หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 68
เฉียวเจานั่งตัวตรงทันควันไม่ปล่อยตัวตามสบายอีก กวนจวินโหวไปที่จวนเสนาบดีโค่วหรือ หลังจากนั้นล่ะ
เขาไปที่เรือนท่านตาเพื่อ…แจ้งข่าวการตายหรือ
เซ่าหมิงยวนต้องได้พบกับพี่ใหญ่เป็นแน่!
เพียงคิดถึงความเป็นไปได้นี้ เฉียวเจาก็ยากจะรักษาความใจเย็นไว้ได้อยู่สักหน่อย
อาจูกลับตอบไม่ได้ นางส่ายหน้าพลางกล่าว ข้าได้ยินมาแค่นี้เจ้าค่ะ ซ้ำยังเป็นเพราะพวกท่านป้าเดิมพันกันว่ากวนจวินโหวไปจวนเสนาบดีจะโดนไล่ตีออกมาหรือไม่
ไม่โดน เฉียวเจากลับมาสุขุมหนักแน่นดุจเก่า นางเห็นสายตากังขาของอาจูจึงพูดอธิบาย กวนจวินโหวยิงธนูสังหารภรรยาเฉียวซื่อ เป็นการทำเพื่อบ้านเมือง เสนาบดีโค่วเป็นขุนนางคนสำคัญของราชสำนักต้องไม่สร้างความลำบากใจให้เขา
นางอาจกล่าวพินิจพิเคราะห์ถึงท่าทีของญาติพี่น้องต่อเรื่องที่นางถูกสามีสังหารกับมืออย่างเยือกเย็นได้ แต่กลับบรรยายความรู้สึกในใจตนเองไม่ถูก
ท่านตาคงไม่ตำหนิโทษเซ่าหมิงยวนอย่างแน่นอน แต่พี่ใหญ่เล่า
เฉียวเจาจมอยู่ในภวังค์ความคิดไม่เอื้อนเอ่ยวาจาต่อ
อาจูเห็นเช่นนั้นก็ถอยออกไปเงียบๆ
จวนเสนาบดีโค่ว
เพราะเสนาบดีโค่วกับบุตรชายไปประชุมขุนนางแต่เช้า พอคนในจวนได้ยินว่ากวนจวินโหวมาเยี่ยมคารวะ คนที่ต้อนรับเขาคือฮูหยินผู้เฒ่าเซวียกับลูกสะใภ้ใหญ่เหมาซื่อ
เซ่าหมิงยวนสวมเสื้อคลุมสีขาวกลางเก่ากลางใหม่ เขาเห็นฮูหยินผู้เฒ่าก็แหวกชายเสื้อคลุมไปด้านข้างคุกเข่าลงข้างหนึ่งทันที หลานเขยหมิงยวนขอคำนับท่านยายและท่านป้าสะใภ้ขอรับ
ชายหนุ่มรูปโฉมคมคายหมดจด เมื่อเก็บงำรังสีพิฆาตของนักรบผู้อาจหาญอหังการไว้ ก็ดูคล้ายคุณชายสูงศักดิ์ในตระกูลใหญ่ที่มีวิชาความรู้สูง คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าผู้อาวุโสอย่างเคารพนบนอบ
ฮูหยินผู้เฒ่าเซวียนิ่งเงียบไปเป็นเวลานาน
คนหนุ่มซึ่งคุกเข่าบนพื้นก็มิได้มีสีหน้าร้อนรนสักน้อยนิด ทั้งปราศจากท่าทางภาคภูมิใจที่ได้บรรดาศักดิ์เป็นโหวตั้งแต่วัยหนุ่ม แม้เวลาล่วงผ่านไปทีละน้อยทีละนิด เขายังคงอยู่ในอิริยาบถคุกเข่าโดยไม่กระดิกตัว
สาวใช้วัยเยาว์ที่รอรับใช้ในห้องต่างมองไปทางท่านโหวหนุ่มผู้หล่อเหลาไม่เป็นสองรองใครท่านนี้ซ้ำๆ อย่างอดใจไม่อยู่
