หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 681
บทที่ 681
หลิวซื่อฟังหลีกวงซูกล่าวเช่นนี้ก็ไม่พึงใจ นางพูดเสียงดังขึ้นว่า “แม่เด็กน้อยผู้หนึ่งพูดจาส่งเดชหมายถึงอะไร คุณหนูสามเป็นแม่เด็กน้อยหรือ”
“ไม่ใช่แม่เด็กน้อยแล้วเป็นอะไร ข้าจำได้ว่านางยังไม่ปักปิ่นกระมัง” หลีกวงซูย้อนถาม
หลิวซื่อซึ่งโมโหโทโสอยู่ได้สติในชั่วอึดใจ ใช่ ข้าลืมไปได้อย่างไรว่าคุณหนูสามยังอายุน้อยอยู่จริงๆ
แต่หมายจะให้หลิวซื่ออ่อนข้อให้ในเรื่องของเฉียวเจานั้นเป็นไปไม่ได้อย่างเห็นได้ชัด “ท่านพี่อย่าลืมว่าคุณหนูสามเป็นลูกศิษย์ของหมอเทวดาหลี่นะ!”
“ลูกศิษย์ของหมอเทวดาหลี่แล้วมีอันใด เด็กสาวที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวผู้หนึ่งอย่างนาง ต่อให้ร่ำเรียนวิชาแพทย์ตั้งแต่อยู่ในท้องมารดา เชี่ยวชาญสักด้านใดด้านหนึ่งได้ก็ยอดเยี่ยมแล้ว หรือว่ายังเทียบเคียงหมอเทวดาได้ นอกเหนือจากนี้นางยังไม่ออกเรือน จะรู้เรื่องตั้งครรภ์คลอดบุตรได้อย่างไร” หลีกวงซูเข้าใจสภาพร่างกายของหลิวซื่อดีกว่าใครๆ
เมื่อครั้งที่คลอดหลีฉาน ร่างกายของหลิวซื่อได้รับความกระทบกระเทือน ยามนั้นสองสามีภรรยายังรักใคร่กันลึกซึ้ง เขาเชิญหมอมาตรวจอาการของนางนับไม่ถ้วน ต่างวินิจฉัยว่านางไม่อาจตั้งครรภ์ได้อีกชั่วชีวิต บัดนี้ไฉนถึงมีครรภ์อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ซ้ำยังได้ยินจากแม่นางน้อยผู้หนึ่ง!
หลีกวงซูคิดเรื่องพวกนี้แล้วรู้สึกว่าไร้สาระน่าขันสุดจะเปรียบ
หลิวซื่อแค่นหัวเราะ “หากเป็นอย่างท่านพี่กล่าว พวกหมอหลวงที่ตรวจโรคให้พวกพระสนมในวังหลวงก็มิใช่สตรี เหตุใดถึงรู้เรื่องตั้งครรภ์คลอดบุตร”
“เจ้า…” หลีกวงซูทำหน้าตึงตั้งท่าจะโต้เถียง แต่เปล่งเสียงออกมาได้คำเดียวก็พูดต่อไม่ออกแล้ว
เพราะอะไรเหตุผลของสตรีผู้นี้ถึงสมเหตุสมผลเฉกนี้
ไม่…ไม่…ข้าจะให้นางพาออกนอกเรื่องไม่ได้
“ข้าไม่เอาชนะคะคานกับเจ้าด้วยวาจา เจ้าลองนับวันที่พวกเราร่วมหอกันให้ดีๆ ต่อให้ตั้งครรภ์ จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะตรวจออกได้ในตอนนี้”
หลิวซื่อนิ่งขึงไป
นับแต่พี่สะใภ้ใหญ่ให้กำเนิดบุตรชาย นางเริ่มดื่มยาตามที่คุณหนูสามสั่งกำชับไว้ ทั้งสองก็ไม่เคยอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยาเลย ต่อมาคุณหนูสามบอกว่าร่างกายนางฟื้นฟูได้พอสมควรแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของเขากับนางก็ย่ำแย่ถึงขั้นนั้น หลีกวงซูไม่เป็นฝ่ายเริ่มต้น นางย่อมวางศักดิ์ศรีลงไม่ได้เป็นธรรมดา
นับไปนับมาสองสามีภรรยาเคยมีสัมพันธ์ทางกายกันครั้งเดียวเท่านั้น
ในกาลก่อนหลีกวงซูดีต่อนางไม่เลว เคยเชิญกระทั่งหมอหลวงที่เชี่ยวชาญโรคของสตรี ท่านหมอเหล่านั้นล้วนบอกว่านางไม่มีทางตั้งครรภ์ได้อีก ต่อให้วิชาแพทย์ของคุณหนูสามจะบรรลุขั้นสุดยอด แต่นางในสภาพเยี่ยงนี้ได้ร่วมหอกับสามีครั้งเดียวเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นเวลาสั้นๆ…
ไม่ถูก เรื่องของคุณหนูสามจะอธิบายด้วยเหตุผลทั่วไปมิได้!
