หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 666
บทที่ 666
เฉียวเจาได้ยินคำกล่าวของเจียงหย่วนเฉาแล้วสะดุดใจเล็กน้อย
เหตุผลนี้ฟังดูไม่เลวแต่ไม่หนักแน่นพอจะโน้มน้าวใจนางได้
เมื่อนึกไปถึงเรื่องที่ได้รู้จากปากของกงอ๋องแห่งซีเจียงในวันนี้ ดูเหมือนนางจะเข้าใจได้เลาๆ แล้ว
เจียงหย่วนเฉาอาจจะรู้เรื่องนางรำ เช่นนั้นเขาพูดกับนางแบบนี้เป็นการเตือนนางใช่หรือไม่
“ข้ารู้แล้ว ขอบคุณใต้เท้าเจียงมาก” เฉียวเจายอบกายพร้อมกล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าอยากไปพบกวนจวินโหวสักหน่อย หวังว่าใต้เท้าเจียงจะเปิดทางสะดวกให้ด้วย”
เจียงหย่วนเฉาเพ่งมองเฉียวเจาในอิริยาบถย่อเข่าน้อยๆ แล้วลอบทอดถอนใจเฮือกหนึ่ง
วันนั้นตอนเขาเห็นนางรำที่ประพิมพ์ประพายคล้ายกับคุณหนูเฉียว ท้องฟ้ามืดครึ้มและไม่ได้อยู่ในระยะใกล้ๆ แต่เขาอาศัยท่าทางย่อเข่าคำนับของสตรีนางนั้นก็จับได้ทันทีว่านางมิใช่คุณหนูเฉียว
ขณะนี้พอเป็นคุณหนูเฉียวทำท่าย่อเข่าแบบเดียวกัน กลับเผยให้เห็นถึงความไม่ยี่หระและไว้ตัวที่ฝังอยู่ในแก่นแท้อยู่หลายส่วน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางจำผิด
เขาคิดว่าต่อให้คนตรงหน้าเปลี่ยนแปลงรูปโฉมไปสักกี่ครั้ง เขาก็จดจำนางได้เสมอ
“ตามข้ามาสิ”
เจียงหย่วนเฉาผงกศีรษะนิดหนึ่งก่อนก้าวขาออกเดินนำหน้าไปตรงทางเข้าเรือนจำ เขาหยุดที่หน้าประตูแล้วเอ่ยสั่งผู้ใต้บังคับบัญชา “พาคุณหนูหลีเข้าไปและพาออกมาอย่างปลอดภัย หากเกิดข้อผิดพลาดใด เจ้าต้องรับผิดชอบผู้เดียว!”
เฉียวเจามองเขาปราดหนึ่ง นางพยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงขอบคุณถึงค่อยเดินตามองครักษ์จินหลินเข้าสู่เรือนจำ
อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นแล้ว แต่ในเรือนจำยังเย็นเยือกชื้นแฉะดังเก่า ราวกับว่าในนี้เป็นกลางฤดูหนาวที่ชวนให้หดหู่ซึมเซาชั่วนาตาปี ไม่เคยมีฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูร้อนแต่อย่างใด
อยู่ในสถานที่พรรค์นี้นานๆ ถึงเป็นคนปกติก็ล้มป่วยได้ เฉียวเจาคิดคำนึงว่าถึงแม้พิษไอเย็นในตัวเซ่าหมิงยวนจะถูกขับออกหมดไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ยามพบกับกระไอความเย็น ร่างกายเขาจะซึมซับมันไว้ได้เร็วกว่าคนทั่วไปเพราะคุ้นเคยกับสภาพโดยรอบแบบนี้ ส่งผลให้พิษเย็นภายนอกเข้าแทรกได้ง่ายขึ้น นางก็เริ่มเป็นห่วงอย่างห้ามไม่อยู่
“ท่านโหว คุณหนูหลีมาเยี่ยมท่านขอรับ” องครักษ์จินหลินเรียกขานคำหนึ่ง เขานึกถึงว่าเจียงหย่วนเฉาให้ความสำคัญกับเฉียวเจาแล้วแสดงท่าทีสุภาพเกรงใจมากขึ้นหลายส่วน ก่อนจะยืนรออยู่ห่างๆ อย่างรู้กาลเทศะ
เซ่าหมิงยวนหมุนกายมามองนางจากไกลๆ อึดใจหนึ่ง มิได้เดินไปหาทันที