นี่คือสามีของคุณหนูเฉียวของพวกนางเอง หน้าตาช่างหล่อเหลาเหลือเกิน ทั้งมีความสามารถล้ำเลิศ น่าเสียดายแค่ว่าคุณหนูของพวกนางไร้วาสนา…
ช่างเถิด ท่านโหวลุกขึ้นเถอะ ฮูหยินผู้เฒ่าเซวียปริปากขึ้นในที่สุด
เซ่าหมิงยวนไม่ขยับ ข้ารู้ตัวว่าเป็นคนบาปหนา ไม่กล้าขอให้ท่านยายอภัยให้ เพียงอยากวิงวอนท่านยายโปรดอนุญาตให้ข้าพบกับพี่ชายภรรยาสักคราขอรับ
ท่านโหวอยากพบเฉียวโม่หรือ
ขอรับ หีบศพของภรรยาข้าตั้งอยู่ในจวนจิ้งอันโหว ข้าอยากบอกเรื่องนี้ต่อเขาด้วยตนเอง
เฉียวโม่เขา… ฮูหยินผู้เฒ่าเซวียอ้ำๆ อึ้งๆ สุดท้ายก็ส่ายหน้าพลางกล่าวทอดถอนใจ ช่างเถิด ชิ่งมามา พาท่านโหวไปพบคุณชายเฉียว
สาวใช้วัยราวสี่สิบห้าสิบผู้หนึ่งเดินมา เชิญท่านโหวตามข้ามาเจ้าค่ะ
เซ่าหมิงยวนโขกศีรษะให้ฮูหยินผู้เฒ่าเซวียทีหนึ่งถึงลุกขึ้นตามชิ่งมามาออกไป
เขาเพิ่งออกไป มีเด็กสาวชุดสีเขียวนางหนึ่งก้าวออกมาจากหลังฉากกั้น
ชิงหลัน! เหมาซื่อขมวดคิ้ว
เด็กสาวชุดสีเขียวเป็นบุตรสาวคนรองของเหมาซื่อ นามโค่วชิงหลัน
โค่วชิงหลันไม่กลัวเสียงดุของมารดาอย่างเห็นได้ชัด หมุนกายยื่นมือไปดึงเด็กสาวกระโปรงสีน้ำเงินจากด้านหลังฉากกั้นออกมาอีกคน
เด็กสาวกระโปรงสีน้ำเงินอายุมากกว่าโค่วชิงหลันเล็กน้อย พอถูกนางดึงตัวออกมาเช่นนี้ก็ใบหน้าแดงเรื่อ ขึงตาใส่นางพลางพูด น้องชิงหลัน ปล่อยมือเร็วเข้า
โค่วชิงหลันกล่าวด้วยรอยยิ้มละไม พี่จื่อโม่อย่าขุ่นใจไปเลย ข้าปล่อยมือก็สิ้นเรื่อง
เมื่อน้องสาวปล่อยมือแล้ว เด็กสาวกระโปรงสีน้ำเงินยอบกายคำนับฮูหยินผู้เฒ่าเซวียกับเหมาซื่ออย่างแช่มช้อย ท่านย่า ท่านแม่
เหมาซื่อถอนใจเฮือก จื่อโม่ ไยเจ้าถึงทำตัวเหลวไหลตามน้องสาวไปด้วย
ไม่รอให้โค่วจื่อโม่อ้าปากกล่าววาจา โค่วชิงหลันก็ชิงพูดตัดหน้า ท่านแม่ ท่านอย่าตำหนิพี่ใหญ่เลย เป็นข้าสนใจใคร่รู้อย่างมากว่ากวนจวินโหวที่รบไม่เคยแพ้ท่านนั้นมีรูปโฉมโนมพรรณเป็นเช่นไร ถึงได้ชวนพี่ใหญ่มาดูเจ้าค่ะ
สุ้มเสียงของเด็กสาวดั่งเสียงนกขมิ้น นางบอกกล่าวจุดประสงค์ของตนโดยไม่ปิดบังแต่อย่างใด กลับทำให้เหมาซื่อจนปัญญา ได้แต่หันหน้าไปเอ่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าเซวีย ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ ล้วนเป็นข้าที่ตามใจเด็กสองคนนี้จนเหลิงเอง…
