนุ่มหัวร่อเบาๆ “หลังเกิดเหตุขึ้นองค์หญิงซีเจียงตรัสว่าหวาเซิ่งตายเพราะไปสอดแนมจวนสกุลหลียามวิกาล ข้าคิดว่ารองเสนาบดีหยางน่าจะส่งคนไปตรวจดูมาแล้ว”
“ข้าละอายใจยิ่งนักๆ” หยางอวิ้นจือมีสีหน้าเก้อกระดาก
“ยังไม่ส่งคนไปตรวจดูอีก” โค่วสิงเจ๋อบอกเสียงขรึม
เจ้าพวกนี้เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ จะให้เขานอนหลับอย่างเป็นสุขก็ไม่ได้!
เจ้าหน้าที่มารายงานผลอย่างว่องไวมาก “เรียนใต้เท้า จากตรอกซิ่งจื่อถึงถนนสายตะวันตกไม่มีคราบเลือดไหลหยดติดอยู่ขอรับ”
“แล้วจุดที่พบศพบนถนนสายตะวันตกเล่า” เซ่าหมิงยวนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
“ตรงนั้นมีเลือดเจิ่งนองกองหนึ่ง แม้ว่าวันนี้เพิ่งชำระล้าง แต่ยังล้างออกไม่หมดขอรับ”
เซ่าหมิงยวนยกยิ้ม “ตอนนี้ใต้เท้าทุกท่านแจ่มแจ้งแล้วกระมัง คนเทถังส้วมบอกว่าเห็นคนสองคนลากศพของหวาเซิ่งมาที่ถนนสายตะวันตกแล้วจากไป ถ้าหวาเซิ่งถูกฆ่าก่อนค่อยลากไปที่ตรงนั้น เหตุใดไม่มีคราบเลือดไหลหยดตลอดทางเล่า เรื่องราวเป็นที่ประจักษ์ชัดอย่างมากว่าหวาเซิ่งถูกลากไปที่ถนนสายตะวันตกก่อนถึงโดนคนปาดคอภายหลัง คนเทถังส้วมพูดเท็จอย่างเห็นได้ชัด!”
“บังอาจนัก เจ้ากล้าพูดจาส่งเดชเชียวรึ!” โค่วสิงเจ๋อตบโต๊ะเต็มแรง ตะคอกใส่คนเทถังส้วม
เขาทรุดฮวบลงกับพื้น “ข้าไม่กล้าพูดจาส่งเดช ไม่กล้าพูดจาส่งเดชจริงๆ ขอรับ ตอนนั้นฟ้ามืดข้าเห็นไม่ชัดเจน บางทีสองคนนั้นลากคนถึงตรงนั้นพร้อมกับลงมือปาดคอ…”
“ท่านโหว เท่าที่ข้ารู้มา สารถีของจวนสกุลหลีผู้นี้เป็นองครักษ์ของท่าน?” เสนาบดีศาลยุติธรรมพลันถามขึ้น
ความนัยของถ้อยคำนี้คือองครักษ์ของกวนจวินโหวผู้ทรงอำนาจจะปาดคอผู้นั้นก็ทำได้ในชั่วพริบตา
เซ่าหมิงยวนหัวเราะทันใด “หัวหน้ากองจางให้ความสนใจเรื่องของข้าอย่างมากอยู่เหมือนกันนะ”
เสนาบดีศาลยุติธรรมแย้มยิ้ม “ได้ยินคนเอ่ยถึงโดยบังเอิญเท่านั้น”
สีหน้าของชายหนุ่มปึ่งชาไปกะทันหัน “หัวหน้ากองจางกล่าวไม่ผิด สารถีของจวนสกุลหลีผู้นี้เป็นองครักษ์ของข้าจริงๆ ทว่านี่ยิ่งยืนยันได้ว่าคนเทถังส้วมผู้นี้พูดเท็จอยู่”
“ท่านโหวกล่าวเช่นนี้หมายถึงอะไร” ทุกคนไม่เข้าใจความหมายของเขา
เซ่าหมิงยวนหัวร่อเบาๆ “หากว่าเป็นองครักษ์ของข้าสังหารคนแล้วถูกคนเทถังส้วมผู้นี้เห็นเข้าจริงๆ ไหนเลยเขาจะมีชีวิตรอดมาได้ ทุกท่านคงไม่คิดว่าองครักษ์ของข้าเป็นพวกเลี้ยงเสียข้าวสุก กระทั่งคนเทถังส้วมเข็นรถเข็นใส่อุจจาระซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลก็ยังจับไม่ได้กระมัง”
ทุกคนนิ่งอึ้งพูดไม่ออกกับคำถามนี้
นั่นสิ แค่กลิ่นตอนคนเทถังส้วมผ่านมา อย่าว่าแต่องครักษ์ของกวนจวินโหว ถึงเป็นคนโง่เขลาก็ยังจับได้
คิ้วเข้มพาดเฉียงเลิกขึ้นน้อยๆ เขาปรายตามองกงอ๋องแวบหนึ่ง “แน่นอนว่ายังมีอีกจุดหนึ่งที่สำคัญที่สุด”
“อะไร” กงอ๋องเอ่ยถามโดยไม่ทันคิด
“อย่างไรก็ดีต่อให้องครักษ์ของข้าเป็นคนสังหารนักสู้ซีเจียงจริงๆ เช่นนั้นเกี่ยวข้องอันใดกับการสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงซีเจียงหรือ” เซ่าหมิงยวนถามช้าๆ อย่างเป็นจังหวะจะโคน
