หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 686
บทที่ 686
จวนสกุลหลีมีบ่าวไพร่ไม่มากนัก คนที่ปรนนิบัติรับใช้ในเรือนซ้ายก็ยิ่งมีน้อย นอกจากปิงลวี่กับอาจูสาวใช้ประจำตัวสองคน มีแค่สาวใช้ทำงานต่ำต้อยอีกสองคนเท่านั้น
เฉียวเจาเมตตาใจกว้างกับบ่าวไพร่ ขณะนี้เวลาอาหารมื้อเที่ยงเพิ่งผ่านไป สาวใช้สองคนเก็บโต๊ะเสร็จแล้วไปนอนพักยามกลางวันตามปกติ ในลานเรือนว่างโล่ง ใบกล้วยที่นับวันเขียวชอุ่มขึ้นทุกทีคลี่แผ่ออกโบกพลิ้วตามแรงลม
นางยืนอยู่ข้างกอกล้วยนอกหน้าต่าง นิ่งเฉยมองดูสตรีออกเรือนแล้วรื้อค้นข้าวของในห้อง
ผ่านไปราวสองเค่อ พี่สะใภ้ของอาจูดูคล้ายเริ่มกลัวจะโดนจับได้ นางเหลียวซ้ายแลขวาครู่หนึ่งแล้วจัดของที่กระจัดกระจายกลับเข้าที่เดิม จากนั้นจรดฝีเท้าย่องออกนอกประตูไป
เฉียวเจากลับเข้าห้องด้วยหน้าตาไม่บ่งบอกอารมณ์ใด
อาจูคุกเข่าลงตรงหน้านางดังตุบ
แพขนตาของเฉียวเจากระพือขึ้นลงเบาๆ นางกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ “อาจูลุกขึ้นเถอะ”
นางลุกขึ้นยืนเงียบๆ
ปิงลวี่เอ่ยถามด้วยความโกรธสุดจะทน “อาจู เหตุใดพี่สะใภ้ของเจ้าถึงมีนิสัยขี้ขโมยเช่นนี้”
อาจูหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย
“เอาล่ะ ปิงลวี่ นี่ไม่ใช่ความผิดของอาจู”
“คุณหนู ท่านอย่ากล่าวเช่นนี้เลย ข้าไม่รู้จะเอาหน้าซุกไว้ที่ไหนแล้วจริงๆ เจ้าค่ะ” อาจูก้มหน้าจนคางจรดอกแล้ว “ข้าไม่สมควรให้นางเข้ามาทำงานในจวนเจ้าค่ะ”
“นี่นางเข้ามาเป็นครั้งที่หกแล้วกระมัง”
อาจูสั่นสะท้านไปทั้งตัว
เรือนซ้ายมีอาณาบริเวณทั้งหมดอยู่เท่านี้ พี่สะใภ้ของอาจูแอบเข้ามาครั้งแรกก็ถูกนางจับได้แล้ว นางตั้งท่าจะออกไปขัดขวาง แต่เฉียวเจาห้ามไว้
หลังจากนั้นเป็นต้นมา พี่สะใภ้ของอาจูฉวยจังหวะได้เมื่อไรก็จะแอบมาที่เรือนซ้าย แต่เฉียวเจาสั่งกำชับอาจูกับปิงลวี่ไว้ ไม่เพียงห้ามขัดขวาง ทั้งยังต้องพยายามหลบหลีกเท่าที่จะทำได้เป็นการเปิดทางสะดวกให้แก่อีกฝ่าย
“อาจู พี่สะใภ้ของเจ้าอยากขโมยอะไรกันแน่”
“ข้าไม่ทราบเจ้าค่ะ”
ปิงลวี่กระทืบเท้า นางมองไปทางเฉียวเจา “คุณหนู เหตุใดท่านปล่อยให้คนไร้ยางอายผู้นั้นแอบเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่าเจ้าค่ะ ข้าเห็นแล้วโมโหจริงๆ”