หลิวซื่อตั้งสติได้ก็ปัดความหวั่นไหวน้อยนิดลึกๆ ในใจทิ้งไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าของนางเริ่มฉายแววมั่นใจ “ไม่ว่าจะพูดเช่นไรก็ตาม คุณหนูสามบอกว่าข้ามีครรภ์ เช่นนั้นต้องไม่ผิดเป็นแน่แท้”
“เจ้า…เจ้าคงมิใช่โดนแม่เด็กน้อยผู้นั้นมอมเมาจนหลงผิดไปแล้ว” หลีกวงซูรู้สึกมากขึ้นทุกทีว่าหลิวซื่อสติไม่ดี
สตรีโฉดเขลาเยี่ยงนี้ เมื่อก่อนข้าเคยมอบใจให้นางได้อย่างไร หากเป็นปิงเหนียง…
เมื่อคิดถึงปิงเหนียง หลีกวงซูเจ็บแปลบกลางอก เขายิ่งรู้สึกชังน้ำหน้าสตรีเบื้องหน้ามากขึ้น
“ได้ เจ้าจะเชื่อคำพูดของหลานเจาก็ได้ ข้าจะเชิญหมอมาตรวจเจ้าดู” หลีกวงซูทำหน้าเย็นชากล่าวคำหนึ่งทิ้งท้ายก่อนสะบัดแขนเสื้อออกไป
หลีกวงซูซึ่งมีไฟโทสะสุมอกอยู่เชิญท่านหมอจากโรงหมอเต๋อจี้มาโดยไม่รอช้า
มาตรว่าหลิวซื่อจะรู้สึกว่าหลีกวงซูทำอะไรไม่เข้าเรื่อง แต่หมอมาถึงที่แล้วนางไม่มีความจำเป็นอันใดต้องโยกโย้บ่ายเบี่ยง นางยื่นข้อมือไปให้ท่านหมอจับชีพจรโดยไม่กระบิดกระบวน
ท่านหมอของโรงหมอเต๋อจี้เป็นชายชราวัยเกือบหกสิบปี เขาลูบเคราขาวโพลนพลางไตร่ตรองอยู่เป็นนานถึงเอ่ยอย่างฉงนใจ “ลักษณะการเต้นของชีพจรท่านหาใช่ตั้งครรภ์ไม่”
เมื่อคำกล่าวนี้ดังขึ้น หลีกวงซูเผยสีหน้าเป็นเชิงว่า ‘เหมือนที่คาดไว้ไม่ผิด’ ด้านหลิวซื่ออึ้งงันไป
“ท่านหมอตรวจผิดแล้วกระมัง” หลิวซื่อโต้แย้งโดยไม่ทันหยุดคิด
ท่านหมอชราไม่พึงใจ “ข้าเป็นหมอหลวงมาทั่วชีวิต แม้ว่ายามนี้จะเกษียณราชการแล้ว แต่ยังไม่ลืมวิชาแพทย์ไปจนหมดสิ้น ข้าจะตรวจอาการนี้ผิดได้อย่างไร สตรีมีครรภ์ ชีพจรคล้ายเม็ดไข่มุกกลิ้งบนถาดหยก แต่ของฮูหยินเป็นชีพจรปกติ แล้วบอกว่ามีครรภ์จากที่ไหนกัน”
หลิวซื่อฟังแล้วไม่พอใจเหมือนกัน “ข้าให้ท่านหมอคนอื่นตรวจดูแล้ว ในเมื่อท่านกล่าวเช่นนี้ก็เชิญกลับไปเถอะ”
ผู้เป็นหมอทนฟังไม่ได้มากที่สุดก็คือคำนี้ เขาพูดอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง “ตกลงว่าเป็นหมอเถื่อนจากไหนกันที่หลอกลวงฮูหยินอย่างนี้ ท่านบอกได้หรือไม่เขาอยู่โรงหมอแห่งไหน ชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร ข้าจะถ่มน้ำลายใส่เขาสักคำ! คนพรรค์นี้เป็นจุดด่างพร้อยของเหล่าผู้เป็นแพทย์จริงๆ!”