ฮูหยินผู้เฒ่าเซวียส่ายหน้าแล้วกล่าว พวกนางอยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็น ก็มิใช่เรื่องแปลกอันใดที่จะอยากเห็นหน้าท่านโหวชื่อดังลือลั่นผู้นั้น ว่าแล้วก็มองหลานสาวสองคน สีหน้าหญิงชราขรึมลง
แต่วันหน้าห้ามทำอย่างนี้อีกนะ ถึงแม้ญาติผู้พี่ของเจ้าจากไปแล้ว ทว่าเขายังได้ชื่อว่าเป็นพี่เขยของพวกเจ้าอยู่ เกิดแพร่ออกไปคงทำให้คนว่ากล่าวเอาได้ว่าจวนเสนาบดีโค่วไร้ธรรมเนียม
โค่วชิงหลันแลบลิ้น ข้าสำนึกผิดแล้วเจ้าค่ะ ข้าแค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้นเอง
ฮูหยินผู้เฒ่าเซวียมองเหมาซื่อแวบหนึ่ง เหมาซื่อ พาพวกนางออกไปเถอะ
นางเข้าใจความหมายของมารดาสามีได้ ขณะนี้กวนจวินโหวยังอยู่ในจวน ปล่อยให้พวกคุณหนูเดินไปเดินมาตามชอบใจก็ไม่เหมาะไม่ควรจริงๆ
เพียงทว่า…
เหมาซื่อคิดไปถึงแม่ทัพหนุ่มที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเซวียเมื่อครู่นี้ ค่อยมองบุตรสาวที่รูปโฉมดุจบุปผาดั่งหยกงามสองนางอีกคราหนึ่ง จิตใจของผู้เป็นมารดาก็สั่นคลอน
กวนจวินโหวผู้นี้รู้ธรรมเนียมมารยาทดีกว่าที่นางนึกภาพไว้ เพิ่งอายุยี่สิบเศษก็ได้รับตำแหน่งบรรดาศักดิ์สูงส่ง ภายภาคหน้าต้องมีอนาคตรุ่งโรจน์ก้าวไกล จะว่าไปแล้วก็เป็นบุตรเขยดีๆ ที่หาได้ยาก
ท่านพ่อสามีใกล้จะเกษียณอายุราชการรอมร่อ ตำแหน่งของสามีนางก็ไม่เลื่อนไม่ลดมาโดยตลอด ถึงเวลาเรื่องคู่ครองของบุตรสาวก็จะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เลือกคนสูงศักดิ์ก็ไม่ได้คนต่ำศักดิ์ก็ไม่ดีแล้ว
เหมาซื่อเก็บความคิดนี้ไว้ในใจ พาบุตรสาวสองคนกลับถึงเรือนแล้วส่งบ่าวรับใช้ไปสืบความเคลื่อนไหวที่เรือนพำนักของหลานชาย
ชิ่งมามานำทางเซ่าหมิงยวนไปยังเรือนหลังหนึ่งในมุมทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจวนเสนาบดี
เรือนชื่อว่า ‘ทิงเฟิง’ หลังนี้ตั้งแยกออกมาไกลมาก เงียบเชียบวังเวงจนได้ยินเสียงใบไผ่ต้องลมดังซ่าๆ
ชิ่งมามาหยุดฝีเท้า กล่าวอย่างอ่อนน้อม ท่านโหวโปรดรอสักครู่ คุณชายเฉียวไม่ใคร่สะดวกใจจะพบคน ข้าเข้าไปขออนุญาตก่อนนะเจ้าคะ
รบกวนด้วย เซ่าหมิงยวนยืนรออย่างสงบในลานเรือน