เฉียวเจายิ้มน้อยๆ “เพราะข้าก็อยากรู้ว่านางต้องการขโมยสิ่งใดกันแน่น่ะสิ”
นางเคยคิดว่าพี่สะใภ้ของอาจูอยากเข้าจวนสกุลหลีเพราะไม่อยากอยู่อย่างปากกัดตีนถีบข้างนอก หลังเข้าจวนมาบางทีอาจจะอาศัยบารมีของอาจูหลบเลี่ยงเกี่ยงงาน ทว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่พี่สะใภ้ของอาจูเล็ดลอดเข้าห้องนาง นางก็กระจ่างแจ้งว่าจุดประสงค์ที่พี่สะใภ้ของอาจูเข้ามาในจวนมิใช่ง่ายดายอย่างที่เห็นแล้ว
ในมือนางมีของอะไรที่ทำให้คนอื่นหมายตากันแน่นะ
หรือว่าจะเป็นตำราแพทย์ที่ท่านปู่หลี่ทิ้งไว้ให้นางหีบนั้น
ด้วยเหตุนี้เฉียวเจาอยู่ว่างๆ ก็หยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาเปิดอ่าน พออ่านเสร็จแล้วก็วางทิ้งไว้ข้างหมอน ตอนพี่สะใภ้ของอาจูแอบเข้ามาอีกครั้ง เห็นแล้วหาได้สนใจตำราแพทย์ไม่
บางทีในบรรดาของขวัญที่เซ่าหมิงยวนมอบให้นางมีบางสิ่งเป็นที่หมายปองของคนอื่น
เฉียวเจาลองเอาของขวัญบางชิ้นที่เซ่าหมิงยวนมอบให้วางตรงจุดที่สะดุดตาในห้องอีก
ตอนพี่สะใภ้อาจูแอบเข้ามาเห็นของขวัญพวกนั้นแล้วสองตาลุกวาว นางลูบๆ คลำๆ ด้วยความติดอกติดใจ หยิบขึ้นแล้ววางลงสลับกันไปมาอย่างสองจิตสองใจอยู่เช่นนี้นานสองนาน สุดท้ายนางมิได้แตะต้องของพวกนั้น
คราวนี้เฉียวเจาคับข้องใจจริงๆ นางเพ่งมองของขวัญที่พี่สะใภ้ของอาจูเคยหยิบจับพลางกัดริมฝีปากอย่างโกรธเคือง
เมื่อครู่พี่สะใภ้ของอาจูทำน้ำลายหกใส่มันไปแล้ว น่าโมโหเจียนตายเลยทีเดียว
เฉียวเจาหยิบของขวัญพวกนั้นขึ้นจะโยนทิ้ง แต่คิดๆ แล้วก็หักใจไม่ได้ ได้แต่หยิบผ้าเนื้อนุ่มๆ มาเช็ดอย่างบรรจง
พี่สะใภ้ของอาจูอยากหาอะไรกันแน่นะ หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังพี่สะใภ้ของอาจูอยากได้สิ่งใดจากนาง
เฉียวเจาจมลงสู่ภวังค์ความคิดทีละน้อย
ปิงลวี่เอ่ยกับอาจูอย่างโกรธเกรี้ยว “ทีนี้เจ้าพอใจแล้วสิ คุณหนูไม่มีแก่ใจจะกินอาหารแล้ว ไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าคิดอย่างไร ใครที่ไหนตกยากก็จูงเข้าจวนหมด นึกว่าคุณหนูเปิดโรงทานจริงๆ หรือ”
อาจูหลุบตาต่ำไม่กล่าววาจา ปล่อยให้ปิงลวี่ดุด่าตามสบาย