เฉียวเจาเห็นแล้วนึกขัน อ้าปากส่งเสียงเรียก “ถิงเฉวียน”
สุ้มเสียงของเด็กสาวนุ่มนวลอ่อนหวาน เซ่าหมิงยวนรีบสาวเท้าเร็วๆ หลายก้าวไปตรงหน้าลูกกรง ดวงหน้าหล่อเหลากระจ่างตาใต้แสงไฟสลัวๆ แลดูโดดเด่นยิ่งขึ้น “เจาเจา”
“ยื่นมือมา”
เขานิ่งขึงไป
นางยื่นมือผ่านลูกกรงเข้าไป พลางพูดเอ็ดเขา “มัวยืนทื่ออยู่ด้วยเหตุใด”
ชายหนุ่มยื่นมือมา แต่ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ก็หดมือกลับไปเช็ดๆ กับเสื้อถึงยื่นออกไปอีกครั้ง
มือขาวเรียวเล็กของเด็กสาวกลับวางแตะลงบนข้อมือเขา
ท่านแม่ทัพเก้อกระดากไปทันใด มิใช่จะจับมือกันอย่างที่เขาคิดหรือนี่…
“ยังปกติดี” เฉียวเจาตรวจชีพจรเซ่าหมิงยวนแล้วคลายใจลงได้บ้าง
เขาหงายฝ่ามือกุมมือนางพลางกล่าวยิ้มๆ “ข้ากินยาตามเวลาอยู่ วันนี้มาเยี่ยมข้าได้อย่างไร”
ตอนที่จิ้งอันโหวบอกชาติกำเนิดที่แท้จริงกับเซ่าหมิงยวน เขากับนางต่างคาดคะเนได้ล่วงหน้าว่าหนนี้คงถึงคราวเคราะห์ต้องโดนคุมขังในเรือนจำแล้ว อีกทั้งเพราะหยั่งเดาได้ว่าคนที่กระพือไฟอยู่เบื้องหลังน่าจะเป็นเจียงหย่วนเฉา ทั้งคู่จึงตกลงกันไว้ให้เฉียวเจาพยายามอย่ามาที่นี่เท่าที่จะทำได้เพื่อมิให้เกิดปัญหามากขึ้น
“ข้ากลัวท่านเป็นห่วงน่ะสิ” เฉียวเจาบอกตามตรง
ดวงตาของชายหนุ่มทอประกายวูบหนึ่ง “เจ้ารู้แล้วหรือ”
นางพยักหน้ายิ้มๆ “รู้แล้ว วันนี้รุ่ยอ๋องเชิญข้าไปตรวจอาการให้กงอ๋อง”
เซ่าหมิงยวนกุมมือนางแน่นๆ ใบหน้าฉายรอยละอายใจ “ข้าอยู่ในนี้ ปกป้องเจ้าไม่ได้”
“ถิงเฉวียน อย่าเห็นตนเองเป็นเทพเซียนที่ทำได้ทุกอย่างเลย แบบนั้นจะเหนื่อยเกินไป”
ในเมืองหลวงแห่งนี้เขามิใช่แม่ทัพเป่ยเจิงผู้กุมอำนาจใหญ่ไว้ในมือ การชี้เป็นชี้ตายใครสักคนล้วนสุดแท้แต่ใจของโอรสสวรรค์พระองค์นั้น หากพวกหลันซาน เจียงหย่วนเฉา หรือแม้กระทั่งหัวหน้ากองตรวจสอบพิเศษหน่วยขวาเว่ยอู๋เสียจะหาเรื่องเขาก็มิใช่รับมือได้ง่ายดายปานนั้น จะอย่างไรแม่ทัพจะเข้าเฝ้าฮ่องเต้ก็ไม่สะดวกเท่าคนพวกนี้
เซ่าหมิงยวนยิ้มเยาะตนเอง “นั่นสิ มีเทพเซียนที่ไหนกันติดคุกติดตะราง”
เฉียวเจานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง นางลดสุ้มเสียงลงเอ่ยถาม “ถิงเฉวียน ยังต้องอีกนานเท่าไร…”
เขาบีบมือนางเบาๆ กล่าวทอดถอนใจ “ราวครึ่งเดือน ต้องได้ข่าวแน่”
“เช่นนั้นท่านอยู่ในนี้ต้องรักษาตัวให้ดีๆ ไม่ต้องเป็นห่วงข้า” นางพูดถึงตรงนี้แล้วคลี่ยิ้มหวานเผยให้เห็นความน่ารักไร้เดียงสาของเด็กสาวอยู่หลายส่วน “จนถึงตอนนี้ ดูเหมือนคนที่ต่อกรกับข้าล้วนเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากกว่า”
เซ่าหมิงยวนกลั้นยิ้มไม่อยู่ “ถ้าอย่างนั้นเจ้าต้องเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ นะ”
“รู้แล้ว”
“เจาเจา…”
“หือ?”
