หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 660
บทที่ 660
เซ่าหมิงยวนจ้องมองเข็มเงินที่เปลี่ยนสีไปด้วยสีหน้าตึงเครียด
ถ้าหากอาหารวางยาพิษพวกนี้เป็นคนอื่นนำมาให้ เขาจะซ้อนกลอุบาย กินเข้าไปเพื่อสร้างเรื่องว่าเขาโดนยาพิษก็ย่อมได้ เช่นนั้นเขายังได้ออกไปเร็วขึ้น
แต่เผอิญว่าเป็นสตรีรูปโฉมคล้ายกับเจาเจาที่เอาอาหารนี้มาให้ ในสายตาคนภายนอกคนที่ส่งข้าวส่งน้ำให้เขาคือเจาเจา
หากเขาโดนยาพิษก็จะดึงเจาเจาเข้ามาพัวพันด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย
ตอนถูกจับเพราะชาติกำเนิดเปิดเผยออกมา เซ่าหมิงยวนยังไม่แตกตื่น ทว่าเวลานี้เขากลับเริ่มกระวนกระวายใจแล้ว
เขารู้ว่าตนเองต้องได้ออกไป แต่เขากลัวว่าหลังตนออกไปเฉียวเจาจะถูกสลับตัวแล้ว ทั้งยังกลัวว่าอีกฝ่ายจะใช้แผนต้นหลี่ตายแทนต้นท้อเลยลงมือสังหารนางอย่างโหดเหี้ยม
เซ่าหมิงยวนหลับตาลงตรึกตรองชั่วครู่เดียวก็ตะโกนบอก “ข้าต้องการพบเจียงหย่วนเฉา”
“ท่านต้องการพบท่านผู้บัญชาการของพวกข้าหรือขอรับ” ผู้คุมนักโทษคนหนึ่งเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
มาตรว่ากวนจวินโหวจะโดนตีตรวนจำคุก แต่บารมีชื่อเสียงยังคงอยู่ สำหรับคนเหล่านี้แล้วเขายังเป็นผู้ที่น่ายำเกรงดุจเก่า
“ไม่ผิด ข้าอยากพบผู้บัญชาการของพวกเจ้าและต้องพบเดี๋ยวนี้”
เขารู้ดีว่าเจียงหย่วนเฉาคิดอย่างไรกับเจาเจา สำหรับเขาแล้วการก้มศีรษะให้ศัตรูหัวใจเป็นความอัปยศอดสูเหลือแสน แต่ความรู้สึกพวกนี้ล้วนไม่สำคัญเท่าความปลอดภัยของเจาเจา
ในยามที่เขาไม่อาจส่งข่าวถึงองครักษ์ประจำตัว เขาได้แต่ฝากความปลอดภัยของเจาเจาไว้ที่เจียงหย่วนเฉาแล้ว
“เช่นนั้นท่านรอสักครู่ขอรับ” ผู้คุมกล่าวคำนี้แล้วเดินออกไปข้างนอก
เจียงหย่วนเฉาซึ่งยืนอยู่นอกคุกของกององครักษ์จินหลินมองเห็น ‘เฉียวเจา’ เดินออกมา เขาลอบกำมือเป็นหมัดทว่ามิได้ก้าวเข้าไปหา
เขาก็เป็นมนุษย์ผู้หนึ่ง ไม่ว่าเคยทำอะไรเอาไว้ เขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจดุจเดียวกันยามได้รับการปฏิบัติเฉกนี้จากหญิงในดวงใจ
เขาไม่อยากตอกย้ำความรู้สึกเช่นนั้นอีกแล้ว
เจียงหย่วนเฉามองดู ‘เฉียวเจา’ เงียบๆ แต่กลับเห็นว่าหลัง ‘เฉียวเจา’ มองเห็นเขาแล้วก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นย่อเข่าน้อยๆ คำนับเขา