ปิงลวี่เห็นว่าชวนทะเลาะไม่ได้ก็กระทืบเท้าเดินออกไป
วันนี้ท้องฟ้ามืดครึ้ม พี่สะใภ้ของอาจูคงจะค้นหาของที่ต้องการไม่พบสักทีเลยเริ่มร้อนใจแล้ว ภายในวันเดียวนางถึงกับแอบเข้ามาเป็นครั้งที่สาม เป็นเหตุให้ปิงลวี่ที่อยู่ในห้องหาที่ซ่อนตัวไม่ได้ จำต้องลอดตัวเข้าไปหลบอยู่ใต้เตียง
เพลานี้เฉียวเจานอนตะแคงอยู่บนเตียงพักผ่อนอยู่
เมื่อมาบ่อยขึ้นๆ ความหวาดกลัวในใจพี่สะใภ้ของอาจูเลือนหายไปมากโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว นางถึงกับกล้ายืนอยู่ข้างเตียงพิศดูเฉียวเจาอึดใจหนึ่ง
เฉียวเจาพลิกตัวทีหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ เผยให้เห็นหมอนปักลายดอกไห่ถังผลิบานเกือบทั้งใบ
พี่สะใภ้ของอาจูหยุดสายตาที่หมอนปักลายงามวิจิตรใบนั้น ความคิดหนึ่งพลันสว่างวาบขึ้นในหัว นางยื่นมือไปเคาะแผ่นไม้ตรงหัวเตียง
เสียงก๊อกๆ ดังก้องๆ แผ่วเบาลอยมา พี่สะใภ้ของอาจูตาเป็นประกาย นางคลำหาอยู่เป็นนานถึงเปิดช่องลับตรงหัวเตียงออก
ถึงจะเป็นช่องลับ แต่เพราะอยู่ตรงหัวเตียงจึงไม่ได้ใส่ของล้ำค่าอันใดไว้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นของกระจุกกระจิกที่เฉียวเจาหยิบใช้ตามสบาย ชิ้นที่มีค่ามากที่สุดในนั้นคือสร้อยลูกประคำไม้กฤษณาที่อู๋เหมยซือไท่มอบให้เส้นนั้น
พี่สะใภ้ของอาจูหยิบสร้อยลูกประคำเส้นนั้นออกมาทันที นางเอามันส่องกับไฟมองพินิจอย่างละเอียดชั่วครู่แล้วรีบสอดเก็บในอกเสื้อ จากนั้นหมุนกายจะเดินออกไป
จังหวะนี้เอง ม่านหน้าต่างที่รวบขึ้นพลันคลี่ลงปิด แสงสว่างในห้องมืดสลัวลงกะทันหัน
พี่สะใภ้ของอาจูชะงักเท้าด้วยความตกใจ เสียงพูดราบเรียบไร้อารมณ์ดังขึ้นข้างหลัง “ที่แท้สิ่งที่เจ้าค้นหาอยู่ตลอดก็คือสิ่งนี้เองหรือ”
เฉียวเจาลุกขึ้นนั่งตั้งแต่เมื่อไรก็สุดรู้ นางเพ่งมองแผ่นหลังของพี่สะใภ้อาจูด้วยสีหน้าเฉยเมย
นางคิดทบทวนไปมาแล้วหากคนที่อยู่เบื้องหลังพี่สะใภ้ของอาจูไม่สนใจสิ่งของที่หมอเทวดาหลี่กับเซ่าหมิงยวนมอบให้นาง เช่นนั้นความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือสร้อยประคำไม้กฤษณาของขวัญจากอู๋เหมยซือไท่เส้นนี้แล้ว
น่าเสียดายที่ขโมยโง่เขลาเกินไป นางจำต้องเป็นฝ่ายวางสร้อยประคำไว้ตรงจุดที่สะดุดตาเอง