เฉียวเจายืนอยู่ข้างกายชายหนุ่มตลอด ได้ยินเขาพูดจบก็เม้มปากยิ้มบางๆ อย่างสุดระงับ
เดิมทีนางตั้งใจจะเอ่ยปากขึ้น บัดนี้ดูไปแล้วเป็นนางที่กังวลใจโดยใช่เหตุ
คิดไม่ถึงว่าเซ่าหมิงยวนยังเป็นคนมีวาทศิลป์ผู้หนึ่ง
ราวกับคาดเดาได้ว่าเฉียวเจาชมเชยตนอยู่ในใจขณะนี้ เขาลอบกุมมือนางทีหนึ่งแล้วปล่อยออกทันที รอยยิ้มฉายชัดบนใบหน้ามากขึ้น
“หากใต้เท้าทุกท่านอยากรู้ความจริง มิสู้สอบปากคำคนเทถังส้วมผู้นี้ให้ดีๆ ดูซิว่าเขาถูกผู้ใดบงการให้ออกมาเป็นพยานปรักปรำข้า”
“เจ้าหน้าที่ นำตัวคนเทถังส้วมออกไปเค้นถาม!” โค่วสิงเจ๋อกล่าวเสียงห้วน
“ใต้เท้าหลัน หากไม่มีเรื่องอื่นอีก ข้าขอตัวก่อน”
หลันซานมองเซ่าหมิงยวนด้วยสีหน้าเรียบสนิทดุจผิวน้ำ สุดท้ายเขาพยักหน้าเนิบๆ “ท่านโหวเชิญตามสบาย”
“ใต้เท้าหลัน…” กงอ๋องเปล่งเสียงเรียกอย่างไม่ยอมจำนน
หลันซานกล่าว “คำให้การของพยานผู้นี้มีช่องโหว่นับร้อยจริงๆ รอหลังจากเค้นสอบปากคำแล้วค่อยว่ากันอีกที และถึงแม้ท้ายที่สุดพิสูจน์ได้ว่าสารถีของสกุลหลีสังหารนักสู้ของแคว้นซีเจียงจริงๆ แต่เรื่ององค์หญิงโดนปลงพระชนม์ยังต้องดำเนินการสืบสวนลงลึกอย่างละเอียดพ่ะย่ะค่ะ”
กงอ๋องผู้นี้ไร้เดียงสาดีแท้ ต่อให้สารถีของสกุลหลีสังหารนักสู้ซีเจียง อย่าว่าแต่จะเอาตัวกวนจวินโหวไว้ แม้แต่สารถีของเขาก็ยังกุมตัวไว้ไม่ได้เลย
บุกรุกเรือนผู้อื่นยามวิกาลแล้วโดนตีตาย อย่างมากก็แค่ชดใช้ด้วยเงิน แม้นเกี่ยวพันถึงอาคันตุกะต่างแคว้นจะยุ่งยากอยู่บ้าง แต่ไม่มีทางถูกจองจำในคุกหลวง
ได้ยินหลันซานกล่าวเช่นนี้แล้ว กงอ๋องจำต้องพยักหน้า
ก่อนไปเซ่าหมิงยวนเอ่ยเตือนขึ้น “เรื่องนี้มีผลต่อสันติสุขระหว่างสองแคว้น ทางที่ดีใต้เท้าทุกท่านสั่งกำชับผู้ใต้บังคับบัญชาให้รักษาความลับเรื่องคดีองค์หญิงซีเจียงโดนปลงพระชนม์อย่างเข้มงวดจะดีกว่า”
“แน่นอนอยู่แล้ว” ทุกคนพูดประสานเสียงกัน
ไม่คาดว่าถ้อยคำนี้เพิ่งกล่าวไปไม่นานเท่าไร เรื่ององค์หญิงซีเจียงจบชีวิตอย่างอนาถในเรือนรับรองราชอาคันตุกะก็แพร่สะพัดไปทุกตรอกซอกซอยในเมืองหลวงราวกับติดปีก
“คนข้างนอกพูดกันอย่างไรบ้าง” ในห้องหนังสือของเรือนด้านข้างจวนสกุลหลี เซ่าหมิงยวนนวดๆ หว่างคิ้ว
“เรียนท่านแม่ทัพ คนข้างนอกพูดกันว่าท่านโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพราะหญิงคนรัก สังหารองค์หญิงซีเจียงระบายความแค้นให้คุณหนูหลีขอรับ”
เซ่าหมิงยวนหลุบตาดื่มน้ำชาคำหนึ่ง
“ท่านแม่ทัพ ข้าสังเกตเห็นว่าชาวบ้านเหล่านั้นกลับตบมือชอบใจ ไม่มีคนว่าท่านไม่ดีขอรับ”
เซ่าหมิงยวนไม่กล่าวตอบ เขาพูดกำชับ “ไปดูทางคุณหนูหลีมาแล้วหรือยัง”
สิ้นเสียงเขาไม่ทันไรสุ้มเสียงนุ่มเบาของเด็กสาวก็ดังลอยมา “ถิงเฉวียน ข้าได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับสถานการณ์ภายนอกแล้ว”
เซ่าหมิงยวนออกไปจูงมือนางเดินกลับเข้ามานั่งในห้องแล้วบอกให้องครักษ์ออกไป
“เจาเจา เรื่องคราวนี้น่าจะพุ่งเป้ามาที่ข้า คนที่อยู่เบื้องหลังยังต้องมีไม้เด็ดภายหลังอีกเป็นแน่”