ดวงตาของชายหนุ่มทอประกายเข้มขึ้น เขาจ้องมองแผ่นหลัง ‘เฉียวเจา’ ด้วยท่าทางครุ่นคิด เห็นนางห่างออกไปทุกที เขาพลันส่งเสียงเรียกไว้ “รอประเดี๋ยว”
เด็กสาวที่เดินอยู่ข้างหน้าชะงักเท้ากึก
เจียงหย่วนเฉาก้าวเท้าปราดๆ เข้าไปหยุดยืนขวางหน้านางไว้ด้วยสีหน้าเป็นปกติ
เด็กสาวถูกเขาเพ่งมองก็มีท่าทางตกประหม่าอยู่บ้าง นางกัดริมฝีปากเบาๆ
สายตาของเจียงหย่วนเฉาพลันวาวโรจน์ด้วยไฟโทสะ เขาคว้าข้อมือนางไว้หมับ
“ท่านจะทำอะไร…”
เด็กสาวพูดไม่ทันจบเขาก็สับสันมือใส่หลังคอของนาง
เด็กสาวตัวอ่อนระทวยล้มพับลง
เจียงเฮ่อเบิกตาแทบถลนออกนอกเบ้า “ใต้…ใต้เท้า เช่นนี้ไม่ดีกระมัง”
ถึงแม้ใต้เท้าจะชมชอบคุณหนูหลีมาก แต่กระทำตนเป็นป้าอ๋องขืนน้าวธนู* เช่นนี้ออกจะน่าขายหน้าเกินไป จะสร้างรอยด่างพร้อยให้กับภาพของใต้เท้าผู้ฉลาดปราดเปรื่องและสง่างามในสายตาของผู้คนจริงๆ
เจียงหย่วนเฉาฉุดตัวเด็กสาวขึ้นมาแล้วผลักไปให้เจียงเฮ่อ “ตามข้ามา”
เมื่อร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่นล้มลงมาในอ้อมแขน เจียงเฮ่อเกือบกระโดดหนี
แย่แล้วๆ นี่นับว่าข้าลวนลามคุณหนูหลีหรือไม่ ใต้เท้าจะกลั่นแกล้งข้าเป็นการคิดบัญชีภายหลังหรือไม่ ดีไม่ดีข้าอาจต้องจมปลักอยู่กับการขัดถังส้วมไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ก็เป็นได้
เจียงเฮ่อพยุงเด็กสาวเดินตามเจียงหย่วนเฉาไปอย่างหมดอาลัยตายอยาก
พอเข้าสู่ห้องหนังสือเจียงหย่วนเฉาหมุนกายขวับกลับมากวาดสายตาไปทั่วใบหน้าเด็กสาวแล้วกล่าวเสียงเย็นๆ “ทำให้นางฟื้นขึ้น”
“ขอรับ” เจียงเฮ่ออาจไม่กระจ่างแจ้งว่าเหตุใดใต้เท้าของตนพบเจอคุณหนูหลีก็คล้ายเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แต่เขาไม่กล้าชักช้ารีรอ ดึงๆ แขนเสื้อนางอย่างระมัดระวัง “คุณหนู ท่านตื่นสิ…”
เจียงหย่วนเฉามองอย่างหงุดหงิด หยิบถ้วยน้ำชาบนโต๊ะหนังสือมาสาดน้ำชาที่เย็นสนิทแล้วใส่หน้านาง ถึงตวัดสายตามองผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างปึ่งชา “เบาปัญญา!”
เจียงเฮ่องงงัน “…” ข้าเบาปัญญาจริงๆ ใครก็ได้ช่วยบอกทีว่าใต้เท้าของข้าเป็นอะไรไปกันแน่
เด็กสาวส่งเสียงครางเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ฟื้นสติ
“ฟื้นแล้วรึ” เจียงหย่วนเฉาเลิกคิ้วอย่างเฉยชา “บอกมาว่าเจ้าเป็นใคร”
เด็กสาวตระหนกตกใจ เห็นเขาจับจ้องด้วยสายตากระด้างก็หลุบตาต่ำ “ใต้เท้าพูดอะไรอยู่ ข้าฟังไม่รู้เรื่องเจ้าค่ะ”
เช้ง!