“ว้าย!” พี่สะใภ้ของอาจูกรีดร้องด้วยความตกใจแล้วก้าวขาออกวิ่ง
ประตูห้องจู่ๆ ก็ปิดเอง
พี่สะใภ้ของอาจูถลันเข้าไปผลักประตู กลับพบว่าเปิดไม่ออก
“สิ่งนั้นไม่อาจให้เจ้าเอาไปได้” เสียงหัวเราะแผ่วเบาของเด็กสาวข้างหลังดังลอยมา
พี่สะใภ้ของอาจูหมุนกายขวับ แผ่นหลังชิดติดประตูห้อง นางเห็นเฉียวเจานั่งสง่าอยู่ตรงข้างเตียงแล้วหน้าซีดเผือด
เฉียวเจาลุกขึ้นเดินไปหาพี่สะใภ้ของอาจู
ทั้งที่เด็กสาวใต้แสงสลัวๆ โฉมงามดุจบุปผา ทว่าตกอยู่ในสายตาของพี่สะใภ้อาจูกลับละม้ายเห็นผีก็ไม่ปาน นางลุกลนหันหลังไปดึงประตูสุดแรง แต่มันกลับไม่ขยับสักนิด
พี่สะใภ้ของอาจูร้อนรนจนเหงื่อหลั่งโซมกายอย่างรวดเร็ว นางเห็นเฉียวเจาเดินมาใกล้ก็ชักเท้าออกวิ่งไปทางริมหน้าต่าง
ได้ของมาแล้ว ต่อให้ถูกจับได้ก็ไม่สำคัญ ขอแค่ออกไปจากที่นี่ได้เท่านั้นเป็นพอ!
พี่สะใภ้ของอาจูลอบปลอบใจตนเอง นางสะดุดเท้าตนเองทีหนึ่งจนเสียหลักล้มลงกับพื้นเต็มแรง เป็นเหตุให้ศีรษะของนางชนกับขาโต๊ะ
ปิงลวี่ดึงเท้ากลับจับกระโปรงให้เข้าที่ นางแค่นเสียงกล่าว “เหลืออดจริงๆ ทำให้ข้าเปื้อนฝุ่นไปทั้งตัว”
“สลบไปแล้ว” เฉียวเจาก้มตัวไปดู
“คุณหนู ข้าก่อปัญหาอีกแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ”
เฉียวเจายิ้มน้อยๆ “เปล่า กึ่งหลับกึ่งตื่นกำลังดี”
พี่สะใภ้ของอาจูที่อยู่ในห้วงฝันรู้สึกหนาวอยู่สักหน่อย นางขดตัวเข้าหากันคิดด้วยสติพร่าเลือนว่า ลมหนาวหลงฤดูเอาเรื่องจริงๆ เลย จวนจะเข้าฤดูร้อนอยู่แล้ว ไฉนยังหนาวขนาดนี้นะ
ตอนนี้เองสุ้มเสียงอบอุ่นนุ่มนวลพลันดังขึ้น “พี่สะใภ้เสียง ของได้มาแล้ว เจ้ายังไม่ตื่นอีกหรือ”
พี่สะใภ้ของอาจูลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย เบื้องหน้าสายตาเป็นความมืดสลัว มองเห็นคนที่ไต่ถามไม่ชัดถนัดตา มีเพียงเสียงกาน้ำหยดบอกเวลาเป็นจังหวะสม่ำเสมอนั่นที่ได้ยินชัดเจนมากขึ้นในสภาพรอบตัวเฉกนี้ ทว่านางเคยคุ้นกับเสียงแบบนี้มาเนิ่นนานแล้ว
“ฝนตกแล้ว เม็ดฝนจากชายคาเรือนหยดลงมาเป็นสายคล้ายม่านลูกปัด เจ้ากางร่มเดินอยู่ในตรอกที่มืดมิด มันเป็นตรอกที่ยาวมากๆ เจ้าเดินไปข้างหน้าช้าๆ…จนเดินไปถึงท้ายตรอกในที่สุด ตอนนี้บอกข้าสิว่าเจ้ามองเห็นอะไร”