หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 664
บทที่ 664
กงอ๋องของซีเจียงตาเหลือกหมดสติไป พาให้รุ่ยอ๋องวางหน้าไม่ถูกทันใด “นี่…”
เคยได้ยินแต่เห็นเลือดหรือกลัวความสูงจนเป็นลม ไม่เคยได้ยินว่าเห็นหมอแล้วเป็นลม ยิ่งไปกว่านั้นหมอผู้นี้ยังเป็นสตรีอ่อนหวานนางหนึ่ง
รุ่ยอ๋องอดมองไปทางเด็กสาวไม่ได้
ฝ่ายเฉียวเจาลอบเอะใจ
ชั่วพริบตาที่กงอ๋องเห็นนางเมื่อครู่นี้ สายตาของเขาคล้ายกับเจอผี เรื่องนี้ต้องมีเลศนัยเป็นแน่แท้ แต่นางคาดเดาไม่ออกว่ามันมีเลศนัยที่ตรงใด
“คุณหนูสาม…” รุ่ยอ๋องเปล่งเสียงเรียก
เฉียวเจาคลี่ยิ้ม “ท่านอ๋องไม่ต้องร้อนพระทัยเพคะ”
นางกล่าวจบแล้วหยิบเข็มเงินเล่มหนึ่งออกมาจิ้มตรงง่ามนิ้วโป้งของกงอ๋อง ชั่วประเดี๋ยวเดียวแพขนตาของเขาก็กระพือขึ้นลงเบาๆ ก่อนจะลืมตาขึ้น
เฉียวเจาลอบถอยหลังครึ่งก้าว
“เจ้า…เจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไรๆ” กงอ๋องจ้องเฉียวเจาตาเขม็งพร้อมกับร้องถามซ้ำๆ
รุ่ยอ๋องเห็นกงอ๋องผิดปกติไปอย่างเห็นได้ชัด เขารีบเอ่ยอธิบาย “ท่านอ๋อง ข้าเป็นคนเชิญคุณหนูสามสกุลหลีมาตรวจอาการท่านเอง”
“คุณหนูสามสกุลหลี?” กงอ๋องนิ่งขึงไป แววตาเขาค่อยๆ รับรู้สิ่งรอบข้างทีละน้อย
เฉียวเจาแสดงคารวะต่อกงอ๋องแล้วไต่ถามเสียงเรียบ “ท่านอ๋องทรงจำคนผิดแล้วหรือเพคะ”
กงอ๋องได้ยินคำกล่าวของนางก็แข็งทื่อไปทั้งตัว เขาส่ายหน้าเป็นพัลวันพลางกล่าว “เปล่า เมื่อครู่ข้า…ข้าละเมอ...”
เฉียวเจาแย้มมุมปากออก ไม่เอื้อนเอ่ยวาจาใดอีก
“คุณหนูสาม ข้าเห็นสีหน้าของกงอ๋องไม่สู้ดีนัก ท่านรีบดูอาการให้เขาเถอะ”
เฉียวเจาผงกศีรษะเล็กน้อยแล้วเอ่ยกับกงอ๋อง “ท่านอ๋องยื่นพระหัตถ์มาเพคะ”
ถึงแม้กงอ๋องจะตั้งสติได้แล้ว แต่เห็นชัดว่ายังกริ่งเกรงระวังเฉียวเจาอย่างมาก เขาละล้าละลังครู่หนึ่งถึงยื่นมือออกมาช้าๆ
ยามปลายนิ้วที่เย็นน้อยๆ แตะลงบนข้อมือ กงอ๋องสะดุ้งเฮือกโดยพลัน
เฉียวเจาดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว นางสะกดอารมณ์ชั่ววูบอยากหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดมือไว้ กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “การไหลเวียนเข้าออกของโลหิตเร็วแรง ชีพจรเต้นระรัว มีต้นเหตุมาจากได้รับความตกใจอย่างรุนแรงเพคะ”
กงอ๋องอดหันไปมองรุ่ยอ๋องไม่ได้
รุ่ยอ๋องส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าตนไม่ได้บอกอะไรกับเฉียวเจา
สายตาของกงอ๋องที่มองเฉียวเจาเปลี่ยนแปลงไปอีก
นางรับรู้ได้อย่างเฉียบไวว่าแววตื่นกลัวในดวงตาของเขาเลือนหายไปมาก
“กงอ๋องได้รับความตกใจจริงๆ แต่หลังจากดื่มยาตามใบสั่งยาของหัวหน้าแพทย์หลวงหลี่แล้วก็ยังไม่ดีขึ้น”
เฉียวเจาส่งยิ้มให้รุ่ยอ๋อง “ใบสั่งยาของหัวหน้าแพทย์หลวงหลี่ไม่มีปัญหาแน่นอน แต่ว่า…”
“แต่ว่าอะไร” กงอ๋องเอ่ยถามขึ้นอย่างห้ามใจไม่อยู่
ในสองวันที่ล้มป่วยนี้เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าร่างกายหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อนึกไปถึงการตายของพระขนิษฐา ในใจก็ยิ่งหม่นหมองระคนกระวนกระวาย หวั่นใจว่าจะต้องมาตายอยู่ต่างถิ่น
หากเขากลับไปได้อย่างปลอดภัย เขาจะไม่มาต้าเหลียงอีกแล้ว ที่แห่งนี้เป็นกาลกิณีกับเขาโดยแท้!