เจียงหย่วนเฉาดึงมีดสั้นตรงเอวออกมา คมมีดแผ่ประกายเย็นเยียบแตะลงบนข้างแก้มเนียนนุ่มของเด็กสาว
“ใต้เท้า…” เจียงเฮ่อตะลึงงัน
เจียงหย่วนเฉาหมุนควงมีดสั้นในมืออย่างฉับไวแล้วกรีดลงบนหน้านางโดยไร้ความปรานีใดๆ
โลหิตสีแดงฉานไหลลงมาตามพวงแก้มขาวผ่อง เด็กสาวร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
เจียงหย่วนเฉาหยิบผ้าสีขาวสะอาดออกมาเช็ดหยดเลือดบนมีดสั้น ใบหน้าเขาเฉยเมย “เจ้าร้องโวยวายได้เต็มที่ ห้องหนังสือของข้ากักเก็บเสียงไว้ได้เป็นอย่างดี อีกอย่างในเวลานี้คนอื่นออกจากที่ว่าการไปหมดแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าเจ้าจะร้องเสียงดัง”
ถึงแม้เขาจะได้สืบทอดตำแหน่งผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลิน กลายเป็นประมุขคนใหม่ของจวนสกุลเจียง แต่กลับไม่อยากอยู่ที่นั่น
ที่นั่นเป็นที่ที่เขาเจริญเติบโต มันเคยอบอุ่นมากเท่าไร บัดนี้ก็หนาวเหน็บมากเท่านั้น
เขาขอใช้ช่วงเวลาหลังจากหมดเวลาราชการอยู่ในที่ว่าการกององครักษ์จินหลินยังดีกว่า
เด็กสาวเจ็บจนตัวสั่นเทา ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมากดแผลบนใบหน้าที่มีเลือดออกจนมือเป็นระวิง นางคิดไม่ถึงว่ามีดสั้นที่ส่องประกายวาววับจะจ่อเข้ามาใกล้ๆ อีกคำรบหนึ่ง
“อย่านะๆ…” เด็กสาวถอยกรูดๆ ดั่งวิหคตื่นธนู
เจียงหย่วนเฉามองเด็กสาวที่ตัวสั่นงันงกแล้วหัวร่อเบาๆ “อย่าหวังว่าข้าจะใจอ่อนกับสตรี บอกมาว่าเจ้าเป็นใคร เหตุใดต้องปลอมตัวเป็นคุณหนูสามสกุลหลี”
เด็กสาวเบิกตากว้างฉับพลัน สีหน้าฉายแววตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก
ท่านอ๋องบอกว่านางมีรูปโฉมประพิมพ์ประพายคล้ายคู่หมั้นของกวนจวินโหว ขอเพียงนางปลอมตัวนำอาหารผสมยาพิษไปให้เขาเพื่อกำจัดเภทภัยมหันต์ให้แก่ชาวซีเจียง นางก็จะเป็นผู้ที่สร้างความดีความชอบใหญ่หลวง
ถึงตอนนั้นนางไม่ต้องอยู่ในฐานะนางรำอีกต่อไป ท่านอ๋องจะแต่งตั้งนางเป็นรองพระชายา
สิ่งล่อใจเยี่ยงนี้นางจะปฏิเสธได้เช่นไร
แต่ว่าเพราะอะไรบุรุษผู้นี้เพียงเห็นนางไกลๆ แวบเดียวก็จับพิรุธนางได้