ส่วนหลิวซื่อทนฟังคนอื่นคลางแคลงใจในตัวเฉียวเจาไม่ได้มากที่สุด ทว่านางยังมีสติอยู่มิได้บอกนามของเฉียวเจาออกมา แต่ตะเบ็งเสียงบอก “ส่งแขก!”
ท่านหมอชราถลึงตาใส่ด้วยความโกรธจนหนวดกระดิก เขาพูดกับหลีกวงซูอย่างโกรธเกรี้ยว “วันหลังใต้เท้าหลีจะเชิญหมอ โปรดไปเชิญผู้มีความสามารถที่อื่น อย่าเหยียบย่างเข้าประตูโรงหมอเต๋อจี้ของข้าอีก”
โรงหมอเต๋อจี๋เป็นท่านหมอชราก่อตั้งขึ้นเอง เขายังมีลูกหลานในเรือนเป็นหมอหลวงอีกหลายคน ตามธรรมดาตระกูลขุนนางทั่วไปล้วนเชิญหมอของโรงหมอเต๋อจี้มาตรวจอาการ หากล่วงเกินพวกเขาไปแล้ว วันหลังจะเป็นเรื่องยุ่งยากจริงๆ
หลีกวงซูเห็นท่านหมอชราโมโหถึงขนาดนี้ก็รีบเอาน้ำเย็นเข้าลูบ “ท่านหมออย่าไปฟังภรรยาข้าพูด นางไม่มีบุตรมานานเลยอยากมีจนเสียสติไปแล้วถึงได้เสียมารยาทเฉกนี้ขอรับ”
ท่านหมอชราอารมณ์เย็นลงบ้างทว่ายังไม่เลิกรา “ข้าเข้าใจความรู้สึกเช่นนี้ของนางได้ แต่เจ้าหมอเถื่อนนั่นไร้คุณธรรมเกินไป ใต้เท้าหลีบอกข้ามาว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ข้าไม่อาจมองดูพวกเศษสวะเยี่ยงนี้ปะปนอยู่ในหมู่ชนผู้เป็นหมอ อีกทั้งปล่อยให้เขาต้มตุ๋นหลอกลวงต่อไป”
“เหตุใดท่านหมอถึงพูดจาระคายหูอย่างนี้” หลิวซื่อโมโหเจียนตาย
หลีกวงซูรู้สึกอับอายขายหน้า ไม่อยากให้ท่านหมอชราหัวเราะเยาะอีก จึงกล่าวล่อหลอกว่า “จะบอกนามของพวกไร้จรรยาของแพทย์อย่างนั้นออกมาให้หงุดหงิดใจไปไย ประเดี๋ยวข้าสั่งสอนคนผู้นั้นให้เข็ดหลาบสักตั้งเป็นอันสิ้นเรื่อง ท่านหมอเชิญกลับเถอะขอรับ”
“พี่เจามิได้ไร้จรรยาของผู้เป็นแพทย์สักหน่อย ที่ท่านแม่ตั้งครรภ์ล้วนเป็นเพราะพี่เจานะ…”
คุณหนูสี่หลีเยียนกับคุณหนูหกหลีฉานจะมาอยู่เป็นเพื่อนหลิวซื่อ พวกนางอยู่ที่หน้าประตูเลยได้ยินทั้งหมดพอดี หลีฉานแก้ต่างแทนเฉียวเจาสองคำอย่างเหลืออด ฝ่ายหลีเยียนรีบปิดปากน้องสาวทว่าไม่ทันการณ์แล้ว