“แต่ว่าท่านอ๋องได้รับความตกใจมากเกินไป ขวัญไม่อยู่กับตัว อาศัยตำรับยาธรรมดาๆ ไม่เห็นผลหรอกเพคะ”
พอได้ยินเอ่ยคำว่า ‘ขวัญ’ กงอ๋องแจ่มแจ้งในบัดดล “คุณหนูหลีจะบอกว่าข้าตกใจจนขวัญหนีไปหรือ ทางซีเจียงเราก็มีความเชื่อเช่นนี้อยู่จริงๆ…”
รุ่ยอ๋องแอบกลอกตาขึ้น ตกใจจนขวัญหนีเป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจอะไรนักหนาหรือ แค่นี้ก็ต้องเอาไปโยงกับซีเจียงอีก ช่างอดอยากปากแห้งจนกินไม่เลือกดีแท้!
“หมอเทวดาหลี่เคยสอนวิธีเรียกขวัญให้ หม่อมฉันสามารถลองดูได้เพคะ”
“คุณหนูสามต้องการให้เตรียมอะไรบ้าง”
“ต้องการแค่ห้องที่เงียบสงบไม่มีหน้าต่างและไม่มีคนรบกวนก็พอแล้วเพคะ”
“ไม่มีคนรบกวน?” รุ่ยอ๋องลังเลใจเล็กน้อย
ชายหญิงอยู่ในห้องเดียวกันสองต่อสองไม่ใคร่ดีกระมัง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาคนหนึ่งเป็นกงอ๋องแห่งซีเจียง คนหนึ่งเป็นคู่หมั้นของกวนจวินโหว เขาคงได้ปวดเศียรเวียนเกล้าหนักขึ้นแน่ๆ
“หม่อมฉันจะให้สาวใช้คอยอยู่ช่วยเหลือเพคะ”
รุ่ยอ๋องระบายลมหายใจเฮือกหนึ่ง “เช่นนั้นก็ดี ข้าจะสั่งให้คนจัดเตรียมเดี๋ยวนี้เลย”
แสงไฟในห้องที่ไม่มีหน้าต่างหม่นสลัว กงอ๋องดูกระสับกระส่ายอย่างยิ่ง เขาฝืนข่มความรู้สึกอยากวิ่งออกนอกประตูเอาไว้ เอ่ยถามเสียงแหบพร่า “จุดตะเกียงไม่ได้หรือ”
“ประเดี๋ยวก็จะจุดตะเกียงแล้วเพคะ”
สุ้มเสียงแผ่วเบาเนิบนาบของเด็กสาวดังลอยมา กงอ๋องได้ยินเสียงของนางแล้วจิตใจหาได้สงบลงไม่ กลับยิ่งตึงเครียดมากขึ้น
ภายในห้องพลันสว่างขึ้น เปลวไฟของเชิงเทียนบนโต๊ะส่องแสงวับๆ แวมๆ ตรงข้างโต๊ะ แต่กลับไร้เงาร่างของเด็กสาว
สายตาของกงอ๋องหยุดอยู่ที่เปลวเทียนสีแดงที่เต้นระริกโดยไม่รู้ตัว
“ฟ้ามืดมาก ข้างนอกเงียบเชียบ มีเพียงแสงเทียนในห้องที่ไหววูบวาบ ท่านเพ่งมองมันแล้วค่อยๆ ปล่อยใจลอยไป…”
เสียงพูดของเด็กสาวดังขึ้นอีกคำรบหนึ่ง ไม่เพียงไม่ขัดกับสภาพรอบตัวเฉกนี้ ยังกลมกลืนไปกับบรรยากาศ ส่งผลให้กงอ๋องจดจ่อความสนใจอยู่ที่เปลวเทียนทั้งหมดจนลืมสังเกตว่าใครกำลังพูดอยู่
ปิงลวี่จดจำคำสั่งกำชับของเฉียวเจาจนขึ้นใจ นางเฝ้าอยู่หน้าประตูไม่กล้าแม้แต่หายใจแรงๆ ทว่าสีหน้าฉายแววตกตะลึงอย่างยิ่ง
“ดึกดื่นขึ้นทุกทีๆ แต่ท่านกลับนอนไม่หลับ…”
“ใช่ ข้านอนไม่หลับ…” กงอ๋องกล่าวพึมพำด้วยสีหน้าเลื่อนลอย
“เพราะอะไรท่านถึงนอนไม่หลับ”
“ข้ารอคนอยู่…”
“ดึกป่านนี้แล้วคนที่ท่านรอยังไม่มาอีกหรือ เขาเป็นใคร ไปที่ใด”
“นาง…นางเป็นนางรำผู้หนึ่งในวังข้า ข้าสั่งให้นางนำอาหารไปให้กวนจวินโหวที่คุกของกององครักษ์จินหลิน…”
ปิงลวี่เกือบส่งเสียงร้องอุทานออกมา นางปิดปากไว้แน่นๆ
สีหน้าของเฉียวเจาฉายแววเครียดขรึม แต่น้ำเสียงยังราบเรียบไม่แฝงอารมณ์ใด “เพราะอะไรนางถึงนำอาหารไปให้กวนจวินโหว”
“ในอาหารมียาพิษ ข้าส่งนางไปวางยาพิษกวนจวินโหว…” กงอ๋องตกอยู่ในภายใต้การสะกดจิตของเฉียวเจา เขาบอกทุกอย่างออกมาจนหมดเปลือก “นางมีรูปโฉมเหมือนกับคู่หมั้นของกวนจวินโหวราวกับแกะ ให้นางไปจะต้องไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน...”
เฉียวเจาลอบสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่งก่อนกล่าวอย่างสงบนิ่ง “แต่นางมิได้กลับมา…”
กงอ๋องมีสีหน้าพลุ่งพล่านขึ้นกะทันหัน “นางกลับมาแล้ว มือของนางกลับมาแล้ว! ตอนกลางดึกมีคนเคาะประตู มือของนางวางอยู่ในกล่องอาหารนอกห้อง…มีคนคิดปองร้ายข้า มีคนคิดปองร้ายข้า!”
“ไม่ต้องกลัว มือคู่นั้นถูกโยนทิ้งไปแล้ว ท่านอยู่ในวังรุ่ยอ๋องอย่างปลอดภัย…”
“ข้าปลอดภัยหรือ”
“ใช่ ท่านอยู่ในต้าเหลียงได้อย่างปลอดภัย เพราะว่ามือคู่นั้นไม่อยู่ที่นี่แล้ว”
“แล้วมือคู่นั้นไปอยู่ที่ใด”
เปลวเทียนไหวระริก แสงสว่างภายในห้องสลัวเลือนราง สุ้มเสียงของเด็กสาวแผ่วเบาขึ้นเรื่อยๆ “รอท่านกลับถึงวังของตนเองในซีเจียง ตอนแช่ตัวอยู่ในถังอาบน้ำจะพบมือคู่นั้นยื่นมาจากก้นถังจับขาท่านเอาไว้…”
ฟันของกงอ๋องกระทบกันดังกึกๆ ใบหน้าเขาซีดเผือด
เมื่อเห็นเขาจะควบคุมสติไม่อยู่ เสียงพูดของเด็กสาวอ่อนโยนยิ่งขึ้น “อย่ากลัวๆ ตอนนี้ท่านปลอดภัยดี ท่านอยู่ในวังรุ่ยอ๋อง ที่นี่มีแต่คนที่คุ้มครองท่าน ไม่มีมือคู่นั้น…”
“ไม่มีมือคู่นั้น?”
“ใช่ ไม่มีมือคู่นั้น ตอนนี้ลืมมือคู่นั้นไปเสีย ท่านนอนหลับให้สบาย ทุกๆ เรื่องที่ทำให้ท่านหวาดกลัวล้วนผ่านพ้นไปแล้ว”
เปลือกตาของกงอ๋องเริ่มหนักอึ้งขึ้นทุกทีด้วยความง่วงงุน หลังเวลาผ่านไปราวหนึ่งถ้วยชา เขาก็ทนไม่ไหวแล้วเอนพิงหัวเตียงหลับไปในที่สุด
ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
นานครู่ใหญ่ปิงลวี่ถึงเอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “คุณหนู เขา…เขา…”
เฉียวเจาทำสีหน้าเคร่งขรึม “เขาแค่หลับไป เข้าใจหรือไม่”
ปิงลวี่พยักหน้าหงึกหงัก “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
เฉียวเจาเหลียวมองกงอ๋องที่นอนหลับสนิทบนเตียง เหยียดปากเป็นรอยยิ้มเยาะๆ
ในเมื่อกล้าวางยาพิษบุรุษของนางก็จงรอกลับไปตกใจตายเพราะมือคู่นั้นที่ซีเจียงเถอะ
หึ…ไม่ผิด นางเคยบอกแต่แรกแล้วว่านางเป็นคนใจแคบเจ้าคิดเจ้าแค้นเฉกนี้เอง