ผ่านไปครู่หนึ่งมีเสียงความเคลื่อนไหวดังลอยมา เซ่าหมิงยวนเหลือบตาขึ้นก็แลเห็นบุรุษหน้าหยกแห่งสกุลเฉียวซึ่งเคยมีโอกาสพบหน้ากันคราหนึ่งกำลังสาวเท้าก้าวใหญ่เดินมาหา
ชายหนุ่มที่เดินมาสวมชุดสีขาวตัดกับผมสีดำ ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้ามีสีแค่สองสีนี้ เห็นท่วงทีกิริยาของเขาเพียงรู้สึกว่าสง่าผึ่งผายอย่างหาที่เปรียบมิได้ แต่ครั้นสายตาหยุดที่ใบหน้าซีกซ้ายของเขา กลับชวนให้บังเกิดความหวาดกลัวคล้ายเผชิญหน้ากับปีศาจดุร้ายโหดเหี้ยมทันใด
ถึงจะเคยเห็นคุณชายเฉียวในสภาพนี้มาก่อนแล้ว ชิ่งมามายังคงก้มหน้าหลุบตาลงไม่กล้ามองซ้ำ นางคิดคำนึงในใจ
คุณชายเฉียวเสียโฉมแล้วหน้าตาเหมือนปีศาจร้าย เหตุใดไม่ปกปิดสักหน่อยนะ
พริบตาเดียวเฉียวโม่ก็หยุดยืนตรงหน้าเซ่าหมิงยวน
นัยน์ตาสีดำสนิททั้งคู่ที่ยังสุกใสดุจเดิมของเขาสงบลุ่มลึก ยามมองมาอย่างนี้ เบื้องหน้าเซ่าหมิงยวนละม้ายมีภาพดวงตาคล้ายคลึงกันคู่หนึ่งผุดวาบขึ้นกะทันหัน
ตอนเฉียวซื่อภรรยาของเขายืนอยู่บนกำแพงเมืองแล้วสบตากับเขาอยู่ไกลๆ สายตาของนางก็กระจ่างใสสงบนิ่งเยี่ยงนี้
เพลานั้นเขาไม่กล้ามองซ้ำแม้แต่แวบเดียว กลับไม่รู้ว่าสายตาเพียงแวบนั้นจะประทับฝังลงกลางใจ ไม่กล้าลืมเลือนตลอดไป
พี่เฉียวโม่… เซ่าหมิงยวนเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน เสียงของเขาแหบต่ำ
แววตาสงบนิ่งเฉยคู่นั้นพลันแปรเปลี่ยนไป เสียงกังวานใสของบุรุษที่นุ่มนวลดุจสายน้ำประหนึ่งลมพัดผ่านป่าไผ่ เซ่าหมิงยวน?
ขอรับ
น้องเขยข้า สามีของน้องสาวคนโตของข้า เซ่าหมิงยวน?
เป็นข้าเอง เซ่าหมิงยวนเปล่งเสียงอย่างชัดถ้อยชัดคำ ทั้งที่แทบยืนอยู่ไม่ไหว แต่เขาจำต้องยืนนิ่งตัวตรง ตอบคำถามซักไซ้ที่ง่ายดายทว่าหนักอึ้งจากญาติสนิทมากที่สุดในโลกของเฉียวซื่อ
ท่านไม่ได้ปกป้องน้องสาวข้าให้ดี
ถูกต้อง
ข้าถามท่านสักคำ ท่านยิงธนูสังหารน้องสาวข้าเคยนึกเสียใจหรือไม่
เซ่าหมิงยวนนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจก่อนตอบ ไม่นึกเสียใจ
ถึงย้อนเวลากลับไปได้ เขาก็ยังคงตัดสินใจเลือกทำอย่างนั้น
แม้นไม่นึกเสียใจ ทว่ารู้สึกผิด
รู้สึกผิดไปชั่วชีวิต!
เพียงแต่ถ้อยคำนี้ เขาไม่มีสิทธิ์พูดกับญาติพี่น้องของเฉียวซื่อ
ดีมาก เฉียวโม่ยกกระบี่ในมือขึ้นแทงไปตรงกลางอกเซ่าหมิงยวนทันที