หลีกวงซูได้ยินคำพูดของบุตรสาวคนเล็กแล้วงุนงงอยู่สักหน่อย หลิวซื่อมีครรภ์ได้เพราะคุณหนูสาม? ไฉนเขาไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลย ตกลงว่าเด็กผู้นี้เป็นบุตรสาวใครกันแน่
หลีกวงซูค่อนแคะในใจสองสามคำ เขาเห็นท่าทางเป็นเดือดเป็นแค้นแทนเฉียวเจาของบุตรสาวคนเล็กแล้วเริ่มปวดเศียรเวียนเกล้า
บุตรสาวสองคนถูกสตรีเบาปัญญาเฉกหลิวซื่ออบรมเลี้ยงดูจนออกนอกลู่นอกทางไปแล้ว!
ท่านหมอชราทำหน้าฉงนใจ “คุณหนูสามของจวนท่านตรวจให้ท่านหรือ”
หลิวซื่อขึงตาใส่บุตรสาวคนเล็ก
นางเคยกำชับบุตรสาวทั้งคู่แต่แรกแล้วว่าอย่าเอ่ยเรื่องของคุณหนูสามกับคนภายนอกสุ่มสี่สุ่มห้า คิดไม่ถึงว่าฉานเอ๋อร์จะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่อย่างนี้
หลีฉานรู้ตัวว่าทำให้มารดาไม่พอใจ นางก้มหน้าลงไม่กล้าปริปากพูดแล้ว
“เป็นคำพูดล้อเล่นของพวกเด็กสาว ท่านหมออย่าถือสาหาความกับเด็กผู้หนึ่งเลยนะขอรับ” หลีกวงซูกล่าวคลี่คลายสถานการณ์
ท่านหมอชราโคลงศีรษะไม่หยุด “คำพูดของเด็กผู้หนึ่งยังถือเป็นจริงเป็นจังอีก เรื่องเหลวไหลพรรค์นี้ ข้าเพิ่งเคยได้ยินได้ฟังเป็นครั้งแรก” ว่าแล้วเขาก็สะบัดแขนเสื้อออกไป
หลีกวงซูแค่นยิ้มอย่างโกรธจัด “อับอายขายหน้าไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ตอนนี้เจ้าพอใจแล้วสินะ”
หลิวซื่อไม่ลดราวาศอกแม้แต่น้อยนิด “เป็นใครทำขายหน้ากันแน่ยังไม่รู้หรอก!”
“เจ้ามันหน้ามืดตามัวสิ้นดี!”
หลิวซื่อหลับตาลงไม่กล่าววาจาอีก ปล่อยให้หลีกวงซูเอะอะโวยวายตามใจชอบ
นางยังต้องทำใจสบายๆ ให้กำเนิดบุตร ไม่มีเวลาสนใจคนปัญญานิ่มพรรค์นี้!
กระนั้นสิ่งที่ใครๆ คิดไม่ถึงคือผ่านไปไม่ถึงสองวัน เรื่องที่ท่านหมอชราเปิดโปงคุณสามสกุลหลีที่หลอกลวงท่านอาสะใภ้ว่าตั้งครรภ์ได้แพร่กระจายออกไปเงียบๆ ในหมู่ชาวตระกูลแวดวงเดียวกันของเมืองหลวงแล้ว