“รอข้าออกจากคุก พวกเราแต่งงานกันดีหรือไม่”
เรื่องราวในใต้หล้ายากคาดเดา เกิดในยุคที่กษัตริย์ครองอำนาจสูงสุดและกลียุคใกล้อุบัติเฉกนี้ ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เรื่องไม่คาดฝันจะมาเยือนโดยไม่ทันตั้งตัวเมื่อใด
เทียบกับสิ่งที่ไร้ความแน่นอนเหล่านั้น เขาอยากฉกฉวยวันเวลาในปัจจุบันไว้
ชีวิตนี้เขามีความปรารถนาสูงสุดสองอย่าง หนึ่งคือสั่งสอนพวกต๋าจื่อให้ไม่กล้ารุกรานแผ่นดินต้าเหลียงตลอดกาล สองคือตบแต่งเจาจาเป็นภรรยาอยู่ครองคู่กันจนแก่เฒ่าผมหงอกขาว
“ตกลง” เฉียวเจาตอบโดยปราศจากความลังเล
ถ้าพูดว่าเมื่อแรกนางยังไม่เต็มใจยอมรับ แต่หลังจากทั้งสองใกล้ชิดกันในช่วงที่ผ่านมานี้ ความรู้สึกขัดแย้งหวั่นหวาดในจิตใจเหล่านั้นไม่หลงเหลืออยู่แต่แรกแล้ว
การออกเรือนไปอยู่กับเขา นางมิได้สูญเสียอิสรภาพ แต่เพราะมีเขาสนับสนุน นางกลับได้รับอิสรเสรีมากกว่าเดิม
ฝ่ายเซ่าหมิงยวนงงงันไปแล้ว “อะไรนะ”
เขาแอบหยิบต้นขาตนเองทีหนึ่ง
เจาเจาตอบตกลงทันทีเช่นนี้ ข้าต้องหูฝาดไปเองแน่ๆ เลยกระมัง
โอ๊ย…เจ็บ!
พอเห็นชายหนุ่มได้ยินนางตอบตกลงแล้วทำหน้าเบ้ เฉียวเจาก็งงงันไปเหมือนกัน
ทั้งที่เขาขอแต่งงานกับนาง และตอนนี้นางตอบรับแล้ว เขาทำสีหน้าแบบนี้หมายความว่าอะไร
“ข้าอาจต้องใคร่ครวญใหม่เสียแล้ว” เฉียวเจามุ่นคิ้วกล่าว
“ไม่นะ…ไม่ต้องใคร่ครวญแล้ว!” แม่ทัพเซ่าจับมือคู่หมั้นไว้แน่นๆ ไม่ยอมปล่อย ใบหน้าเผยรอยยิ้มกว้าง “ข้าหยิกต้นขาจนเขียวช้ำแล้ว ขืนเจ้ายังใคร่ครวญอีก ข้าไม่เจ็บตัวเปล่าหรือไร”
เฉียวเจามองค้อนเขาวงหนึ่ง “เอาล่ะ ข้าสมควรกลับได้แล้ว”
เขาทำท่าอึกๆ อักๆ
“ยังมีเรื่องใดหรือ”
“เจาเจา ท่านพ่อข้าอายุมากแล้ว ไม่รู้ว่าอยู่ในคุกร่างกายของท่านจะทานทนไหวหรือไม่ เจ้าช่วยไปเยี่ยมท่านแทนข้าทีเถอะ”
กับเจ้าแผ่นดินและอาณาประชาราษฎร์ เขาไม่มีสิ่งใดต้องละอายใจแม้สักนิด มีเพียงบิดาที่เสี่ยงชีวิตปกป้องเขาตั้งแต่เยาว์วัยจนเติบใหญ่กับภรรยาที่เสียไปแล้วได้คืนกลับมา ทั้งสองคือคนที่เขารู้สึกผิดด้วยมากที่สุด
เฉียวเจาพยักหน้าเงียบๆ นางบอกเขาเสียงแผ่วเบาคำหนึ่งว่า “ถนอมตัวด้วย”
จากนั้นนางก็เดินตามองครักษ์จินหลินจากไป
เซ่าหมิงยวนมองตามเด็กสาวที่ลับร่างไปที่หน้าประตูอย่างเหม่อลอยครู่หนึ่ง ถึงกลับไปนั่งลงตรงข้างกำแพงห้องขัง เขาถูๆ หน้าแล้วเริ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับตนเอง
ติดคุกครั้งเดียวก็ได้ภรรยามาหนึ่งคน ข้าได้กำไรครั้งใหญ่แล้วจริงๆ