พอเห็นท่าทางควบคุมสติไม่อยู่ของเด็กสาว เจียงหย่วนเฉาแค่นหัวร่อ “ข้ายังนึกว่าเป็นนางนกต่อที่ผ่านการฝึกฝนมาก่อน คิดไม่ถึงว่าเป็นคนธรรมดาๆ ผู้หนึ่ง”
เด็กสาวมองเจียงหย่วนเฉาอย่างตื่นกลัว
เขาใช้มีดสั้นเชยคางนางขึ้น กล่าวเสียงเยาะๆ “อย่าเข้าใจอะไรผิดๆ ขอเพียงเคราะห์ร้ายตกอยู่ในมือข้า ไม่ว่าจะเป็นนางนกต่อหรือคนธรรมดา ข้าก็ทำให้เหมือนตายทั้งเป็นแบบเดียวกัน”
พอกล่าวถึงตรงนี้เจียงหย่วนเฉาก็ดึงมีดสั้นกลับไปหมุนควงในมือเล่น “เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าพูดได้แล้ว ถ้าสิ้นเปลืองเวลาของข้าอีก ข้าจะกรีดเนื้อบนหน้าเจ้าออกมาทีละชิ้นๆ ไม่ให้เจ้าปลอมตัวเป็นคนอื่นได้อีกต่อไป”
เด็กสาวควบคุมสติไม่อยู่โดยสิ้นเชิงแล้ว “ข้าพูดๆ ข้าเป็นนางรำคนหนึ่งในวังกงอ๋อง…”
ได้ยินนางกล่าวจบใบหน้าของชายหนุ่มละม้ายฉาบด้วยน้ำแข็ง
กงอ๋องดีดลูกคิดรางแก้วได้ดีจริงๆ ให้คนปลอมตัวเป็นคุณหนูเฉียว หลังจากงานสำเร็จยังจะใช้อุบายสวมรอยให้คุณหนูเฉียวกับนางรำผู้นี้สลับตัวกันใช่หรือไม่
น่าเสียดายที่กงอ๋องคาดคำนวณไปได้ร้อยแปดพันเก้า กลับมีจุดเดียวที่คิดไม่ถึงคือเขากับคุณหนูเฉียวหาใช่คนแปลกหน้ากันเสียทีเดียว
แต่ไรมาในสายตาเขานางผู้นั้นมิใช่คุณหนูสามในจวนของอาลักษณ์หลี แต่เป็นเฉียวเจาหลานสาวของจอมปราชญ์อาจารย์เฉียว
“ข้า…ข้าบอกหมดแล้ว ท่านปล่อยข้าไปได้แล้วหรือยัง” เด็กสาวมองเขาอย่างขลาดกลัว
เจียงหย่วนเฉาชายตามองเจียงเฮ่อพร้อมกับพูดเสียงเอื่อยๆ “ลงมือเถอะ”
“เอ๊ะ?”
เจียงหย่วนเฉาขมวดคิ้ว “ต้องให้ข้าพูดเป็นรอบที่สอง?”
เจียงเฮ่อขบกรามแน่นชักมีดสั้นออกมา แต่พอมองเห็นดวงหน้าที่เหมือนกับคุณหนูสามทุกประการของเด็กสาวแล้วเขาก็อดลังเลใจไม่ได้
“อย่าสังหารข้า ขอร้องพวกท่านล่ะ อย่าสังหารข้า…” เด็กสาวถอยหนีด้วยอาการสั่นเทาไปทั้งเนื้อทั้งตัว
เจียงหย่วนเฉาหยิบมีดสั้นในมือเจียงเฮ่อมาแทงเข้ากลางอกเด็กสาวอย่างคล่องแคล่วฉับไว
* ป้าอ๋องขืนน้าวธนู หมายถึงการใช้กำลังบีบคั้นผู้อื่นให้ทำในสิ่งที่ตนต้องการ มีที่มาจากสมัยจั้นกั๋ว ฉู่ป้าอ๋องเซี่ยงอวี่ท้าฮั่นอ๋องหลิวปังให้มาสู้กันตัวต่อตัวแต่หลิวปังปฏิเสธ เซี่ยงอวี่จึงน้าวธนูยิงขู่ขวัญจนหลิวปังได้รับบาดเจ็บ